คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 503 ไข่มุกมังกรวารีถูกคนชุบมือเปิบชิงไปก่อนแล้ว
- Home
- คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า
- ตอนที่ 503 ไข่มุกมังกรวารีถูกคนชุบมือเปิบชิงไปก่อนแล้ว
ตอนที่ 503 ไข่มุกมังกรวารีถูกคนชุบมือเปิบชิงไปก่อนแล้ว
ถึงแม้ฉินหลิวซีจะได้รับรู้ว่าความแปรปรวนขึ้นสุดลงสุดในคราวเดียวกันว่าเป็นเช่นไร แต่ว่าทุกคนต่างไม่สนใจ ขอเพียงสามารถรักษาอาการอัมพาตของท่านแม่ทัพน้อยได้ พวกเขาต่างยอมรับความสะเทือนใจที่หนักกว่านี้ได้
ยิ่งไปกว่านั้นที่เรียกว่าใช้เวลานาน เป็นเพียงระยะเวลาที่นานสำหรับนางเท่านั้น พวกเขาอาจจะไม่รู้สึกเลยสักนิด ทำเหมือนว่านี่เป็นการพักฟื้นในสถานที่ที่ดี มีน้ำใสไหลรินภูเขาเขียวขจี
บ่าวรับใช้ชรามองขาที่มีลักษณะที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยของเย่ว์ติ้ง มือทั้งสองข้างถูกันไปมา เอ่ยถาม “ท่านเจ้าอาวาสน้อย เช่นนั้นแล้วเมื่อใดถึงจะเริ่มทำการรักษา แล้วอาการฝ่อลีบนี้จะทำการรักษาอย่างไร”
“ใช้วิธีการนวดฝังเข็มในการรักษา นอกเหนือจากนี้ก็แช่ยาสมุนไพร รับรองว่าเลือดลมจะไหลเวียนขึ้น รายการปรุงอาหารที่จัดเตรียมก็ต้องละเอียดถี่ถ้วนสักหน่อย” ฉินหลิวซีให้เฉินผีไปหยิบน้ำมันเส้นลมปราณที่กลั่นโดยเฉพาะมา เทลงบนมือ เอ่ย “ท่านลองนวดดูก่อน”
ขณะที่นางกำลังจะเริ่ม พลันชำเลืองมองไปทางเย่ว์ติ้ง เอ่ยขึ้นหนึ่งประโยค “ข้ามิได้จะล่วงเกินท่านหนา เป็นเพียงการรักษาเท่านั้น”
เย่ว์ติ้งรู้สึกกระอักกระอ่วนไม่น้อย เอ่ย “ข้าน้อยไม่กล้าสงสัยท่านเจ้าอาวาสน้อยหรอก”
ฉินหลิวซีจึงเริ่มลงมือ น้ำมันเส้นลมปราณล้วนสามารถคลายกระดูกเส้นเอ็นทะลวงเส้นลมปราณ บวกกับฝีมือการนวดเข้าไป เป็นการเปิดเส้นที่อุดตันลมปราณได้ดี รวมถึงจุดฝังเข็มกับฝีมือความชำนาญ ก็จำเป็นต้องพิถีพิถันเป็นอย่างมาก
เหล่าบ่าวรับใช้ชรากำลังจับจ้องตาไม่กะพริบ เห็นได้ชัดว่ามือเล็กๆ ของนาง คล้ายกับจะไม่มีแรง ทว่าเมื่อกดไปบนขาของเย่ว์ติ้ง เพียงไม่นานก็ขึ้นสีแดง
ขาของเย่ว์ติ้งไร้ความรู้สึก แต่ที่น่าแปลกก็คือมองมือของนางที่กำลังวางอยู่บนขาไม่หยุดนิ่ง เขาคล้ายรู้สึกถึงเส้นลมปราณกำลังขยายออกภายใต้ฝ่ามือที่เก่งกาจของนาง
เย่ว์ติ้งมองฉินหลิวซีอยู่ชั่วครู่หนึ่งอย่างอดไม่ได้
อีกฝ่ายตั้งใจจริงจัง ไม่มีความอ่อนโยนและความกระดากอายเลยแม้แต่น้อย นางเพียงทำเรื่องปกติที่หมอพึงกระทำต่อคนไข้
