คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 517 ขู่เข็ญ กระดิ่งนี้กับข้ามีวาสนาต่อกัน
ตอนที่ 517 ขู่เข็ญ กระดิ่งนี้กับข้ามีวาสนาต่อกัน
เหยาเฟยเฟยอัดอั้นตันใจแทบแย่ กระทืบเท้าแล้วเดินไปตรงประตูด้วยอารมณ์ขัดเคือง ทว่าหูสองข้างกับคอยเงี่ยหูฟัง นางไม่เชื่อหรอกว่าศิษย์พี่ใหญ่ไร้หนทางจับผีร้ายตนนั้น แล้วนางปากคอเราะร้ายนั่นจะจับได้
เสวียนชิงจื่อเหนื่อยใจสุดขีด เรื่องแรกถูกฉินหลิวซีจูงจมูก ซักไซ้จนหมดเปลือก เรื่องที่สองศิษย์น้องหญิงสร้างแต่เรื่องหนักใจจนเขาต้องขอโทษแทนไม่หยุด
ความจริงต่อให้เหยาเฟยเฟยอัดอั้นตันใจ แล้วเขาไม่อัดอั้นตันใจบ้างหรือ
เขาเองก็เป็นยอดอัจฉริยะที่โดดเด่นไม่แพ้ใคร ยามผจญอยู่โลกภายนอก มีใครไม่เคารพนับถือเขาบ้าง ทว่าพอมาถึงเมืองเล็กๆ อย่างเมืองหลีกลับถูกถลกศักดิ์ศรีออกหมด
เสวียนชิงจื่อข่มอารมณ์โมโหไว้ก่อนบอกเคล็ดอาคมและวิธีการใช้งานของกระดิ่งไล่วิญญาณไปรอบหนึ่ง เขาเองก็อยากรู้ความสามารถของเจ้าอาวาสน้อยผู้นี้เช่นกัน
ฉินหลิวซีเองก็ไม่ได้สร้างความลำบากใจให้อีกแต่อย่างใด นางไม่ได้ทำเพื่อศิษย์พี่น้องคู่นี้ แต่เพื่อเจ้าผีร้ายตนนั้น ไม่ว่าจะถูกข่มขู่หรือยินยอมด้วยตนเอง เขาควรยุติทุกอย่างลงได้แล้ว
ดังนั้นฉินหลิวซีจึงร่ายเคล็ดวิชาอาคมนั้นเบาๆ รอบหนึ่ง จากนั้นก็ลงมือขยับมือวาดและเอ่ยบทสวดอาคมที่เสวียนชิงจื่อสอนให้ แต่เจ้ากระดิ่งไล่วิญญาณนั่นกลับไร้การตอบสนอง
เสวียนชิงจื่อผิดหวังอยู่บ้าง
เหยาเฟยเฟยกลับชอบใจ จองหองขนาดนั้น ที่แท้ก็แค่ภาพลักษณ์บังหน้า นางรู้อยู่แล้วว่าชื่อเสียงของอีกฝ่ายก็แค่คำคุยโวของชาวบ้านในเมืองเล็กๆ ที่สายตาตื้นเขินก็เท่านั้น
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนเอ่ย “หรือพลังของผีร้ายตนนั้นจะถลำลึกลงไปมากแล้ว”
“มีความเป็นไปได้” ฉินหลิวซีมองกระดิ่งไล่วิญญาณพลางขบคิด เอ่ยขึ้นว่า “แต่ตรายันต์ของกระดิ่งไล่วิญญาณประทับบนร่างแล้ว ถึงแม้พลังจะถลำลึกไปไกลจนกลบมิด แต่ขอแค่อาวุธของพวกเราไม่เสียหาย บวกกับลงอาคมเพิ่มไป ย่อมตามกลิ่นอายอักขระยันต์ของตรายันต์นั้นได้”
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนกล่าวว่า “เจ้าลองดูเถิด”
ฉินหลิวซีลุกขึ้นแล้วหยิบกระดาษยันต์และพู่กันก่อนจะกางกระดาษออก สองมือประสานก่อนเริ่มขีดเขียนภาพยันต์
