คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 500 เจ้าอาวาสน้อยนางมักมากในโลกีย์
ตอนที่ 500 เจ้าอาวาสน้อยนางมักมากในโลกีย์
เดือนสอง ลมฤดูใบไม้ผลิคล้ายกับคมมีด หลังจากส่วนหนึ่งของน้ำแข็งละลายลงแล้ว ยามที่ลมพัดต้องใบหน้าก็เกิดความเจ็บปวดขึ้นมา
ยามเช้าตรู่รถม้าสองคันตามหลังผู้คนต่อแถวมุ่งหน้าเข้ามาในเมืองหลี ข้างกายยังมีองครักษ์ควบม้าสูงสง่าหกนายตามมา ดึงดูดให้คนจำนวนไม่น้อยมองอย่างอยากรู้อยากเห็น คนใหญ่คนโตใดจะเข้าเมืองเช่นนั้นหรือ
ทหารเล็กหน้าประตูเมืองรับหนังสือแสดงฐานะคำสั่งที่เขียนด้วยมือมาตรวจดู ไม่นานก็วางลง ทำให้ทหารเล็กที่อยู่อีกด้านหนึ่งเดินเข้ามาและเอ่ยถามขึ้น “มาจากที่ใดกัน”
“มาจากทางทิศตะวันออก อย่าเพิ่งถาม คนที่พวกเราไม่อาจล่วงเกินได้” ทหารเล็กพลิกมือขึ้น เผยให้เห็นเหรียญเงินเล็กหนึ่งเหรียญที่อีกฝ่ายมอบมาให้พร้อมกับหนังสือแสดงฐานะ ยิ้มพลางเอ่ย “เดี๋ยวเราไปดื่มสุรากัน”
“ได้”
และด้านในรถม้าตรงหน้า ชายชราผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นย้ำๆ “นายน้อย หากได้พบกับท่านเจ้าอาวาสน้อยแล้ว ท่านอาจต้องใจเย็นกับนิสัยใจคอนางนะขอรับ ฉีกรอยยิ้มบนใบหน้าให้มาก อย่าทำให้นางไม่พอใจ”
ชายชราที่อยู่ตรงหน้านี้ คือบ่าวรับใช้ชราผู้ดูแลตงหยางโหวก่อนหน้านี้ ในยามนี้เขามากับนายน้อยที่เป็นอัมพาตเป็นเวลานานเพื่อให้ฉินหลิวซีช่วยรักษา
เย่ว์ติ้งพิงผนังรถ ขาทั้งสองข้างวางราบเอาไว้ ถูกผ้าห่มหนึ่งผืนคลุมเอาไว้ เมื่อได้ยินประโยคนี้คิ้วพลันขมวดมุ่น เอ่ย “ลุงกวน วาจานี้ท่านเอ่ยตั้งแต่ออกเดินทางจนถึงตอนนี้ ข้าแทบท่องได้แล้ว”
บ่าวรับใช้ชราเอ่ย “นี่ไม่ใช่เพราะบ่าวกลัวว่าท่านจะระเบิดอารมณ์ ทำให้แม่นางตกใจหรือ ท่านต้องจำไว้ ไม่ว่าท่านเจ้าอาวาสน้อยจะมีความสามารถเพียงใด นางก็เป็นเพียงสตรี ไม่ใช่ลูกน้องเก่าแก่หยาบคายเหล่านั้นของท่าน ต้องอดทน อีกทั้งคำพูดของท่านโหวท่านยังจำได้หรือไม่ หากไม่อาจรักษาให้หายได้จริงๆ ทำให้นางหลงใหลได้ ไม่ใช่สิ ทำให้นางพึงพอใจท่านก็นับว่าเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่”
เย่ว์ติ้งปิดเปลือกตาลง “…”
