คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 524 อาจารย์ข้าทำได้ทุกอย่าง!
ตอนที่ 524 อาจารย์ข้าทำได้ทุกอย่าง!
เดือนสาม บรรยากาศฤดูใบไม้ผลิโอบล้อม ทั้งเมืองเซิ่งจิงคึกคักอย่างยิ่งรวมไปถึงเมืองเล็กๆ ที่ล้อมรอบเมืองเซิ่งจิงทั้งสี่ด้านก็มีผู้คนเดินทางไปมาอย่างคึกคัก เพื่อเข้าไปในเมืองเซิ่งจิง รอชมขบวนแห่อันยิ่งใหญ่ที่จะจัดขึ้นเพื่อผู้สอบได้บัณฑิตจิ้นซื่อสามลำดับแรก บรรยากาศจึงคึกคักรื่นเริง
งานใหญ่ไม่ใหญ่ไม่รู้สยงเอ้อร์กับจิ่งเสี่ยวซื่อไม่สนใจ ภาพที่ได้เห็นทุกๆ สามปีไม่มีอะไรแปลกใหม่เลยสักนิด เทียบกับฝูงผีที่ร่ายรำกันอย่างสะเปะสะปะทำให้พวกเขารู้สึกทึ่งได้มากกว่า มันสะท้านสะเทือนเข้าไปถึงหัวใจ ทั้งยัง…น่าหวาดผวา!
สองพี่น้องตกทุกข์ได้ยากต่างลำบากช่วยเหลือประคับประคองกัน มองคนทั้งหลายที่อยู่ข้างหน้าตัวสั่นระริก ถือได้ว่าพวกเขาเข้าใจเป็นอย่างดี ในตอนแรกเฟิงซิวเอ่ยว่าเห็นผีที่หิวโหยจนตายเป็นเรื่องเล็กน้อยค่อยจัดการเมื่อไหร่ก็ได้ ที่แท้มีหมายความว่าเช่นนี้
เทียบกันกับการเดินบนเส้นทางสายหยินอันมืดมนที่ได้พบเจอผีหลายรูปแบบ บรรดาผีต่างก็มีลักษณะแตกต่างกันไป พวกผีที่โหยหิวจนตายนั้นไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นผักดองกินเคียงอาหารจากหลักได้ด้วยซ้ำ ถือเป็นแค่ของกินเล่นเท่านั้น
คิดไปถึงตอนที่พวกเขาออกจากเส้นทางอันมืดมนอย่างกะทันหัน ชนเข้ากับคนเก็บอุจจาระในยามกลางคืนเข้าอย่างจัง เขาตกใจราวกับเห็นผี ร้องออกมาคำหนึ่งว่ามีผีแล้วทิ้งถังอุจจาระวิ่งหนีไปทันที
สยงเออร์ได้กลิ่นเหมือนกับน้ำอุจจาระบนตัวเอง เขาส่งเสียง ‘อ๊อก’ อาเจียนออกมาทีหนึ่ง
ที่จริงถูกน้ำอุจจาระกระเด็นใส่นิดหน่อยคงไม่โกรธ ใครให้เจ้าอาวาสน้อยพลิกรถคว่ำเล่า หันไปมองคนเก็บอุจจาระที่ตกใจขวัญกระเจิง สงสัยกลับไปคงเปลี่ยนอาชีพแล้ว
ฉินหลิวซีนึกในใจว่าหากอยากพลิกรถคว่ำใช่ว่าจะทำได้ เพียงชั่วเสี้ยวเวลาเท่านั้น ใครจะคิดว่าจะโผล่มาชนเข้ากับคนเทอุจจาระพอดิบพอดีเช่นนี้
คนทั้งกลุ่มเดินทางมาถึงโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง พวกเขาเปิดประตูอย่างแรง ทำเอาคนเฝ้าโรงเตี๊ยมสะดุ้งตกใจ เขามองมาอย่างระแวดระวังแล้วหันไปดูท้องฟ้าที่ยังไม่สว่าง มาหาที่พักแรมอะไรป่านนี้?