เสวียนชิงจื่อมองด้วยท่าทีตกตะลึง ภาพยันต์ของอารามชิงผิงง่ายดายราวละครเด็กเช่นนี้หรือ แล้วมือสะอาดที่จุดธูปบูชาเทพเซียนป่าวประกาศจนก้องโลกนั้นเล่า
เหยาเฟยเฟยหลุดขำออกมาแทบตาย ภาพลักษณ์บังหน้านี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
ทว่าขณะที่ปลายพู่กันของฉินหลิวซีจรดลงหัวยันต์ รอยยิ้มตรงมุมปากของนางก็แข็งทื่อ
เดิมทีฉินหลิวซีใช้เวลาวาดภาพยันต์เสร็จในชั่วเวลาอึดใจเดียว นางไม่ได้เพิ่มอาคมลงบนอาวุธชิ้นนี้ ใช้เพียงยันต์เชิญเทพศักดิ์สิทธิ์มาแนบติดบนกระดิ่งไล่วิญญาณเป็นการชั่วคราว เพื่อติดตามเบาะแสตราประทับนั้นผ่านเทพ เช่นนี้คงได้แล้วกระมัง
ดังนั้นพอนางวาดยันต์ศักดิ์สิทธิ์เสร็จกลับไม่ได้นิ่งเฉยแต่อย่างใด จัดการเอายันต์มาแปะเหนือกระดิ่งไล่วิญญาณ มือทั้งสองประสานกัน ริมฝีปากเผยอเล็กน้อยก่อนร่ายเคล็ดวิชาท่อนหนึ่งออกมา จากนั้นยันต์ศักดิ์สิทธิ์ก็มอดไหม้เองโดยไร้เปลวไฟ
เสียงลมหายของเสวียนชิงจื่อชะงักเล็กน้อย เขาจับจ้องไม่วางตา หลังจากยันต์ศักดิ์สิทธิ์มอดไหม้ ราวกับกระดิ่งไล่วิญญาณมีแสงสีทองอร่ามเปล่งประกายขึ้นมาเป็นชั้นบางๆ
ฉินหลิวซีวาดมือพร้อมร่ายเคล็ดวิชากระดิ่งไล่วิญญาณ ครั้งนี้นางสันทัดกว่าการใช้งานที่ล้มเหลวครั้งเมื่อครู่อยู่มากโข
เสวียนชิงจื่อมองด้วยความเข้าใจ นัยน์ตาทอประกายแสงรำไร
เมื่อนางร่ายเคล็ดวิชาออกกมา กระดิ่งไล่วิญญาณพลันขยับพร้อมส่งเสียงกริ๊งๆ
สุดท้ายเสวียนชิงจื่อและเหยาเฟยเฟยก็สีหน้าเปลี่ยนยกใหญ่
นางเรียนรู้จนทำได้แล้วจริงๆ ซ้ำยังได้ผลด้วย
กระดิ่งไล่วิญญาณเริ่มส่งเสียงพลางขยับพร้อมเปล่งแสงสีขาวออกมา สองดวงตาของฉินหลิวซีปิดลงเล็กน้อย จิตวิญญาณไล่ตามเบาะแสไปถึงอักขระยันต์ฐานค่ายอาคมภายในกระดิ่งไล่วิญญาณซึ่งมีแรงตอบสนองกับสถานที่แห่งหนึ่ง
“ตรงทิศตะวันตกเฉียงใต้ มีเขาร้างลูกหนึ่ง ในเขาลูกนั้นมีสุสานทรุดโทรมรกร้างแห่งหนึ่ง” หลังจากฉินหลิวซีมองเห็นภาพนั้นแล้วถึงเปิดเปลือกตาขึ้น
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนเอ่ย “สุสานรกร้างทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ หรือว่าจะเป็นหมู่บ้านเสี่ยวหมางในอดีต”
ฉินหลิวซีตัดการติดตามเทพแล้วเอ่ย “เป็นไปได้สูง เพราะสุสานรกร้างแห่งนั้นอยู่ห่างจากตำบาลชิงสุ่ยไม่ไกล เพราะชิงสุ่ยมักลากศพไร้ญาติไปที่นั่น”
“เจ้าคงไม่ได้เหลวไหลกระมัง” เหยาเฟยเฟยดึงสติกลับมาหลังจากตกอยู่ในห้วงตื่นตระหนก นางปากพล่อยอีกแล้ว