เขาเองไม่รู้ว่าตนเองนั้นมาเพื่อรักษาขา หรือว่ามาเป็นเครื่องมือดึงดูดสตรีกันแน่ หากรักษาไม่ได้ก็จะถือโอกาสหาสะใภ้ เห็นเขาเป็นสิ่งใดกัน
นอกจากนางจะเป็นสตรีที่ดีแล้ว ยังเป็นสตรีผู้มีความสามารถอีก จะสมองมืดมิดมาสนใจคนพิการคนเดียวได้อย่างไร
เย่ว์ติ้งวางมือไว้บนขาที่ไร้ความรู้สึก และหัวเราะให้กับตนเอง
เขาพิการมาเกือบจะสองปีแล้ว รักษากับหมอชื่อดังมานับไม่ถ้วน ผู้ใดก็ไม่สามารถทำให้เขากลับมายืนได้อีกครั้ง ผู้นี้เรียกได้ว่าเป็นเทพาจารย์ ส่วนทักษะทางการแพทย์นั้นเป็นไปได้จริงหรือไม่
เย่ว์ติ้งไม่อยากเชื่อนัก แต่นึกถึงท่านปู่ที่แข็งแรงไม่กังวลเกี่ยวกับขาไร้เรี่ยวแรงทั้งสองข้าง และเดินเร็วราวกับเหาะเหินเช่นนี้แล้ว เขาก็อดที่จะเกิดความคาดหวังขึ้นมาไม่ได้
หากสามารถลุกขึ้นยืนได้ ผู้ใดกันจะยอมเป็นคนพิการ
เขาเพิ่งอายุยี่สิบสามปี
เมื่อครั้งก่อนหน้าที่ตงหยางโหวมาอยู่เมืองหลี คิดว่าอย่างไรหลานชายก็ต้องมา ดังนั้นจึงสร้างจวนเล็กๆ สองหลังในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบเอาไว้ล่วงหน้า และจ้างบ่าวรับใช้อายุห้าสิบกว่าปีคู่หนึ่งมาไว้คอยดูแลที่นี่ ตอนนี้เมื่อพวกเย่ว์ติ้งมาถึงแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปหาที่พักอื่นอีก เพียงเข้ามาก็มีข้าวร้อนๆ อาหารร้อนๆ ให้กิน
“นายน้อย หลังจากที่รับประทานอาหารเช้าแล้ว ท่านพักผ่อนก่อน บ่าวจะไปเยี่ยมท่านเจ้าอาวาสน้อยด้วยตนเอง ดูว่านางอยู่หรือไม่” บ่าวรับใช้ชราค่อนข้างใจร้อน เห็นสีหน้าไม่ค่อยดีของเย่ว์ติ้ง ใบหน้ายังมีหนวดเคราบางๆ อยู่ ดูท่าคงไม่ได้สนใจตนเองมากเท่าใดนัก หันไปเอ่ยขึ้นกับบ่าวรับใช้ที่อยู่ด้านข้าง “เล่อสุ่ย เดี๋ยวไปนำน้ำมาให้นายน้อยโกนหนวดเครา ออกไปให้คนเห็นในสภาพนี้ไม่ได้”
หนังตาเย่ว์ติ้งกระตุก
เล่อสุ่ยเองก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ลุงกวนรังเกียจว่านายน้อยสกปรกมอมแมมหรือ
ภาพลักษณ์เช่นนี้ สมกับเป็นชายชาตรีที่สุดแล้ว
บ่าวรับใช้ชราเอ่ย “ท่านเจ้าอาวาสน้อยท่านนั้นเป็นคนช่างเลือก ชอบเด็กที่สะอาดสะอ้าน สวยงาม สบายตาสบายใจ รูปร่างหน้าตาของท่านตอนนี้ ค่อนข้างซีดเซียว อาจจะมองดูไม่ดีนัก”
เย่ว์ติ้ง “!”
