คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 544 เจ้าไม่รู้สึกผิดบ้างหรือ
ตอนที่ 544 เจ้าไม่รู้สึกผิดบ้างหรือ
เฟิงซิวไล่สยงเอ้อร์และคนอื่นๆ กลับไป เนื่องจากฉินหลิวซีและลูกศิษย์ยังมีแขกกลุ่มต่อไปที่ต้องไปเจอ ซึ่งผู้ที่มาก็คือบิดาผู้ให้กำเนิดของเถิงเจา
“ท่านรอดูได้เลย ช่วงเวลาที่ท่านอยู่ในเมืองหลวง จะต้องยุ่งยิ่งกว่าตอนอยู่ที่เมืองหลี” เฟิงซิวกล่าวพลางเหลือบมองฉินหลิวซีด้วยความรู้สึกยินดีบนความทุกข์ของผู้อื่น
ฟังสิ นี่เป็นสิ่งที่ควรพูดหรือ
ไม่โดนตีสามวัน ก็พูดจาไม่เข้าหู ได้เวลายืดเส้นยืดสายแล้ว
ฉินหลิวซียิ้มให้เฟิงซิวอย่างน่ากลัว
เมื่อเฟิงซิวเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีจึงรีบหนีไป “ข้าจะไปดูของที่ส่งมาประมูล”
ฉินหลิวซีสบถเบาๆ พาเถิงเจาไปที่ห้องรับแขกส่วนตัว เห็นเถิงเทียนฮั่นลุกขึ้นยืน คนที่อยู่ข้างหลังห่างจากเขาครึ่งก้าวคือหญิงสาววัยยี่สิบต้นๆ
ฉินหลิวซีมองผู้ที่พึ่งได้ก่อน เป็นฮูหยินเถิงนั่นเอง ใบหน้าราวกับพระจันทร์เต็มดวง หน้าผากกว้างปลายจมูกกลม คอกลม ดวงตาสดใส เป็นโหงวเฮ้งที่มีวาสนาร่ำรวยตามแบบฉบับ เป็นคนอ่อนโยนและซื่อสัตย์
ตำแหน่งสมรสกับตำแหน่งบุตรของนางล้วนอวบอิ่ม แสดงว่าสามีภรรยาอยู่ร่วมกันอย่างปรองดอง ตำแหน่งบุตรมีสีแดงม่วง หมายความว่าตั้งครรภ์แล้ว
เถิงเทียนฮั่นก็เป็นหนุ่มใหญ่รูปงามที่กำลังเข้าสู่วัยกลางคน การแต่งงานอีกครั้ง นับว่าแต่งงานกับคนที่เหมาะสมเป็นอย่างมาก ตำแหน่งสมรสของทั้งคู่มีความกลมกลืนและสวยงาม
“เจาเอ๋อร์” เมื่อเถิงเทียนฮั่นเห็นบุตรชายก็ตื้นตันจนน้ำตาไหล
เป็นเรื่องง่ายที่ส่งบุตรชายไปเป็นศิษย์ของฉินหลิวซี แต่หลังจากนั้นเขาก็เสียใจนับครั้งไม่ถ้วน แทบอยากจะกลับไปเอาตัวบุตรชายกลับมา เป็นอาจารย์ตู้ที่เกลี้ยกล่อมเขาด้วยคำพูดของฉินหลิวซี
บุญสัมพันธ์น้อย
ทุกครั้งที่เถิงเทียนฮั่นนึกถึงคำนี้ ก็รู้สึกราวกับกลืนสมุนไพรหวงเหลียน ขมขื่นเป็นอย่างมาก
ผ่านไปกว่าครึ่งปี ในที่สุดก็ได้พบกับบุตรชายอีกครั้ง เมื่อได้พบก็ทั้งตื้นตันทั้งมีความสุข และขมขื่นยิ่งกว่าเดิม
“สูงขึ้นแล้ว มีเนื้อมีหนัง แข็งแรงขึ้น สีหน้าก็ดูดีขึ้นมาก” เถิงเทียนฮั่นมองสำรวจบุตรชายของเขาที่เห็นได้ชัดเจนว่าตัวสูงขึ้นมากอย่างละเอียด สวมเสื้อคลุมสีเขียวปักลายอักขระยันต์ เกล้าผมขึ้นอย่างพิถีพิถัน ใช้ผ้าใยบัวพันไว้ ใบหน้างดงาม สีหน้าแดงระเรื่อ
เมื่อเข้าไปใกล้ เขายังได้กลิ่นหอมสดชื่นจางๆ ของเด็กน้อย