“ข้าพาพวกเขามาจากตรอกเยียนฮวา ตกบ่ออุจจาระมา ไม่มีที่ไหนให้ไปได้” ฉินหลิวซีชี้มือไปที่พวกสยงเอ้อร์ “ช่วยจัดเรือนพักส่วนตัวหลังเล็กให้ที”
เฟิงซิวโยนตั๋วเงินใบหนึ่งไปให้ “ขาดเหลือค่อยมาคิดทีหลัง เอาบ้านที่ดีหน่อย แล้วก็เตรียมน้ำร้อนสำหรับอาบน้ำ เสร็จแล้วไปซื้ออาหารเช้ามาให้กินด้วย ให้เจ้าหนึ่งตำลึงเป็นค่าเหนื่อย”
คนเฝ้าโรงเตี๊ยมเห็นจำนวนเงินที่หน้าตั๋วห้าสิบตำลึง เขาไม่สนแล้วว่าท้องฟ้าสว่างหรือมืด รีบจุดโคมพาพวกเขาไปยังเรือนพัก จากนั้นแยกไปจัดเตรียมน้ำร้อนและอาหารเช้าให้
ฟ้าสว่างพอดีกับเวลาที่ต้องนำอาหารเช้ามาให้ทุกคน
“ท่านเจ้าอาวาสน้อย เมืองจินห่างจากเมืองเซิ่งจิงแค่นั่งรถม้าครึ่งวันก็ถึง จะวันนี้หรือพรุ่งนี้ก็ไปถึงในเมืองทันเวลา ท่านว่าเสี่ยวซื่อที่ถูกแย่งอายุขัยจะสามารถร่ายอาคมแก้ไขได้หรือไม่” สยงเอ้อร์ยิ้มขื่น ใบหน้ากลมของเขาเต็มไปด้วยสีหน้าประจบเอาใจ
มียันต์ช่วยชีวิตที่ฉินหลิวซีให้ไว้ ชีวิตของจิ่งเสี่ยวซื่อยังปลอดภัย ส่วนชะตาชีวิตเขา ยังไม่อาจให้คำมั่นได้จริงๆ
เมื่อพวกเขาทั้งห้าคนออกจากเส้นทางหยิน เทียบกันแล้วในตอนนั้นที่ชนเข้ากับคนเทอุจจาระจนถังอุจจาระกระเด็นไป คนที่ประสบหายนะมากที่สุดย่อมเป็นจิ่งเสี่ยวซื่อ น้ำอุจจาระกระเด็นโดนเขาเกือบทั้งตัว ความซวยครั้งนี้เดือดร้อนเขาเต็มๆ โดนสาดจนเละ
พวกฉินหลิวซีสามคนยังสะอาด ไม่โดนสาดใส่ เฮ้อ ไม่โดนเปรียบเทียบก็ไม่เจ็บอะไร พวกเขาร้ายจริงๆ!
ฉินหลิวซีเอ่ยขึ้น “พักค้างที่นี่สักคืน ถึงอย่างไรพวกเราก็มาเพื่อแก้ไขเรื่องของเขา”
สยงเอ้อร์ได้ฟังประโยคนี้จึงถอนหายใจ เขาไม่อยากจะเชื่อ พวกเขาเดินทางกลับเข้าเมืองหลวงอย่างไร้ร่องรอย สตรีจากจวนฉังอันโหวคนนั้นยังสามารถรู้สถานที่พักระหว่างเดินทางของเสี่ยวซื่อได้อย่างน่าอัศจรรย์
รอให้เสี่ยวซื่อแก้ไขเรื่องถูกแย่งอายุขัยเรื่องนี้เสียก่อน สตรีคนนั้นต้องได้น้ำตาร่วง
ฉินหลิวซีจัดการรอบคอบ นางวาดยันต์ผ่อนคลายให้พวกเขาดื่มเพื่อให้ตื่นตัวไม่ง่วงนอน แล้วจึงให้เฟิงซิวล่วงหน้าเข้าเมืองไปก่อน
เฟิงซิว “ยันต์นี้มีฤทธิ์อยู่ได้กี่ชั่วโมง จัดการเรื่องเจ้าเด็กนั่นแล้ว พวกเราค่อยไปพร้อมกัน”
“เรื่องการประมูล ยังต้องเตรียมการล่วงหน้าอีกนิดหน่อยไม่ใช่หรือ ส่วนเรื่องไข่มุกมังกรวารี ข้าจับตาดูเอง” ฉินหลิวซีตอบ
เฟิงซิวเยาะ “ก็เป็นท่านที่ทำอะไรห่วงหน้าพะวงหลังอยู่ตลอด ถ้าพวกเขาไม่ให้ พวกเราก็ปล้นมันซึ่งๆ หน้าเสียเลย หากอยากจะขโมยไข่มุกมังกรวารีนั่นโดยที่ไม่มีใครรู้ก็ใช้วิธีบดบังสายตาเอาก็ได้”
ฉินหลิวซีเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา “สุภาพบุรุษแม้อยากร่ำรวยก็ต้องทำอย่างถูกทำนองคลองธรรม เป็นนักพรตฝึกตนใช่ว่าจะเอาให้ได้ดังใจปรารถนา ทำได้ทุกอย่างโดยไม่มีขอบเขต” ไม่ถึงที่สุดนางจะไม่ทำเรื่องที่บั่นทอนบุญกุศลที่สั่งสมมา