เขามารักษาขา ไม่ใช่มาขายรูปโฉม
เห็นเย่ว์ติ้งที่สีหน้าเปลี่ยนไป บ่าวรับใช้รู้สึกกระอักกระอ่วน จึงเอ่ยขึ้นอย่างเขินอาย “บ่าวไปก่อนนะขอรับ”
เขาเองก็ไม่ต้องการนี่นา ฉินหลิวซีผู้นี้มิได้มีนิสัยน่ารักจิตใจดีเช่นนั้น หากเจ้าป่วยนางก็เพียงรักษา ส่วนเรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้ เจ้าก็อย่าได้คิดเพ้อเจ้อเอาคำพูดที่ว่าผู้ออกบวชมีใจบุญสุนทานราวกับพระโพธิสัตว์เช่นนี้มาขู่บังคับนาง นางไม่ยอมรับแม้เพียงนิด
นิสัยใจคอของคนผู้นั้นกระทำตามใจชอบ ใช้คำพูดช่วยคนหนึ่งชีวิตเทียบเท่ากับการสร้างเจดีย์เจ็ดชั้นมาขู่บังคับนาง ยังสู้กับการใช้หน้าตาไม่ได้ด้วยซ้ำ
เย่ว์ติ้งเหนื่อยใจเล็กน้อย
ลุงกวนเปลี่ยนไป อ้อนแอ้นเป็นสตรีไปแล้ว
บ่าวรับใช้ชราและองครักษ์สองนายลากรถเกวียนนำของฝากพื้นเมืองไปที่ร้านเฟยฉางเต๋า เมื่อเข้าไปในร้านก็เห็นเฉินผีและวั่นเช่อเด็กทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่
“เสี่ยวเฉินผี เสี่ยววั่นเช่อ สวัสดีปีใหม่ ข้ามาแล้ว” บ่าวรับใช้ยิ้มตาหยีเดินเข้าไป “ยังจำข้าได้หรือไม่”
เฉินผีลุกขึ้นยืน ยกมือขึ้นทำความเคารพ “ท่านลุง สวัสดีปีใหม่ ไม่นึกเลยว่าท่านจะมาเร็วเช่นนี้”
วั่นเช่อเองก็ทำความเคารพเช่นเดียวกัน มองไปด้านหลังของเขา เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านแม่ทัพอาวุโสไม่มาหรือเจ้าคะ”
“เดิมตกลงกันแล้ว คราวนี้พานายน้อยของข้ามา เพิ่งมาถึงวันนี้ ตอนนี้กำลังพักผ่อนอยู่ที่เรือน เก็บของสักหน่อยถึงจะมาเข้าพบท่านเจ้าอาวาสน้อยที่นี่ ส่วนนายท่านอาวุโสก็ต้องประจำการที่ฐานทัพ” บ่าวรับใช้ชราอธิบายไปด้วย และควักซองสีแดงสองซองออกมาจากอกส่งให้ทั้งสองคนไปพลาง “ปีนี้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่ก็ถือว่าเป็นการขึ้นปีใหม่ รับอั่งเปาไปคนละซอง ขอให้ปีใหม่นี้โชคดีมีชัย”
หากไม่เอ่ยเช่นนี้ จะเป็นบ่าวรับใช้ในตระกูลร่ำรวยได้อย่างไร ปีใหม่แล้ว ซ้ำยังไม่ใช่คนสนิทชิดเชื้ออะไรกัน เขาก็ยังให้อั่งเปา
เฉินผีสองพี่น้องติดตามฉินหลิวซีมาหลายปี ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่คุณชายสูงส่ง ทว่าฉินหลิวซีกลับไม่เคยปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างขาดตกบกพร่อง แม้กระทั่งของดีๆ ที่คนธรรมดาไม่เคยเห็นไม่เคยกิน พวกเขาล้วนเคยได้ลิ้มรสมัน ความรู้ก็มี ไม่ได้ขาดแคลนเงิน กระทั่งรู้สึกว่าสำหรับพวกเขานั้นเงินไม่มีประโยชน์นัก เพราะว่าพวกเขาไม่ต้องซื้อสิ่งใด ฉินหลิวซียกให้ทั้งหมดแล้ว
