คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 506 ข้าอยากจับหมาป่าสีขาวด้วยมือเปล่า
ตอนที่ 506 ข้าอยากจับหมาป่าสีขาวด้วยมือเปล่า
ฟังคำของเย่ว์ติ้งแล้ว ฉินหลิวซีเองก็ชะงักไปชั่วครู่ พลันหัวเราะขึ้นมา
“ข้าเพียงรักษาอัมพาตให้ท่าน ท่านกลับมอบชีวิตท่านให้กับข้า การค้าขายนี้ มองอย่างไรข้าก็ได้เปรียบ เป็นการค้าที่ไม่เท่าเทียม ท่านก็ทำหรือ”
เย่ว์ติ้งส่ายศีรษะ เอ่ย “บุรุษเอ่ยแล้วไม่คืนคำ ในเมื่อตอนนั้นท่านปู่ข้ารับปากกับท่านแล้วว่าจะตามหาไข่มุกมังกรวารีนี้มาให้เพื่อเป็นค่ารักษา ยามนี้ผิดคำพูด เช่นนั้นแน่นอนว่าต้องแลกกับอย่างอื่น ข้าไม่รู้ว่าของสิ่งนั้นสำคัญกับท่านอย่างไร แต่ในเมื่อท่านเอ่ยปาก เช่นนั้นจะต้องสำคัญอย่างแน่นอน คำสั่งสอนของตระกูลเย่ว์อยู่ตรงนั้น ภักดีต่อต้าเฟิงภักดีต่อฮ่องเต้ ไม่อาจทรยศต่อแผ่นดินเพราะเรื่องส่วนตัว บุญคุณมาแล้ว น้ำใจนี้ มีเพียงตัวข้าเองที่จะชดใช้ได้ ชีวิตนี้เป็นของท่านแล้ว”
ฉินหลิวซียิ้มบาง เอ่ย “ไข่มุกมังกรวารีนี้สำคัญกับข้ามากจริงๆ แต่รู้ที่อยู่ของมันแล้ว ข้าหาวิธีเอามันมาด้วยตนเองได้อย่างแน่นอน เพียงแต่ในเมื่อท่านเอ่ยเช่นนี้ ชีวิตของท่านเป็นของข้า เช่นนั้นก็เป็นของข้าแล้ว รักษาชีวิตนี้เอาไว้ให้ดี อย่าได้ตายง่ายๆ นอกจากข้า ผู้ใดก็ไม่สามารถเอาชีวิตท่านได้ รู้หรือไม่”
เย่ว์ติ้งชะงัก
บ่าวรับใช้ชราเห็นเช่นนั้น จึงเอ่ย “เจ้าอาวาสน้อย สกุลเหมิงกำลังมีอำนาจ ท่านเป็นศัตรูกับพวกเขา ไม่รู้ว่า…”
ฉินหลิวซีส่งเสียง หึ ขึ้นมา “ข้าเองก็อยากรู้ พวกเขาจะมีความกล้าล่วงเกินหมอผีเต๋าคนหนึ่งหรือไม่”
“สกุลเหมิงกระทำการร้ายกาจ ไข่มุกมังกรวารีนี้พวกเขาหลอกล่อให้บุตรชายครอบครัวชาวประมงแซ่ขุยผู้นั้นติดการพนัน ติดหนี้จำนวนมาก ใช้เงินพนันมากดดัน จากนั้นใช้ชีวิตของคนตระกูลขุยมาชดใช้ จากนั้นใช้ชั้นเชิงของคนรวย ดำเนินการเป็นขั้นๆ จึงได้มันไปไว้ในกำมือ” เย่ว์ติ้งหน้าตึงขึ้นมา เอ่ย “เจ้าเล่ห์เช่นนี้ ดำเนินการแยบยลไม่โจ่งแจ้ง ท่านเองไม่จำเป็นต้องเอาคุณธรรมของตนไปต่อสู้กับพวกเขา ท่านบอกว่ามีห้าโทษสามวิบัติคอยพันธนาการเอาไว้อยู่มิใช่หรือ ท่านทุ่มเทต่อสู้กับพวกเขาเช่นนี้ พวกเขาไม่คู่ควรกระมัง”
