คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 526 ใครกันที่ทำลายอาคมของเขา
ตอนที่ 526 ใครกันที่ทำลายอาคมของเขา
หลังจากแก้ปัญหาเรื่องชิงอายุขัยแล้ว สยงเอ้อร์กับจิ่งเสียวซื่อต่างก็ดูผ่อนคลายลงไปมาก มองท้องฟ้าเพิ่งจะเลยเที่ยงวัน พวกเขาพักผ่อนในเมืองจินอย่างไร้กังวล ฉินหลิวซีเอ่ยเรื่องที่จะกลับไปเมืองเซิ่งจิงขึ้น
การเอ่ยเรื่องนี้ตรงใจสยงเอ้อร์นัก ใครจะรู้ว่าจวนฉังอันโหวจะวุ่นวายแค่ไหน ถือโอกาสที่พวกเขายังไม่โต้ตอบรีบกลับเข้าเมืองหลวง อยากทำอะไรทางนี้ก็มีคนพร้อม
สยงเอ้อร์ไปร้านให้เช่ารถม้าด้วยตัวเองและตกลงเช่ามาสองคัน เขาเร่งคนขับรถม้าให้รุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว ต้องรีบเข้าเมืองให้ได้ก่อนที่ประตูเมืองจะปิด
จวนฉังอันโหววุ่นวายยกใหญ่เพราะเหตุการณ์ที่จิ่งอู่ล้มหมดสติกะทันหัน โดยเฉพาะฮูหยินฉังอันโหว สะใภ้หนิว นางมองป้ายหยกที่หักครึ่งของจิ่งอู่ อีกทั้งสีหน้าใบหน้าซีดเซียวที่เซื่องซึมดูเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน นางรีบวิ่งไปจับมือเขาขึ้นมาดู ภาพตรงหน้ามืดลงในทันที เป็นไปได้อย่างไร ทำไมเส้นชีวิตหดสั้นลง
หรือว่าจิ่งเหลียนยังปลอดภัย และมีคนช่วยเขาทำลายอาคม?
เป็นไปไม่ได้ จะมีใครมีความสามารถพอที่จะทำลายอาคมของศิษย์พี่หนิงได้ โดยเฉพาะหลังจากลงอาคมแล้วไม่เคยเกิดปัญหา เฉาเอ๋อร์ยิ่งดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
“ฮูหยิน ท่านหมอหลวงจากในวังมาแล้ว” คนรับใช้หญิงทั้งผลักทั้งดันสะใภ้หนิวที่ดูเหมือนตกใจจนไม่รับรู้อะไร
สะใภ้หนิวได้สติ เหลียวกลับไปมอง เป็นท่านหมอหลวงจริงๆ เขาสวมชุดขุนนาง ในมือถือกล่องยารีบเดินมาหา คนที่อยู่ข้างๆ เป็นจิ่งจื้อหมิง ผู้นำจวนฉังอันโหวคนปัจจุบัน
“รีบให้คนของเจ้าไปอารามชิงหัวเชิญนักพรตไท่หยางมาที่จวน” สะใภ้หนิวออกคำสั่งกับคนรับใช้คนสนิทข้างกายด้วยเสียงต่ำ
นางก้มศีรษะพลางถอยหลังไปหนึ่งก้าว คอยจนสะใภ้หนิวท่าทางตื่นตระหนกเข้ารับหน้าโหวเหยี่ย นางจึงรีบออกจากห้องไป
คิ้วทั้งสองข้างของฉังอันโหวขมวดเข้าหากัน มาอยู่ต่อหน้าสะใภ้หนิว เห็นใบหน้าซีดขาว สองมือพยุงนางพลางเอ่ย “เสี่ยวอู่เป็นอย่างไรบ้าง ตอนที่ข้าออกจากวังหลวงได้ยินว่าอยู่ๆ เขาก็หมดสติไป พอดีเชิญท่านหมอหลวงเมิ่งมาที่จวนได้” เขาพูดไปพลางรีบเดินเข้าห้องนอนของบุตรชายไป เมื่อเห็นบุตรชายนอนสลบไม่รู้ตัว ท่าทางอ่อนแอ่นั้น สีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นขาวซีดทันที สองขาเซแทบทรุด “เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร เมื่อวานยังดีๆ ท่านหมอหลวง รีบตรวจดูชีพจรให้เขาเร็ว”
หมอหลวงเมิ่งรีบเข้าไปจับชีพจร
สะใภ้หนิวต้องมีคนประคองถึงจะสามารถเดินไปยืนข้างๆ ฉังอันโหวได้ นางร้องไห้พลางเอ่ย “เขาจะต้องโดนพวกทรงเจ้าเข้าผีเล่นงานแน่ๆ ข้าให้เป่าไหลไปเชิญนักพรตไท่หยางมาแล้ว”
ฉังอันโหวประคองนาง เขารู้สึกไม่ค่อยเห็นด้วยแต่ไม่ได้เอ่ยอะไร “ให้ท่านหมอหลวงตรวจอาการเขาก่อน”