แม้ว่าเถิงเทียนฮั่นจะรู้สึกไม่พอใจ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเมื่อบุตรชายติดตามฉินหลิวซี ดูเหมือนจะมีชีวิตที่ไม่เลวเลยจริงๆ ซึ่งทำให้เขารู้สึกพ่ายแพ้เล็กน้อย
ตัวเองเลี้ยงลูกได้ไม่ดีเท่าฉินหลิวซี คราวนี้ข้ออ้างว่าเด็กมีชีวิตที่ไม่ดีต้องรับตัวกลับไปก็ใช้ไม่ได้แล้ว
“ท่านพ่อ” เถิงเจาไม่ได้ตื่นเต้นเท่าเถิงเทียนฮั่น เพียงแค่โค้งคำนับอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็หันไปมองสะใภ้เวิน ฮูหยินเถิงคนใหม่
เถิงเทียนฮั่นสังเกตเห็นสายตาของเขา รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่กลับมีสีหน้านิ่ง กล่าวแนะนำว่า “พ่อได้แต่งงานใหม่ในช่วงตรุษจีนนี้ นี่คือสะใภ้เวินแม่เลี้ยงของเจ้า เจ้าไปคำนับนางเถิด”
สะใภ้เวินก้าวมาข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม เถิงเจาก็โค้งคำนับให้นางเช่นกัน “คำนับฮูหยิน”
เถิงเทียนฮั่นอึดอัดยิ่งกว่าเดิม
สะใภ้เวินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ยิ้มพลางเดินเข้าไปจะพยุงเขา “เด็กดี ไม่ต้องมากพิธี”
เถิงเจาถอยหลังหนึ่งก้าว หลีกเลี่ยงไม่ให้นางพยุง
รอยยิ้มของสะใภ้เวินค้างอยู่ที่มุมปาก นางเคยสอบถามไว้นานแล้วเกี่ยวกับนิสัยของลูกเลี้ยงอย่างเถิงเจาผู้นี้ ตอนอยู่ในจวนก็ไม่สนใจใคร แม้แต่กับบิดาของตัวเองก็ยังเฉยเมย ในจวนมีข่าวลือว่าเขาป่วยทางจิต
แต่มองดูเมื่อครู่นี่ ใบหน้าเหมือนกับสามีทุกประการ ดูมีชีวิตชีวาและกระตือรือร้น ไม่ได้เหมือนคนโง่ เพียงแต่นิสัยเย็นชา
แต่เถิงเจากลับหลบหลีกนาง เป็นเพราะไม่พอใจนาง โกรธที่นางมาแย่งตำแหน่งท่านแม่ของเขาหรือ
ขณะที่สะใภ้เวินกำลังเดาอยู่ เถิงเจาได้ยืดตัวตรง มองสะใภ้เวินพลางกล่าวว่า “ข้ามักจะจุดธูปบูชาในช่วงเช้าของทุกวัน เมื่อเวลาผ่านไปนาน จึงมีกลิ่นติดตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ฮูหยินกำลังตั้งครรภ์ เดี๋ยวจะทำให้รู้สึกไม่สบายท้อง”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้
สะใภ้เวินประหลาดใจและประทับใจ ซ้ำยังมีความรู้สึกไม่ดีอย่างแปลกประหลาด
ตัวเองกำลังตั้งครรภ์อยู่จริงๆ แต่ยังไม่ถึงเดือน เขารู้ได้อย่างไร หรือว่าสามีเป็นคนบอก
สิ่งที่ประทับใจก็คือเถิงเจาที่อายุน้อยกลับใส่ใจเช่นนี้ แต่เด็กอายุเท่านี้ มารดาของเขากลับจากไปนานแล้ว บิดาก็ไม่ได้อยู่ข้างกาย รู้สึกเหมือนเด็กคนนี้ถูกครอบครัวทอดทิ้ง
สะใภ้เวินยิ้มพลางลูบหน้าท้อง กล่าวว่า “เจาเอ๋อร์เป็นคนใส่ใจจริงๆ ข้าตั้งครรภ์แล้ว แต่ก็ไม่ได้มีอาการแพ้ท้องมากนัก เจ้าไม่จำเป็นต้องระวังมากเกินไป”