เย่ว์ติ้งเคลื่อนสายตา มองนางที่กำลังนั่งอยู่บนรถเข็นอย่างเงียบๆ
ช่างน่าอัศจรรย์ยยิ่งนัก เขาถูกคนพิการรักษาความพิการให้ หากเอ่ยออกไป ผู้คนคงได้หัวเราะเยาะเป็นแน่
เย่ว์ติ้งเองก็หัวเราะเช่นกัน
เมื่อสังเกตเห็นสายตาที่กำลังมองมา เขาก็แสร้งทำใบหน้าเมินเฉย
ตอนนั้นเองฉินหลิวซีก็หยุดการบีบนวดลง นางเช็ดมือ และเริ่มฝังเข็มอีกครั้ง ฝังลงจุดซานอิ๋นเจียว จุดจู๋ซานหลี่ก็ลงเข็มทั้งหมด ลงเข็มอย่างรวดเร็ว ทุกคนยังไม่ทันมองเข็มเล่มนั้นก็ทิ่มลงบนขาทั้งสองข้างอย่างมั่นคง ปลายเข็มสั่นไหวเบาๆ
“ทิ้งเข็มค้างไว้ครู่หนึ่ง” ฉินหลิวซีมาถึงที่หน้าโต๊ะ เขียนใบจ่ายยาแช่เท้า อีกทั้งยาบำรุงอาการบอบช้ำภายในหนึ่งแผ่น น้ำแกงบำรุงอีกหนึ่งแผ่น
“อาการบาดเจ็บภายในของท่านแม้จะรักษาหายแล้ว อย่างไรภายในนั้นก็เชื่อมต่อกัน การบาดเจ็บภายในเส้นประสาทไขสันหลังก่อนหน้านี้ได้รับความเสียหายเป็นเวลานานจึงยิ่งหนักขึ้นไปอีก เส้นลมปราณติดขัดจากความเย็น ความไม่สมดุลของหยินหยางยิ่งก่อให้เกิดชี่และเลือดพร่องทั้งคู่ ไม่เป็นผลดีกับอาการอัมพาต ใช้โอกาสในการรักษาอาการฝ่อลีบนี้เพื่อดูแลร่างกายไปพร้อมกัน ปรับพื้นฐานของร่างกายนี้ เมื่อถึงยามที่ต้องรักษาจริงๆ จะได้ไม่ต้องทำสิ่งใดมากมายนัก” ฉินหลิวซีส่งใบสั่งยาให้กับบ่าวรับใช้ชรา มองไปยังเย่ว์ติ้ง เอ่ย “สิ่งนี้มิได้ใช้หลักการเดียวกันกับการไปออกรบ ดังนั้นต้องเตรียมพร้อมในทุกๆ ด้าน”
เย่ว์ติ้ง “ลำบากท่านแล้ว”
บ่าวรับใช้ชรายังถามถึงเรื่องที่จำเป็นต้องระวังอีกครั้ง เช่นอาหารการกินและการใช้ยา
ฉินหลิวซีเขียนสิ่งที่ต้องระวังให้ไปอีกหนึ่งแผ่น เรียกได้ว่าละเอียดลออมาก
ความละเอียดรอบคอบนี้ทำให้เย่ว์ติ้งและคนอื่นๆ ต่างรู้สึกตื่นเต้นพลางมองสบตากัน
อายุเท่านี้ ได้ยินมาว่ายังเป็นนักพรตหญิงอีกด้วย มีความละเอียดรอบคอบกว่าหมอที่เป็นบุรุษ เอาใจใส่และรอบคอบเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อฝังเข็มได้ตามเวลาที่กำหนดแล้ว ฉินหลิวซีก็ถอนเข็มออก นวดปิดปากเข็ม เอ่ย “พรุ่งนี้ค่อยมาอีกครั้งเถิด หากมีเวลาให้เด็กรับใช้ช่วยนวดให้ก็ได้ เพื่อให้เลือดและชี่ไหลเวียน การฟื้นฟูก็ยิ่งเร็วยิ่งขึ้น”
“ขอรับ”
บ่าวรับใช้กลับนึกถึงแต่ห้องเต๋านั้น ยิ้มพลางเอ่ย “ท่านเจ้าอาวาสน้อย ข้าอยากให้คุณชายไปเยี่ยมชมที่ห้องเต๋า”