“ท่านพี่ท่านไม่เข้าใจ สาเหตุทั้งหมดเป็นเพราะข้า เฉาเอ๋อร์เกิดมาพลังชีวิตน้อยนัก ดวงชะตาอ่อนแอ นักพรตไท่หยางจึงจุดโคมนิรันดร์และให้ป้ายยันต์หยกคุ้มครอง เรื่องพวกนี้ท่านรู้หมดแล้ว แต่ที่ท่านยังไม่รู้คือป้ายยันต์อันนั้นอยู่ๆ ก็แตหหักเสียแล้ว” สะใภ้หนิวนำป้ายยันต์ที่ห่อด้วยผ้าแกะออกให้เขาดู
ฉังอันโหวมองดูป้ายยันต์ที่หักครึ่งเป็นเส้นตรง สีหน้าเขายิ่งดูไม่ดี
ขณะนั้นแม่นมคนหนึ่งเดินเข้ามา นางหวีผมเรียบไม่กระดิกสักเส้น “ฮูหยินผู้เฒ่าได้ข่าวว่าคุณชายห้าอาการไม่ค่อยดี จึงให้ข้ารีบมาดู”
ถึงแม้ท่านแม่จะชอบบุตรชายคนโตของภรรยาเอกมากกว่า และไม่ชอบสะใภ้หนิวอย่างไร ทั้งสองคนก็ไม่กล้าเล่นตัว รีบตอบรับทันที
แม่นมเฒ่าผู้นั้นเดินก้าวเข้ามาดู นางเห็นสีหน้าจิ่งอู่ คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันทันที
หมอหลวงเมิ่งตรวจดูชีพจรเรียบร้อย เขาเอ่ยด้วยสีหน้าไม่สู้ดี “โหวเหยี่ย คุณชายห้าพลังชีวิตไม่เพียงพอ หากสภาพชีพจรยังอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงเช่นนี้ เป็นลักษณะหัวใจล้มเหลว เกรงว่า…”
หัวใจล้มเหลว?
สะใภ้หนิวเข่าอ่อน ร่างกายปวกเปียกโงนเงนล้มลง คนรับใช้หญิงตกใจเรียกพลางพยุงนางเอาไว้
ฉังอันโหวตกใจแทบสิ้นสติ “เป็นไปไม่ได้ พักหลังมานี้สุขภาพเขาดีขึ้นมาก กระโดดได้เดินได้ เมื่อค่ำวานยังเรียนยิงธนูกับข้า อยู่ๆ หัวใจล้มเหลวได้อย่างไร”
หมอหลวงเมิ่งยิ้มขื่น ขออภัยที่ข้าเป็นหมอแก่หงำเหงือก แต่วิชาการแพทย์ไม่ดีพอให้ท่านโหวเหยี่ยเชิญมารักษาบุตรชาย
สองขาฉังอันโหวสั่นระริกเขาถอยหลังไปก้าวหนึ่งมือเกาะโต๊ะเอาไว้ กัดฟันเอ่ย “เด็กๆ ไปเชิญท่านหมอหลวงมาอีก”
หมอหลวงเมิ่งประสานมือคารวะอำลา เขาถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง
แม่นมเฒ่าขมวดคิ้วพลางมองไปที่จิ่งอู่อีกครั้ง อยู่ๆ นางก็ร้องออกมาอย่างตกใจ “คุณชายห้าเขา…”
ทุกคนต่างหันไปมอง พริบตาเดียวเท่านั้นจิ่งอู่ที่สลบไสลเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ราวกับว่าน้ำในร่างกายเขากำลังเหือดแห้งไป ใบหน้ายับย่น ผมทั้งสองข้างแซมด้วยเส้นผมสีเงินโดยไม่มีสาเหตุ ดูแก่ลงจนกลายเป็นคนแก่ไปในทันทีทันใด
ทุกคนมองด้วยอาการตกตะลึง สะใภ้หนิวร้องเสียงแหลมแล้วเป็นลมล้มพับไป
แม่นมเฒ่าออกจากห้อง นางรีบไปรายงานฮูหยินโหวผู้เฒ่า
ฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ในห้องพระในจวน ฟังแม่นมเฒ่าคนสนิทรายงาน นางรู้สึกตกใจ ขมวดคิ้วพลางถาม “โรคอะไรร้ายแรงปานนั้น?”
แม่นมเฒ่าไม่กล้าออกปาก
“ไปสั่งให้ฟังฟู่กุ้ยส่งคนไปบ้านตระกูลสยง ถามดูให้รู้แน่ว่าเสี่ยวซื่อพักค้างคืนที่ไหน เจ้าเด็กนั่นเตร็ดเตร่เที่ยวเล่นมามากพอแล้ว ควรกลับมาได้แล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่าสั่งด้วยเสียงต่ำลึก “ส่งมือดีสักคนไปคุ้มครองเขาอย่างลับๆ”
“ฮูหยินผู้เฒ่า ความหมายของท่านคือ?”
ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวด้วยเสียงเรียบ “เมื่อคนเราเจ็บปวดจนถึงที่สุด คลุ้มคลั่งนั้นง่ายนิดเดียว เสี่ยวอู่ไม่เป็นอะไรก็ดีไป แต่หากเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับเขา ข้าไม่อยากเห็นเสี่ยวซื่อเป็นอะไรไปอีกคน”
แม่นมเฒ่าก้มหัวคำนับแล้วรีบถอยออกไปจัดการเรื่องที่ได้รับคำสั่ง
ฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ในห้องพระ นางถอนหายใจแล้วเริ่มสวดมนต์ต่อ
หมอหลวงและหมอในเมืองเข้าๆ ออกๆ จวนฉังอันโหวตลอดเวลา ไม่นานก็มีข่าวลือแพร่ออกไปว่าเขาจะจากโลกนี้ไปในอีกไม่นาน จนกระทั่งนักพรตตบะแก่กล้าบุคลิกงามสง่าไม่เหมือนนักพรตทั่วไปเข้าไปในจวนฉังอันโหว
นักพรตไท่หยางเมื่อเห็นลักษณะของเฉาเอ๋อร์ สายตาเขาสะดุ้งตกใจแล้วเปลี่ยนเป็นคมกริบ หมอหลวงวินิจฉัยว่าเขาหัวใจเขาล้มเหลว แต่ในสายตานักพรตไท่หยาง นี่คือผลของอาคมย้อนคืนอันร้ายแรงจากการที่อาคมที่ถูกทำลาย
แต่เขาไม่สามารถเอ่ยออกมาได้
นักพรตไท่หยางแกล้งทำท่ากดนับนิ้วคำนวณ ใบหน้าเคร่งเครียด “คุณชายน้อยถูกวิญญาณอื่นรังควาน วิญญาณเขาออกจากร่าง ข้าจำต้องทำพิธีเรียกวิญญาณ คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปก่อน ห้ามรบกวนเป็นอันขาด”
สะใภ้หนิวเอ่ย “ข้าไม่ไป ท่านนักพรต ข้าเป็นมารดาของเขา ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเขา โหวเหยี่ยท่านออกไปก่อนเถอะ ให้แม่นมจ้าวช่วยอยู่ที่นี่ก็พอ”
นักพรตไท่หยางพยักหน้า “ก็ดี แม่ลูกใจสื่อถึงกัน ตอนทำพิธีเจ้าคอยเรียกนามของเขา นำดวงวิญญาณเขากลับมา”
ฉังอันโหวย่นคิ้ว ที่จริงเขาไม่ค่อยเชื่อถือเรื่องนักพรตเทพเจ้าแต่ภรรยาเชื่อถือมาก เพื่อให้บุตรชายมีสุขภาพแข็งแรงยังขอร้องให้นักพรตท่านนี้รับบุตรชายเป็นศิษย์ฆราวาส ให้แขวนพวกเครื่องรางต่างๆ เช่นยันต์แคล้วคลาด กุญแจอายุยืนติดตัวตลอดเวลา
เขามองดูบุตรชายที่ยิ่งดูอ่อนแอลงเรื่อยๆ จากนั้นก้าวเท้าหนักๆ เดินออกไป
ไม่นานเมื่อทั้งห้องปลอดคนนอก แม่นมจ้าวเป็นคนสนิทของนาง สะใภ้หนิวจึงไม่ต้องระวังคำพูด นางรีบถามเสียงดังอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่นี่มันเกิดอะไรขึ้นทำไมเฉาเอ๋อร์ถึงกลายเป็นแบบนี้?”
“อาคมย้อนกลับ” นักพรตไท่หยางแตะปลายเท้าเล็กน้อยแล้วดีดตัวขึ้นไปในอากาศ เขานำกล่องใบเล็กที่ซ่อนไว้อย่างดีลงมาจากขื่อไม้ในห้อง เมื่อเปิดออกมีกระดาษรูปตุ๊กตาคนสองแผ่น แผ่นหนึ่งเป็นตัวแทนจิ่งอู่ อีกแผ่นคือจิ่งซื่อ แต่ละแผ่นเขียนแปดอักษรวันเวลาตกฟากของทั้งคู่เอาไว้ ที่มือของกระดาษทั้งสองแผ่นถูกโยงติดกันไว้ด้วยด้ายแดง
แต่ตอนนี้ด้ายแดงที่ผูกไว้ขาดเป็นผุยผงอยู่ในกล่อง กระดาษที่เป็นตัวแทนของจิ่งอู่กลายเป็นสีเทาทั่วทั้งแผ่น แต่กระดาษของจิ่งซื่อกลับดูมีสีสันมีชีวิตชีวา
สะใภ้หนิวร้องออกมาอย่างตกใจ นางเกือบจะเป็นลมไปแล้ว ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้ ตอนที่ลงอาคมเห็นได้ชัดว่าสีของกระดาษทั้งสองแผ่นสลับสีกันอย่างชัดเจน “เฉาเอ๋อร์ ศิษย์พี่ ท่านรีบช่วยเฉาเอ๋อร์เร็ว ลงอาคมอีกครั้ง”
นักพรตไท่หยางปรากฎสีหน้าโกรธแค้น เขาอยากจะเห็นนักว่าใครกันที่ทำลายอาคมของเขา