“ใช่ขอรับ ท่านเจ้าอาวาสน้อยรอก่อน รอดูว่าท่านที่ปรึกษาโหมวจะเจรจากับอันเฉิงโหวผู้นั้นได้สำเร็จหรือไม่ หลังจากนั้นค่อยวางแผนนะขอรับ”
หัวใจของฉินหลิวซีอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย “วางใจ พวกเขาไม่มีค่าพอให้ข้าทุ่มเทเช่นนี้”
หลายคนผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่นด่าสกุลเหมิงอยู่ในใจไปหนึ่งรอบ
ฉินหลิวซีพาเถิงเจากลับมายังร้านเฟยฉังเต๋า เฟิงซินนอนอยู่บนต้นไม้ของเรือนราวกับนายท่าน มองเห็นนางกลับมาก็กระโดดลงมาจากต้นไม้ หมุนตัวแล้วกลายร่างเป็นคน
“เจ้ามันเจ้าเด็กไร้จิตใจ ข้าไม่มาหาเจ้า เจ้าก็ไม่มาหาข้าเลย” เฟิงซิวชี้นิ้ว “แล้วนี่อะไร ได้ยินเฉินผีน้อยบอกว่าเจ้ารักษาอาการอัมพาตให้แม่ทัพน้อยผู้หนึ่ง เสร็จแล้วหรือ คนผู้นั้นเล่า”
“อัมพาตไหนเลยจะหายในเร็ววัน ข้าคือหมอเต๋า มิใช่เทพเซียน ไม่อาจฝังเข็มเดียวก็ทำให้คนเป็นอัมพาตสองปีลุกขึ้นมากระโดดโลดเต้นได้ หากมีก็คงเป็นการโอ้อวด อัมพาตปลอม” ฉินหลิวซีเดินเข้ามาในห้องเต๋า เอ่ยถาม “แต่เจ้ากลับมาอย่างไรกัน มิใช่บอกว่าอาศัยช่วงครึกครื้นในฤดูใบไม้ผลิจัดงานประมูลหรือ”
“นี่มิใช่เพราะคิดถึงเจ้าเด็กไร้หัวใจอย่างเจ้าหรอกหรือ งานประมูลมีเพียงสิ่งของเหล่านั้นที่มาๆ ไปๆ น่าเบื่ออย่างยิ่ง ให้เม่ยเซิงเฝ้าก็พอแล้ว” เฟิงซิวเอ่ย “เพียงแต่ฤดูใบไม่ผลินี้ครึกครื้นมากจริงๆ ได้ข่าวว่ากลางเดือนสามจะมีการสอบหน้าพระที่นั่ง[1] ถึงตอนนั้นก็จะมีจอหงวนเดินเตร่ไปมาตามท้องถนน การเลือกบุตรเขย เจ้าจะไปร่วมชมความสนุกสนานหรือไม่”
“ไป”
“หืม” เฟิงซิวหันหน้ามา “จริงหรือ เจ้าจะเข้าเมืองจริงหรือ”
ฉินหลิวซีหน้าบึ้ง เอ่ย “ไข่มุกมังกรวารีถูกคนของสกุลเหมิงชิงไปแล้ว”
เฟิงซิวนิ่งไปชั่วครู่ เอ่ยถาม “ไข่มุกมังกรวารีอายุห้าร้อยปีเม็ดนั้นน่ะหรือ เกิดอะไรขึ้น”
ฉินหลิวซีเล่าข่าวที่เย่ว์ติ้งส่งมาคร่าวๆ ไปหนึ่งรอบ
เฟิงซิวรู้ว่าไข่มุกมังกรเป็นสิ่งที่นางเตรียมเอาไว้ปรุงยา สำคัญเป็นอย่างยิ่ง จึงถูมือด้วยความสนอกสนใจ เอ่ย “เช่นนั้นเราเข้าเมืองหลวงเพื่อไปแย่งชิงหรือ”