เฟิงซิวยิ้มเหยเกพลางเอ่ย “อย่างนั้นข้าช่วยท่านไปขโมยมาได้หรือไม่”
“จิ้งจอกเฒ่า บำเพ็ญตนมาเป็นพันปีถึงจะได้กลายเป็นคน ไม่นับวันเวลาอันยาวนานที่บำเพ็ญมาแล้ว ยังต้องรอโอกาสเหมาะ เป็นโชคดีของเจ้าที่สามารถคว้าโอกาสมีรูปกายที่พราวไปด้วยเสน่ห์มายืนพูดคุยกับข้าต่อหน้าได้ เจ้ายิ่งต้องหวงแหนโชคดีที่ได้รับมานี้ไว้ อย่ารนหาที่ตาย ไม่อย่างนั้นเจ้าหมดบุญวาสนา ข้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้”
เฟิงซิวอึ้งไป กัดฟันตอบ “ท่านชมข้า ก็ชมว่าข้ารูปงาม ไยต้องเหน็บแนมร่างข้าด้วย เฒ่ากับพราวเสน่ห์นี่หมายความว่าอะไรกันแน่”
ฉินหลิวซีกลอกตาอย่างเบื่อหน่าย “ไปเถอะ”
เถิงเจากำลังจะตามไปก็ถูกเฟิงซิวดึงเอาไว้ ถามเสียงกระซิบว่า “อาจารย์เจ้าสงสัยเลือดจะไปลมจะมา เมื่อวานอยู่ๆ ก็เคร่งขรึมเอาจริงเอาจัง”
“หยาบคาย!” เถิงเจาปลายหูแดง เขาสะบัดมือเฟิงซิวออกแล้วรีบเดินตามฉินหลิวซีไป
เฟิงซิวเอามือถูจมูก หัวเราะท่าทางเจ้าเล่ห์ “เด็กก็ยังเป็นเด็ก แหย่ง่ายเหลือเกิน เฮ้ย รอข้าด้วย”
สองมนุษย์หนึ่งจิ้งจอกออกจากโรงเตี๊ยมไปเดินดูรอบๆ ไม่นานก็ซื้อของที่จำเป็นต้องใช้กลับมาได้ครบ จากนั้นเร่งมือเตรียมตัวทำพิธีแก้เรื่องโดนขโมยอายุขัย
อย่างที่บอกไปแล้วก่อนหน้านี้ หากรู้วันเดือนปีเกิดน้องนอกไส้ของจิ่งเสี่ยวซื่อมาเขียนสี่เสาแปดอักษร[1] ที่จริงเรื่องนี้แก้ไขได้ง่ายดาย ช่วยไม่ได้แปดอักษรที่ได้มานั่นเป็นของปลอม
แต่ฉินหลิวซีก็ไม่รีบร้อน รอจิ่งเสี่ยวซื่อตื่นขึ้นมา นางค่อยถามอายุ ชื่อแซ่แล้วนำมารวมกับเดือนเกิดของเขา อาศัยวิธีการทำนายฝูจี[2] คำนวณวันเดือนปีเกิดที่แท้จริงออกมาได้
“เรื่องอย่างนี้ก็คำนวณออกมาได้หรือ” สยงเอ้อร์มีท่าทางยำเกรง
ฉินหลิวซีเอ่ย “เสวียนเหมินมีเบญจศาสตร์อู่ซู่ มีวิธีการทำนายหลายแบบ การทำนายฝูจีข้าเองก็ได้ใช้น้อยครั้ง แต่ไม่มีปัญหา แม่เลี้ยงของเจ้าคนนั้นแม้จะปกปิดเวลาตกฟากที่แท้จริงไว้ แต่ข้าเดาออกว่าวันที่เกิดคลาดเคลื่อนไม่เกินสองสามวัน ถึงจะยังไม่ใช่ ค่อยๆ คิดจากข้อมูลที่มีอยู่ก็ใช้ได้
จิ่งเสี่ยวซื่อประสานมือคารวะพลางเอ่ย “รบกวนท่านแล้ว”
ฉินหลิวซีพยักหน้า นางไม่ได้เตรียมกระบะทราย แต่ใช้ชาดวาดลงไปบนกระดาษตรงๆ จากนั้นจุดธูปหอมอันเชิญเทพพร้อมเทียนอีกหนึ่งคู่เซ่นไหว้บูชา ทำพิธีเหล่านี้เสร็จแล้วถึงประกบนิ้วมือทั้งสองข้างติดกันปากท่องคาถาอัญเชิญเทพ
ควันธูปหอมลอยขึ้นมาบางๆ
สยงเอ้อร์กลั้นหายใจไว้แน่น เขามองดูท่าทางของฉินหลิวซีแล้วพึมพำที่ข้างหูจิ่งเสี่ยวซื่อ “เจ้าว่านางจะทำได้หรือไม่?”