ฉินหลิวซีรำคาญสุดขีด ยิ้มหยัน “แล้วแต่จะเชื่อไม่เชื่อ ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ต้องรับผลวิบากกรรม”
เหยาเฟยเฟยหน้าเขียวปั๊ด
เสวียนชิงจื่อกลับเชื่อ พลันลุกขึ้นยืนพร้อมเอ่ย “หากอยู่ที่นั่น พวกเราต้องรีบไปโดยเร็ว เพื่อเลี่ยงไม่ให้เขาหนีไปได้อีก”
“ไม่ไปส่งแล้วกัน”
เสวียนชิงจื่อเห็นนางไม่ขยับเช่นนั้น ร่างก็แข็งทื่อไปชั่วขณะก่อนเอ่ยขึ้นว่า “บัดนี้มีเพียงเจ้าอาวาสน้อยที่ใช้งานกระดิ่งไล่วิญญาณนี้ได้ เพื่อเลี่ยงไม่ให้เจ้าผีร้ายหลบหนีไปได้อีกครั้ง เจ้าอาวาสน้อยโปรดช่วยพวกเราอีกแรงทีเถิด”
“ไม่ได้ เจ้าผีร้ายตนนั้นถูกพวกเจ้ายั่วยุจนมีแรงแค้นพยาบาท ไม่แน่อาจขาดสติสัมปชัญญะไปแล้วด้วยซ้ำ ข้าอายุยังน้อย พลังบำเพ็ญก็ต่ำ ขอไม่ไปเผชิญความตายแล้วกัน” ฉินหลิวซีกล่าวปฏิเสธโดยไม่ตรึกตรองสักนิด
เสวียนชิงจื่อ “…”
เจ้าสามารถใช้งานอาวุธนี้ได้ในขณะที่ข้าใช้งานไม่ได้ เจ้ายังบอกว่าพลังบำเพ็ญต่ำอีกหรือ
เหยาเฟยเฟยยิ่งรู้สึกว่าฉินหลิวซีจงใจตั้งแง่จองหองพองขนเพื่อตบหน้าพวกนางมากกว่า
ขณะที่นางหมายพูดบางอย่าง ฉินหลิวซีก็โพล่งขึ้นว่า “พวกเจ้าบอกว่าให้พวกเราช่วยตามหาก็เพื่อราษฎรใต้หล้า ข้าก็ช่วยเจ้าแล้ว คงไม่มีอะไรพูดได้แล้วกระมัง หากเอาเรื่องราษฎรใต้หล้ามาใช้ดักคอข้า ข้าจะไม่ทนเอาเรื่องศีลธรรมมาผูกติดกายอีกต่อไป! อีกอย่างอารามจินหัวของพวกเจ้าเลื่องชื่อไปทั่ว คนมากมายต่างสรรเสริญ เหตุใดต้องให้นักพรตหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งช่วยด้วยเล่า หากแพร่งพรายออกไปจะไม่ใช่เรื่องน่าขันหรือ”
ยามนี้ใบหน้าของเสวียนชิงจื่อหน้าเสียไป
เหยาเฟยเฟยโมโหหมายพุ่งเข้าไปข่วนหน้านาง ไม่สิ ต้องปิดปากไปเลย ปากนี่ทำมาจากมีดหรือไร วาจาถึงได้คมคายขนาดนี้
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนสะบัดแส้หางม้า เอ่ย “ศิษย์เอ๋ย อย่ามัวอู้อยู่เลย อารามจินหัวทำเพื่อชาวบ้านด้วยพลังใจอันเปี่ยมล้น เรื่องขจัดสิ่งชั่วร้ายผดุงความถูกต้องไม่ใช่เรื่องที่ควรปฏิเสธ จากนี้ก็ไม่ต้องทนเห็นชาวบ้านทนทุกข์เฉยๆ แล้ว เจ้าช่วยพวกเขาอีกครั้ง หลังจบเรื่องนี้ไม่แน่ศิษย์พี่เสวียนชิงจื่ออาจมีค่าตอบแทนก้อนโตให้เจ้าก็ได้”
เสวียนชิงจื่อรู้สึกฟังดูพิกล แต่ก็เอ่ยเออออตามไปด้วย “ท่านอาวุโสพูดถูก ข้าไม่ขอให้ศิษย์น้องหญิงทำโดยเสียแรงเปล่าแน่นอน”
เหยาเฟยเฟย “?”
เหตุใดถึงเรียกว่าศิษย์น้องหญิงแล้วล่ะ นั่นมันข้าต่างหาก!