โอ้ นี่น่าสนุกยิ่งกว่าการประมูลเสียอีก
ฉินหลิวซีกลอกตาสีหน้าเบื่อหน่ายพลางมองเขา “แย่งชิง เจ้ายังเอ่ยออกมาได้ ข้าเป็นประชาชนธรรมดา จะทำเรื่องผิดกฎหมายเช่นนั้นได้อย่างไร”
เฟิงซิวหัวเราะหึออกมา “ให้ข้าเอ่ยเตือนเจ้าหนึ่งประโยคหรือไม่ เจ้าอายุสิบเอ็ดก็สร้างเรื่องลากคนมาทุบอยู่ท้ายซอยแล้ว ยังจะมาแสร้งเป็นซื่อตรงอีก”
“หนึ่งแลกหนึ่ง ตอนนั้นเป็นเพราะข้าอายุน้อย อารมณ์ร้อน” ฉินหลิวซีเอ่ย “ไข่มุกมังกรวารีนี้แม้สกุลเหมิงจะใช้วิธีชั่วช้าได้มันมา แต่อย่างไรก็เป็นความยินยอมของทั้งสองฝ่าย เป็นการแลกเปลี่ยนโดยสมบูรณ์ ไข่มุกมังกรวารีนี้ ยามนี้เป็นของสกุลเหมิง แย่งชิงแน่นอนว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ข้ากลัวฟ้าผ่า”
ตาเฒ่าบนสวรรค์นี่นับวันยิ่งเข้มงวดกับนาง หากทำเรื่องเช่นนี้จริงๆ โทษของสวรรค์เกรงว่าคงไม่ใช่เพียงฟ้าผ่าไหม้เกรียมเพียงภายนอกกระมัง
“ข้าไม่แย่ง ไข่มุกมังกรวารีนี้ ข้าต้องเอากลับมาให้ได้” ฉินหลิวซีเอ่ย “ต้องให้พวกเขายอมยกให้ด้วยความเต็มใจถึงจะได้”
“เจ้ามีวิธีหรือ”
“ไม่มี”
เฟิงซิว “!”
หากไม่มี เจ้าจะเอ่ยหาสวรรค์อะไรเล่า
“ไปเมืองหลวงก่อนค่อยว่ากัน หากยังไม่เปิดก็เลื่อนออกไปอีกสักหน่อย เอาอวี้เสวี่ยจีไปประมูลสักสิบขวด จากนั้นให้ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะปล่อยข่าวหนึ่งออกไป บอกว่าปีนี้ปีหน้าอวี้เสวี่ยจีจะไม่มีขายอีก ขาดตลาด” ฉินหลิวซีเอ่ย “หากตระกูลเหมิงมาร่วมประมูล ให้พวกเขาเอาไข่มุกมังกรวารีมาแลกเปลี่ยน”
เฟิงซิวเอ่ย “เจ้าต้องการใช้อวี้เสวี่ยจีสิบขวดแลกกับไข่มุกมังกรวารี คิดว่าตระกูลเหมิงโง่หรืออย่างไร”
“ข้าก็ไม่ได้คิดนี่ สิ่งที่ข้าคิดคือจับหมาป่าสีขาวด้วยมือเปล่าต่างหาก” คิดแล้วก็สวยงาม
เฟิงซิว “…”
เช่นนั้นเจ้าจะเอ่ยเช่นนี้เพื่ออะไรกัน
“มิใช่เพราะข้าคร้านจะใช้สมองหรือ ใช้สิ่งของแลกสิ่งของก็ยุติธรรมนี่”
“ต่อให้ยุติธรรม นั่นก็เป็นเพียงอวี้เสวี่ยจีสิบขวดเท่านั้น ไข่มุกมังกรวารีของศักดิ์สิทธิ์หายากเช่นนี้ เอาไปเป็นของกำนัล ไม่รู้ได้หน้าได้ตาเพียงใด ไม่แน่ว่าฮ่องเต้ต้าเฟิงดีใจขึ้นมา เลื่อนขั้นให้ตระกูลเหมิงเพิ่มอีกขึ้น” เฟิงซิวยังรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้นัก