เถิงเจาไม่กล่าวอะไร
สะใภ้เวินหยิบกล่องหนึ่งใบมาจากมือของสาวใช้ แล้วยื่นไปให้ “นี่คือของขวัญต้อนรับของข้า เจ้าลองดูว่าชอบหรือไม่”
เถิงเจาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็รับมาเปิดดู เป็นสมบัติทั้งสี่ในห้องตำรา[1]อย่างดี จึงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
สำหรับเขาแล้ว ในตอนนี้สมบัติทั้งสี่ในห้องตำรานั้นไม่ดีเท่ากับชาดแดงและกระดาษยันต์ชั้นดี แต่อย่างไรเสีย นำไปแลกเป็นเงินก็ยังดี
เมื่อสะใภ้เวินเห็นสีหน้าของเขาก็หัวใจเต้นรัว เพราะไม่ได้มอบของขวัญที่เหมาะสมแก่ให้เขา
นางหยิบกระเป๋าเงินอีกใบจากสาวใช้อีกคนมามอบให้เขา “แม้ว่าจะผ่านตรุษจีนไปแล้ว แต่เจ้าไม่ได้กลับจวน นี่คือเงินอั่งเปาที่ข้าเก็บเอาไว้ให้เจ้า ถูกแปลงเป็นตั๋วเงินหมดแล้ว”
เถิงเจาดวงตาเป็นประกาย ท่านอาจารย์กล่าวไว้ไม่ผิด นางจะให้เงินค่าขนมแก่เขา
เขารับมา คำนับสะใภ้เวินแล้วกล่าวว่า “ขอบคุณฮูหยิน” จากนั้นเขาก็หยิบยันต์ที่ถูกพับเป็นสามเหลี่ยมออกมาจากอ้อมแขนแล้วยื่นให้ด้วยมือทั้งสองข้าง “นี่คือยันต์แคล้วคลาดที่ข้าวาด มอบให้แก่ฮูหยิน คุ้มครองให้ท่านคลอดบุตรอย่างปลอดภัย”
สะใภ้เวินมึนงงเล็กน้อย รับยันต์มา เมื่อเทียบกับของที่ปัญญาชนเหล่านั้นชอบ ดูเหมือนว่าเขาจะชอบเงินมากกว่า ไม่แปลกใจเลยที่สามีให้นางเตรียมตั๋วเงินเป็นของขวัญต้อนรับก็พอแล้ว
ในเวลานี้ฉินหลิวซีได้เอ่ยว่า “ยันต์แคล้วคลาดที่เจาเจาวาดก็มีความศักดิ์สิทธิ์แล้ว พกติดตัวไว้สามารถคุ้มครองให้ปลอดภัยได้”
สะใภ้เวินยิ้มพลางกล่าวว่า “เจาเอ๋อร์ใส่ใจแล้ว”
เถิงเจาถอยกลับไปยืนข้างๆ ฉินหลิวซี
เมื่อเถิงเทียนฮั่นเห็นว่าต่างคำนับซึ่งกันและกันแล้ว จึงกล่าวว่า “เหตุใดมาถึงเมืองหลวงแล้วไม่กลับจวนแต่มาพักอยู่ที่นี่ ในจวนก็มีเรือนรับแขก ไม่สู้กลับไปพักที่นั่น ท่านย่าของเจ้าก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน”
เถิงเจาส่ายหน้า “ข้าจะติดตามอยู่ข้างกายท่านอาจารย์ ไม่กลับไปแล้ว”
ส่วนที่บอกว่าท่านย่าคิดถึงเขา ก็เป็นเพียงแค่บทพูดเท่านั้น
เถิงเทียนฮั่นรู้สึกเศร้าเล็กน้อย
“ใต้เท้าเถิง เจาเจาได้เข้าสู่ลัทธิเต๋าของข้าแล้ว ไม่ควรเกี่ยวข้องกับคนในตระกูลมากเกินไป เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการฝึกบำเพ็ญเต๋า” ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
เถิงเทียนฮั่น ‘เจ้ากล่าวเช่นนี้ ไม่รู้สึกผิดบ้างหรือ!’