เถิงเจาได้ยินแว่วๆ เขาถลึงตาใส่ทีหนึ่ง ท่านอาจารย์ของเขาทำได้ทุกอย่าง
สยงเอ้อร์ยิ้มเก้อๆ เขาเอามือเกาหัวแกรกๆ
จิ่งเสี่ยวซื้อเม้มปากแน่น อยู่ๆ หนังตากระตุก
พู่กันขยับแล้ว
สยงเอ้อร์เอามืออุดปากไม่ให้เสียงร้องแสดงความประหลาดใจหลุดรอดออกจากลำคอ สายตาจ้องมองมือของฉินหลิวซีและพู่กัน
เฟิงซิวกลอกลูกตามอง เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต
ฉินหลิวซีหลับตาแน่น สองมือประกบกำพู่กันที่ทำจากกิ่งหลิวแทนไม้จี[3]มั่นคงดังเขาไท่ซาน แขนของนางไม่ขยับ แต่พู่กันในมือเหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นจับเขียนลงบนกระดาษ
เถิงเจาเห็นพู่กันเขียนอย่างต่อเนื่องไม่เคลื่อนจากที่เดิม จึงหยิบกระดาษและพู่กันมาจดตามที่พู่กันหลิวเขียนโดยไม่คลาดสายตา
ฉินหลิวซีรู้สึกว่าสำเร็จเรียบร้อยแล้ว จึงปรับจิตใจส่งเทพเจ้ากลับไป พู่กันหลิวในมือคลายลง นางจึงลืมตาขึ้นมา
เถิงเจานำวันเดือนปีเกิดแปดอักษรที่บันทึกไว้ส่งให้ ฉินหลิวซีรับมาดูแล้วฉีกกระดาษที่ตัดเป็นรูปตุ๊กตาคนตัวเล็กๆ ออกมา นางเขียนแปดอักษรบนหลังกระดาษ แทงนิ้วมือที่กดแน่นลงไป
[1]สี่เสาแปดอักษร วิชาโหราศาสตร์จีน ใช้วันเดือนปีเกิดมาผูกดวงชะตา ได้ตัวอักษรทั้งหมดแปดตัว จัดเรียงกันเป็นสี่แถว
[2]วิธีการทำนายฝูจี เป็นพิธีกรรมที่ใช้ตัวนักพรตเป็นคนทรงถ่ายทอดคำพยากรณ์ ขีดเขียนผลทำนายเป็นลายมือบนผิวทราย
[3] ไม้จี เป็นไม้ที่ใช้เป็นสื่อกลางระหว่างร่างทรงกับเทพเจ้าองค์ต่างๆ ที่ลงมาประทับเพื่อประกอบพิธีกรรมต่างๆ มีลักษณะคล้ายง่ามไม้ ในสมัยโบราณนิยมใช้กิ่งหลิวเพราะเป็นไม้มงคล เป็นหนึ่งในสามสิ่งที่ทำให้เจ้าแม่กวนอิมสำเร็จโพธิญาณ กิ่งหลิวมีลักษณะเฉพาะคือมีอำนาจขับไล่สิ่งชั่วร้าย มีความเหนียว คงทน ไม่คดงอ