ฉินหลิวซีกลับเอ่ย “ท่านลืมแล้ว ตระกูลเหมิงมีวันนี้ได้ เพราะพระสนมเหมิงกุ้ยเฟย นางได้รับความโปรดปรานในวังหลัง ตระกูลเหมิงก็จะได้รับคุณความดีไปด้วยไม่น้อย หากไม่รีบตาย การเลื่อนตำแหน่งอย่างไรก็เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว แต่คนคนหนึ่งจะรักษาความโปรดปรานเอาไว้ได้กลับไม่ใช่เรื่องง่ายนัก อย่างไรหญิงงามในวังหลังมีมากมาย ต้องการเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ต่อไป ตำแหน่งไม่ต้องเอ่ยถึง รูปร่างหน้าตาเองก็สำคัญ ให้ฮ่องเต้เอาแต่รักแต่ชอบเจ้าเพียงคนเดียวหรือ อย่าเอ่ยให้น่าขันไปเลย”
เฟิงซิวลูบใบหน้าของตนเล็กน้อย “โชคดีที่ข้างดงามโดยธรรมชาติและยากจะโรยรา”
“อืม งดงามยิ่งแล้ว”
เฟิงซิวโกรธ “หากเจ้ายังล้อเลียนข้าข้าจะจัดการเจ้า”
ฉินหลิวซีหัวเราะหึออกมา สะบัดแขนเสื้อ ใครกลัวใครกันเล่า
เฟิงซิวเปลี่ยนเป็นยิ้มออกมา เอ่ย “ข้าเพียงเอ่ยเหลวไหลไปเท่านั้น อย่าได้คิดจริงจังนักเลย”
ฉินหลิวซีส่งเสียงหยันอย่างไม่พอใจ เอ่ยต่อ “ไม่ขายอวี้เสวี่ยจีสองปี สตรีในวังคงได้ตื่นตระหนก พระสนมเหมิงกุ้ยเฟยเองก็คงเป็นหนึ่งในนั้น เมื่อเทียบกับหญิงงามอ่อนวัยเหล่านั้น นางสูงส่ง แต่ก็ยังเป็นสตรีที่มีอายุและคลอดบุตรแล้ว เทียบกับหญิงสาวแรกแย้มยิ่งจำเป็นต้องรักษาความเยาว์วัยยิ่งกว่า ของขวัญล้ำค่าหายากมีได้มากมายหลายชนิด แต่สิ่งที่ช่วยรักษารูปโฉมของสตรีมีเพียงอวี้เสวี่ยจีอย่างเดียว ท่านว่านางจะให้ตระกูลเหมิงประมูลมันมาให้ได้ในที่สุดหรือไม่ ยิ่งหลังจากวันพระราชสมภพไปแล้ว สิ่งที่นางกลัวจะใกล้เข้ามามากขึ้นแล้ว”
เฟิงซิวครุ่นคิด สิ่งนี้ดูจะมีเหตุผล
“นี่เป็นเพียงหนึ่งในวิธี ส่วนวิธีอื่น ถึงเมืองหลวงแล้วค่อยคิด ไม่แน่อาจไม่ต้องเสียอวี้เสวี่ยจีไปแลกกับนางด้วยซ้ำ” ดังนั้นนางต้องไปเมืองหลวงสักครั้ง ดูว่าจะมีดวงหรือไม่
[1] การสอบหน้าพระที่นั่ง เป็นการสอบรอบสุดท้ายของการสอบขุนนาง ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดเรียกว่า จอหงวน