เขามองไปยังบุตรชาย เห็นเขาถือกระเป๋าเงินด้วยสีหน้าเห็นด้วย ก็อดรู้สึกปวดใจไม่ได้
พึ่งจะผ่านไปเพียงครึ่งปีก็ถูกล้างสมองไปแล้ว หากเวลาผ่านไปนานกว่านี้ คงไม่แม้แต่จะมาพบบิดาคนนี้แล้วกระมัง
เถิงเทียนฮั่นรู้สึกเหมือนท้องฟ้ากำลังจะถล่ม
“ช่างเถิด ไม่ไปก็ไม่ไป” เถิงเทียนฮั่นถอนหายใจ กล่าวกับสะใภ้เวินว่า “เจ้าอยากไปร้ายขายเสื้อผ้าไม่ใช่หรือ ไปก่อนเถิด ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่านเจ้าอาวาสน้อย ไว้ค่อยไปรับเจ้าทีหลัง”
สะใภ้เวินเห็นดังนั้นจึงกล่าวว่า “นายท่านไม่ต้องมารับข้า ในเมื่อเจาเอ๋อร์กลับมาเมืองหลวง ท่านก็กินอาหารเย็นกับเขาแล้วค่อยกลับเถิด ข้ากลับจวนเองได้”
เถิงเทียนฮั่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เช่นนี้ก็ดี จึงตอบตกลง
สะใภ้เวินกล่าวกับเถิงเจาสองประโยค จากนั้นก็เดินจากไปท่ามกลางการรายล้อมของคนรับใช้
ทันทีที่นางจากไป ฉินหลิวซีก็มองเถิงเทียนฮั่นด้วยสายตาหยอกล้อ กล่าวว่า “ข้าบอกว่าใต้เท้าเถิงจะแต่งงานมีลูกอีกครั้งเร็วๆ นี้ วิชาชีพจรไท่ซู่ของข้าไม่ได้ทำนายให้ท่านผิดไปใช่หรือไม่”
เถิงเทียนฮั่นรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย เอ่ย “เมื่อพวกท่านมาที่เมืองหลวงก็ไปสร้างปัญหาใหญ่กับเสนาบดีลิ่น ทำเอาข้าตกใจกลัวมาก จะว่าไปแล้วก็ช่างบังเอิญ ข้ามีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งที่เจอเรื่องแปลกๆ ไม่ทราบว่าท่านสนใจที่จะรับหรือไม่”
ฉินหลิวซี ‘เฟิงซิวปากอีกา ออกมาให้ข้าจัดการเดี๋ยวนี้!’
“หากสามารถแก้ไขได้ มีค่าตอบแทนอย่างงามแน่นอน” เถิงเทียนฮั่นเอ่ยขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค
ฉินหลิวซีจึงอารมณ์ดี “ไล่วิญญาณร้าย ปกป้องเต๋า เป็นหน้าที่ของข้าในฐานะคนของเสวียนเหมิน เรื่องประหลาดอะไร ไปตอนนี้เลยหรือไม่”
[1] สี่สมบัติล้ำค่าในห้องตำรา หมายถึง สิ่งสำคัญสี่อย่างที่เป็นอุปกรณ์สำคัญในห้องหนังสือ ได้แก่ พู่กัน หมึก กระดาษ จานหมึก