เขาเอ่ยพร้อมหยิบตั๋วเงินจำนวนสองพันตำลึงมอบให้ “นี่เป็นค่ารักษาในยามนี้ หากไม่พอพวกเราค่อยเพิ่มให้อีก”
ได้ตามต้องการ
ฉินหลิวซีเอ่ยกับวั่นเช่อ “เจ้าพาเขาไปเถิด”
เย่ว์ติ้งสงสัยว่าห้องเต๋าคือสถานที่อย่างไร จนกระทั่งได้มาสัมผัสด้วยตนเอง ถึงตระหนักได้ว่าฝีมือของอีกฝ่ายนั้นเก่งกาจกว่าที่เขาจินตนาการไว้มากโข
ฉินหลิวซีไม่ได้สนใจความคิดของเขา ดึงศิษย์ทั้งสองเข้ามาหาเพื่ออธิบายถึงโรคนี้ ให้พวกเขาจดบันทึกเอาไว้ สิ่งนี้ยิ่งทำให้องครักษ์ของเย่ว์ติ้งรู้สึกประหลาดใจขึ้นไปอีก
เจ้าอาวาสน้อยผู้นี้เก่งกาจเกินไปแล้ว
บ่าวรับใช้ชราออกมาหลังจากส่งเย่ว์ติ้งเข้าห้องเต๋าแล้ว ตามมาหาฉินหลิวซี เอ่ย “ไข่มุกมังกรวารีที่ท่านต้องการ ท่านโหวได้ส่งคนไปตามหาแล้ว ไข่มุกมังกรวารีอายุเช่นนั้นไม่ง่ายที่จะมีคนนำออกมา เกรงว่าคงต้องใช้เวลาสักระยะ”
ฉินหลิวซีพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “มังกรวารีที่อายุห้าร้อยปี หากไม่พ่ายแพ้ต่อภัยพิบัต ล้วนแล้วแต่สามารถจุติเป็นมังกรได้ ไข่มุกมังกรวารีของมันเรียกได้ว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แน่นอนว่าหายากและพบได้ยากขึ้นไปอีก เป็นของล้ำค่าตกทอดกันมาที่ถูกคนซุกซ่อนเอาไว้ก็สมเหตุสมผล”
บ่าวรับใช้ชราพ่นลมหายใจออกมา เพียงเกรงว่าฉินหลิวซีจะรู้สึกว่าพวกเขาตั้งใจยื้อเวลาไม่รักษาขาของนายน้อย เอ่ยประโยคที่ตงหยางโหวเคยเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ท่านโหวเอ่ยไว้ว่าหากมันหายากจริงๆ ของของตระกูลเย่ว์นั้น ท่านต้องการสิ่งใดก็สามารถเอามันไปได้เลย ยังติดค้างน้ำใจท่าน ตราบใดที่ไม่ใช่การขายชาติบ้านเมืองหรือการกบฏต่อแผ่นดิน เขายอมทั้งนั้น” ดีที่สุดคือการชดเชยด้วยนายน้อย น่าเสียดายดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ในสายตานางเลย
ดวงตาของฉินหลิวซีโค้งเป็นรอยยิ้ม “เช่นนั้นต้องขอบคุณท่านโหวอย่างยิ่งแล้ว”
พวกเขากลับไม่รู้ว่า ตงหยางโหวได้ข่าวที่มาที่ไปของไข่มุกวารีมาบ้างแล้ว อยู่ในหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ที่คนในครอบครัวทำการประมงมาหลายยุคสมัย ทว่าเมื่อมาถึงหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ นั้น คนในครอบครัวนั้นกลับบอกว่าไข่มุกมังกรวารีถูกคนเอาไปแล้ว