ขณะนี้ที่บ่าวรับใช้ชรากำลังให้อั่งเปา ในใจของเขาเองจึงรู้สึกดีใจ เพราะเขามีน้ำใจ
“ขอบคุณขอรับท่านลุง”
วั่นเช่อที่เห็นเฉินผีรับมาแล้ว จึงรับมาด้วยเช่นกัน รู้สึกได้ว่าอั่งเปานี้ไม่ใช่เงินเหรียญ แต่คล้ายกับตั๋วเงิน เพียงคิดในใจว่าช่างใจกว้างเสียจริง
ตอนนี้ตั๋วเงินของต้าเฟิง จำนวนเงินต่ำสุดเริ่มที่สองตำลึง
“พี่ผี ข้าจะไปเรียกท่านเจ้าอาวาสน้อย” วั่นเช่อเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม
บ่าวรับใช้อาวุโสเอ่ยขึ้นทันใด “ท่านเจ้าอาวาสน้อยก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ จะให้นางมาหาข้าได้อย่างไรกัน ข้าไปหานางเองก็ได้”
ขณะที่เขากำลังจะขยับตัว ฉินหลิวซีก็ถูกเถิงเจาผลักออกมาจากด้านในห้องโถง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้านับนิ้วคำนวณดูแล้ว มีสหายเก่ามา ไม่ผิดจริงด้วย ท่านผู้อาวุโส ท่านแม่ทัพอาวุโสสบายดีหรือไม่”
บ่าวรับใช้ชราเห็นหลิวฉินซีนั่งอยู่บนรถเข็น จึงถามขึ้นด้วยความตื่นตกใจ “นี่ท่านเป็นอะไรไปขอรับ”
ไยผ่านไปหนึ่งปี ถึงได้พิการแล้วเล่า
“เพียงเคลื่อนไหวไม่สะดวกชั่วคราว พิการเพราะต้องโทษห้าโทษสามวิบัติ ไม่เป็นไร” ฉินหลิวซีอธิบาย
บ่าวรับใช้ชราถอนหายใจไปหนึ่งเฮือก เอ่ย “ท่านทำข้าตกใจแล้ว เป็นพรของท่าน พวกเรากลับไปอย่างปลอดภัย ร่างกายของท่านแม่ทัพอาวุโสเองก็แข็งแรงขึ้น ไม่มีส่วนใดไม่สบายแม้เพียงนิด ผ่านไปยังไม่ถึงปีก็เร่งรัดให้ข้ากับนายน้อยเดินทางมายังที่นี่ วันนี้จึงได้เข้าเมืองมา ถือโอกาสมาขอรับการรักษา มา โชคดีมีชัยในปีใหม่ ข้าให้อั่งเปาทุกคน ขอให้ราบรื่นไร้อุปสรรค”
ฉินหลิวซีเอ่ย “ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ อย่างที่ข้าได้เอ่ยไปก่อนหน้าว่าหากเขามา ข้าจะตรวจรักษาให้อย่างสุดความสามารถ ข้าไม่ผิดคำพูดหรอก”
“ข้ารู้ขอรับ แต่พวกท่านก็ล้วนเป็นเด็กไม่ใช่หรือ อั่งเปานี่ข้าก็เอามาแจกแทนท่านแม่ทัพอาวุโส เป็นเงินกำจัดปีศาจ[1]” บ่าวรับใช้ชราเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม
ฉินหลิวซีจึงต้องรับมันมา บ่าวรับใช้ชราทักทายเพียงไม่กี่คำ จึงได้นัดหมายว่าจะพาเย่ว์ติ้งมาในยามบ่าย ทิ้งของฝากพื้นเมืองเอาไว้แล้วจากไป
[1]เงินกำจัดปีศาจ หรือยาซุ่ยเฉียน เป็นเงินที่ใส่ซองสีแดงเหมือนอั่งเปา โดยคนจีนมีความเชื่อว่าในช่วงเทศกาลตรุษจีนจะมีปีศาจร้ายมาที่บ้านแล้วจะจับตัวเด็กๆ ไป ผู้ใหญ่จึงให้ “ยาซุ่ยเฉียน” แก่เด็กๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ปีศาจลักพาตัวเด็กไป