คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 548 หวงเซียนเข้าใจเหตุผลดี แต่ยอมไม่ได้!
ตอนที่ 548 หวงเซียนเข้าใจเหตุผลดี แต่ยอมไม่ได้!
เมื่อยันต์ไฟลุกโชน จู่ๆ เสียงร้องเหมือนเด็กก็ดังขึ้นในห้อง ทำเอาทุกคนสะดุ้งด้วยความตกใจ
ใต้เท้าอันขยับจมูก “พวกเจ้าได้กลิ่นไหม้หรือไม่”
ได้กลิ่นแล้ว
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังตุ้บ มีอะไรบางอย่างตกลงมากลางอากาศ ปรากฏรูปร่างขึ้นมา
ทุกคนถอยหลังไปหลายก้าว มองดูสัตว์ตัวใหญ่ที่กำลังนอนแผ่อยู่บนพื้น มีควันลอยขึ้นมา เป็นสัตว์ที่รูปร่างเรียวยาว ขาทั้งสี่ข้างสั้น มีขนปุยสีเหลือง
หากมองข้ามขนสีเหลืองตรงขาด้านซ้ายลามไปจนถึงก้นที่ถูกไฟไหม้จนโล้นไปหมด ดูเฉพาะขนสีทองเรียบลื่นและนุ่มฟู นี่คงเป็นเพียงพอนที่สวยงามมาก
น่าเสียดายที่เพียงพอนที่งดงามที่สุดมีขนไหม้เป็นหย่อมๆ ผิวหนังและเนื้อมีรอยไหม้ด้วยเล็กน้อย ไม่งดงามอีกต่อไป
อันฮ่าวยืนขวางอยู่ตรงหน้าผู้อาวุโสทั้งสอง กลืนน้ำลายแล้วจึงเอ่ย “เจ้า เจ้าอาวาสน้อย มันตายแล้วหรือ”
ทันทีที่เขากล่าวจบ หวงต้าเซียนที่หมอบแกล้งตายอยู่บนพื้นก็ดีดตัวลุกขึ้นยืน แยกเขี้ยวพลางกางกรงเล็บใส่ทุกคน “ข้ายังไม่ตาย ก็แค่ยันต์ไฟ จะเผาข้าตายได้อย่างไร”
เพียงแต่ขนสีทองที่มันภาคภูมิใจถูกไฟไหม้ ตั้งแต่ก้นลามไปถึงขา ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนจึงจะงอกขึ้นมาใหม่
ฮือๆ นักต้มตุ๋นผู้นี้จิตใจโหดเหี้ยม ต้องเป็นเพราะอิจฉาขนสวยๆ ของมันแน่ๆ
หวงต้าเซียนจ้องมองไปยังฉินหลิวซีด้วยความโกรธ ดวงตาเล็กๆ ทั้งสองข้าของมันสั่นระริก ไม่รู้ว่ากำลังมีความคิดไม่ดีอะไรอยู่
ฉินหลิวซีกอดอก “มองอะไร หากยังมองอีกข้าจะเผาเจ้าทั้งตัว ให้เจ้ากลายเป็นไก่ไร้ขน”
หวงต้าเซียนยืนสองขาก่อนถอยหลังไปสองก้าว จ้องมองนางอย่างระมัดระวัง “เจ้าเป็นผู้วิเศษมาจากไหน บอกชื่อเสียงเรียงนามมา”
“เมืองหลี เจ้าอาวาสน้อยคนที่สิบแปดของอารามชิงผิง นามเต๋าปู้ฉิว”
“ไม่รู้จัก!” นักต้มตุ๋นที่จุดไฟโดยไม่กล่าวอะไรสักคำซ้ำไร้ซึ่งคุณธรรมอย่างเจ้า ใครจะไปรู้จัก
ฉินหลิวซี “ตอนนี้รู้จักแล้วไม่ใช่หรือ”
หวงต้าเซียนแสยะยิ้ม “เด็กน้อย ข้าแนะนำว่าอย่ายุ่งเรื่องของคนอื่นให้มากนัก คนผู้นี้ขัดขวางการเลื่อนขั้นของข้า ข้าจำเป็นต้องแก้แค้น”
แก้แค้น?
ฮูหยินอันตกใจจนหน้าซีด ก้าวไปข้างหน้า ตะโกนเสียงแหลมว่า “ทำไมเจ้าต้องแก้แค้นบุตรชายของข้า บุตรชายของข้าถูกเจ้าทำร้ายจนเป็นบ้าไปหมดแล้ว”
หวงต้าเซียนจ้องมอง รวบรวมพลังจิต โจมตีไปที่นาง “เขาทำให้ข้าเป็นคนไม่ได้!”
การโจมตีนี้ทำให้ฮูหยินอันเวียนศีรษะขึ้นมาทันที สีหน้าก็ซีดลงเล็กน้อย
“เจ้าเพียงพอนบาปหนา เจ้ากล้าทำร้ายคนต่อหน้าข้า คิดว่าข้าตายไปแล้วหรือ” ฉินหลิวซีใช้มือร่ายคาถาฝ่ามือโจมตีไปที่มัน
หวงต้าเซียนถูกตบหน้า มุมปากบิดเบี้ยวเล็กน้อย ขาหลังยันไว้ พุ่งเข้าใส่ฉินหลิวซี “รังแกกันเกินไปแล้ว ข้าขอสู้ตายกับนักต้มตุ๋นอย่างเจ้า!”