“ท่านโหว หากข้าน้อยโป้ปดแม้เพียงคำเดียว ย่อมไม่ตายดี ไข่มุกมังกรวารีเป็นสิ่งล้ำค่าของตระกูลขุยของข้าที่ส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่น แต่ในรุ่นของข้ากลับรักษามันต่อไปไม่ได้ เพราะถูกลูกอกตัญญูนั่นของข้านำมันไปแลกเปลี่ยนเส้นทางชีวิต เป็นเคราะห์ร้ายของวงศ์ตระกูลจริงๆ ข้ารู้สึกอับอายต่อบรรพบุรุษยิ่งนัก” ชายชราแซ่ขุยกำลังถูกหลานชายประคองอยู่ ยันไม้เท้าที่ทำมาจากไม้ลงกับพื้น น้ำตาไหลด้วยความโศกเศร้า
“ผู้ใดเอาไปหรือ”
ชายชราขุยเช็ดน้ำตา เอ่ยขึ้น “ท่านโหว ผู้ที่เอาไข่มุกวารีไปคืออันเฉิงโหวตระกูลเหมิง ไข่มุกวารีนี้พวกเขาเตรียมจะมอบให้กับฮ่องเต้เป็นของกำนัลในวันคล้ายวันพระราชสมภพ เดิมทีข้าไม่อยากตอบรับ แต่หากไม่ให้ ตระกูลของพวกเราก็ไม่มีทางรอดแล้ว โทษลูกอกตัญญูนั่นของข้าที่รักษาความลับนี้เอาไว้ไม่ได้”
สีหน้าของตงหยางโหวยิ่งถมึงทึงขึ้น
อันเฉิงโหวเป็นผู้ให้กำเนิดพระสนมเหมิงกุ้ยเฟย และให้กำเนิดองค์ชายน้อยกระทั่งเป็นที่โปรดปรานมากจนตระกูลเหมิงหยิ่งยโสโอหัง เพียงประโยคเดียว คนคนเดียวได้ดีผู้คนรอบตัวก็พลอยได้ดิบได้ดีไปด้วย ภูมิใจในความร่ำรวยขึ้นมา
ระยะเวลาเกือบครึ่งปี ไม่รู้ว่าฮ่องเต้นั้นต้องการรักษาสมดุลอำนาจของวังหลัง หรือเพราะอื่นใด ทั้งให้นางสนมเสวี่ยเลื่อนตำแหน่งมีหน้ามีตา และลดความโปรดปรานของพระสนมเหมิงลง ปัจจุบันนางสนมเสวี่ยยังไม่มีบุตร แต่กลับได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นสองขั้นติดกัน กลายเป็นนางสนมเสวี่ยผินแล้ว
หากเรียกอันเฉิงโหวเข้าไปถวายไข่มุกมังกรวารีห้าร้อยปีนี้เพื่อเป็นของกำนัลในวันคล้ายวันพระราชสมภพ จะไม่เป็นความก้าวหน้าอีกหนึ่งก้าวของเหมิงซื่อหรือ
เช่นนี้ไม่ได้การแล้ว
ยังไม่เอ่ยถึงว่าไข่มุกมังกรวารีเป็นสิ่งที่ฉินหลิวซีต้องการ เหมิงซื่อยังมีความแค้นกับตระกูลของนางด้วย
ตงหยางโหวโกรธไม่น้อย มาช้าเพียงหนึ่งก้าว ทำให้ตระกูลเหมิงชุบมือเปิบไปได้ง่ายๆ
“พวกเขาไปได้กี่วันแล้ว”
“ข้าคำนวณดู ได้ห้าวันแล้วขอรับ”
ตงหยางโหวรีบหมุนตัวกลับขึ้นหลังม้าทันที ครุ่นคิดว่าต้องทำเช่นไรถึงจะได้ไข่มุกมังกรวารีนี้กลับคืนมา แลกเปลี่ยนไม่ได้ เช่นนั้นคงทำได้เพียงลงมือด้วยวิธีการสุดโต่ง อย่างไรเขาต้องได้ไข่มุกมังกรวารีมา
“รีบไปเชิญท่านอาจารย์โหมวมาพบข้าเร็วเข้า” ตงหยางโหวกำชับกับนายทหารของตนให้ไปเชิญทหารคนสนิทที่มีความสามารถและเป็นผู้ที่ตนเองไว้ใจที่สุด ส่วนเขารีบควบม้าเร็วไปสกัดคนของเหมิงซื่อ