ฉินหลิวซีลูบไล้กระดิ่งไล่วิญญาณอย่างเบามือพลางเอ่ย “เช่นนั้นหรือ ข้าว่ากระดิ่งไล่วิญญาณชิ้นนี้กับข้ามีวาสนาต่อกัน”
ในเมื่อมีวาสนา ใช้อย่างคล่องมือ เช่นนั้นก็ควรตกเป็นของข้าสิ
เสวียนชิงจื่อกระตุกยิ้มมุมปาก “…”
เหยาเฟยเฟยขึงดวงตาสองข้าง “!”
นางไม่ได้ยินผิดไปใช่หรือไม่ นี่จะเอากระดิ่งไล่วิญญาณเลยหรือ
“เจ้าฝันไปเถอะ หน้าของเจ้าหนายิ่งกว่าชั้นหิมะบนเขาเสียอีก คิดจะเอาอาวุธของศิษย์พี่ข้าหรือ” เหยาเฟยเฟยไม่เคยเจอใครเงื่อนไขเยอะเพียงนี้ นี่มันกรรโชกกันชัดๆ
ฉินหลิวซีมองนางก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “ศิษย์พี่หญิงผู้งดงาม ก็แค่กระดิ่งไล่วิญญาณอันหนึ่ง หรือมันสำคัญกว่าราษฎรในใต้หล้านี้อีกหรือ”
เหยาเฟยเฟยสำลัก คนสารเลว ใครเป็นศิษย์พี่หญิงของเจ้ากัน!
เสวียนชิงจื่อเอ่ยด้วยเสียงในลำคอแหบพร่า “ศิษย์น้องหญิงปู้ฉิว อาวุธชิ้นนี้อาจารย์เป็นคนให้พี่…”
“อาจารย์ของเจ้าบรรลุขั้นสร้างรากฐานสำเร็จแล้วมิใช่หรือ แค่หล่ออันใหม่ที่ดีกว่าขึ้นมาก็จบ” ฉินหลิวซียักไหล่ก่อนดันกระดิ่งไล่วิญญาณส่งไปให้แล้วเอ่ย “ในเมื่อทำให้เสวียนชิงจื่อลำบากใจก็ช่างเถิด ตรงหน้าเป็นแค่เส้นวิบากกรรมอันน้อยนิด ไม่เป็นอันตรายใหญ่โต อย่างมากก็แค่แทรกซึมพลังบำเพ็ญเข้าไปยากก็เท่านั้น”
เสวียนชิงจื่อหายใจติดขัด มุมปากกระตุก เขาใคร่ครวญอย่างละเอียด พอขบคิดถึงความลำบากก็หน้าเศร้า ก่อนจะเลื่อนกระดิ่งไล่วิญญาณนั้นไปให้ด้วยความปวดใจ “ในเมื่อศิษย์น้องหญิงปู้ฉิวถูกชะตา เช่นนั้นก็มอบให้เจ้าแล้วกัน นักพรตสายเต๋าเหมือนกันล้วนทำเพื่อประชาชนในใต้หล้า มิควรใส่ใจเรื่องเล็กน้อย”
เหยาเฟยเฟยตกใจขึ้นมาแล้ว “ศิษย์พี่!”
ฉินหลิวซีคลี่ยิ้มอย่างพึงพอใจ กอดกระดิ่งไล่วิญญาณนั้นไว้พลางเอ่ย “ศิษย์พี่เสวียนชิงจื่อใจกว้างกว่าศิษย์พี่หญิงเสียอีก เช่นนั้นข้าก็ขอรับไว้โดยไม่ให้เสียมารยาทแล้วกัน”
“เช่นนั้นเราไปตอนนี้เลยหรือไม่” เสวียนชิงจื่อกัดฟันเลื่อนสายตาหนีจากกระดิ่งไล่วิญญาณ
ฉินหลิวซีเอ่ย “ไม่ต้องรีบ คืนนี้ค่อยไปก็ยังไม่สาย พวกศิษย์พี่ควรเตรียมพวกยันต์ขับไล่หรืออาวุธใช้ต่อกรกับเขาบ้างกระมัง มิเช่นนั้นถ้าปล่อยมันหนีไปได้อีกคงดูไม่งามเท่าไรนัก!”
ในเมื่อเรียกให้ไปด้วยกัน เจ้าแค่จะใช้กระดิ่งไล่วิญญาณเป็นตัวนำทางโดยไม่คิดลงมือช่วยจับบ้างเลยหรือ