ฉินหลิวซีโยนยันต์ออกมาหนึ่งแผ่น “หยุดมัน”
หน้าผากของหวงต้าเซียนถูกยันต์แปะไว้ทันที สกัดจุดเคลื่อนไหวของมัน ตกตุ้บลงมาจากกลางอากาศอีกครั้ง ไม่สามารถขยับได้ มันโกรธจนดวงตาเล็กๆ แทบจะถลนออกมา ด่าเสียงแหลมว่า “แน่จริงก็ปล่อยข้า เรามาสู้กันอย่างตัวต่อตัว”
มันกลั้นหายใจ พองลมที่ท้อง เอาลมหายใจทั้งหมดไปไว้ที่ส่วนหลัง เตรียมจะออกแรง ข้าจะทำให้พวกเจ้าเหม็นตายให้หมด
“ถ้าเจ้ากล้าผายลม ข้าจะอุดก้นของเจ้า ให้เจ้าผายลมไม่ได้ตลอดไป” ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยท่าทางน่ากลัว
ประตูทวารที่หวงต้าเซียนกำลังจะเปิดก็ปิดในทันที ใจสั่นอย่างอธิบายไม่ถูก ไม่ใช่เพราะเขากลัว แต่เพราะรู้สึกว่านางจะทำขึ้นมาจริงๆ
ส่วนเถิงเทียนฮั่นและคนอื่นๆ ที่ฟังเข้าใจความหมายของคำพูดนี้ ต่างก็รู้สึกอายเล็กน้อย เงยหน้ามองเพดาน การแกะสลักบนคานไม่เลวเลย
ฮูหยินอันวิ่งไปหาบุตรชายคนเล็กแล้วกอดเขาไว้ ดวงตาเต็มไปด้วยความปวดใจ
เมื่อหวงต้าเซียนเห็นฉินหลิวซีทำให้ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ จึงเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ เริ่มร้องไห้ “ฮือๆ รังแกกันเกินไปแล้ว เขาทำให้ข้าเป็นคนไม่ได้ ข้าก็แค่แก้แค้นจะอะไรกันนักหนา ข้าฝึกบำเพ็ญมาง่ายนักหรือ ฮือออ!”
เสียงร้องไห้เหมือนเสียงร้องของเด็ก แหลมนิดหน่อย เป็นการร้องไห้ที่ทำให้คนรู้สึกหงุดหงิดและรำคาญ
“หุบปาก! หากยังร้องอีกข้าจะเย็บปากเจ้า” ฉินหลิวซีนวดใบหู กล่าวว่า “การเลื่อนขั้นเดิมทีก็เป็นเรื่องของโอกาสและโชคชะตา รวมถึงความโชคดี เจ้าโชคไม่ดี ไม่ได้พบเจอโอกาสอันสมควร การขอจึงเปล่าประโยชน์ เป็นเพราะเจ้าโชคไม่ดี ถือว่าเจ้าโชคร้ายเอง เจ้าแก้แค้นสักเล็กน้อยก็พอแล้ว แต่เจ้าเปิดเปลือกตาของเขาไม่ให้หลับ กินไม่ได้ ผ่านไปอีกสองวันเขาคงเสียชีวิต เจ้าก็ต้องแบกรับหนี้ชีวิตนี้ การฝึกบำเพ็ญก็จะถูกทำลายจนหมด หากอยากจะเลื่อนขั้นเป็นคนก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้”
หวงต้าเซียนสะอึกสะอื้น มันเข้าใจเหตุผลนี้ดี แต่มันยอมรับไม่ได้
ใต้เท้าอันถามขึ้นมาว่า “เจ้าอาวาสน้อย นี่มันเรื่องอะไรกัน อะไรคือเลื่อนขั้น”
สัตว์กลายเป็นปีศาจสามารถพูดภาษาคนได้พวกเขาได้เห็นแล้ว แต่จะเลื่อนขั้นเป็นคนเช่นนี้ หรือว่ามันต้องการเปลี่ยนเป็นคนหรือ
“ทุกสรรพสิ่งล้วนมีจิตวิญญาณ เจ้าเพียงพอนขนโล้นตัวนี้เป็นเพียงพอนที่ฝึกบำเพ็ญมาแล้วหลายปีจนมีจิตวิญญาณ” ฉินหลิวซีเหลือบมองหวงต้าเซียน “อืม เพราะมีโชคโดยบังเอิญ”
หวงต้าเซียนโมโห ‘โจมตีร่างเพียงพอนของข้าสนุกนักหรือ อีกอย่างทำไมข้าถึงขนโล้นเจ้าก็รู้อยู่แก่ใจไม่ใช่หรือ’
ฉินหลิวซีอธิบายต่อว่า “เพียงพอนที่มีการฝึกบำเพ็ญ ปลูกฝังความเป็นคน เมื่อมีโอกาส ก็สามารถเลื่อนขั้นเป็นคนได้ ถามคนว่ามันเหมือนคนหรือไม่ หากคำตอบคือใช่ เช่นนั้นการเลื่อนขั้นก็ประสบความสำเร็จ ได้รับพรอันยิ่งใหญ่ สามารถแปลงกายเป็นคนได้ ใช้ชีวิตอยู่ในโลกด้วยร่างกายคน หากตอบว่าไม่ใช่ เช่นนั้นก็จบกัน มันใจแคบเช่นนี้จะต้องแก้แค้นอย่างแน่นอน คุณชายน้อยอันตอบกลับไปว่าไม่เหมือนจึงได้ถูกแก้แค้น”
ทันใดนั้นทุกคนก็เข้าใจในทันที ทั้งรู้สึกว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อ ฟังดูเหมือนเป็นนิทานปรัมปราอะไรสักอย่าง
หวงต้าเซียนเพียงพอนใจแคบที่ถูกกล่าวถึงเอ่ยด้วยความโกรธว่า “นักต้มตุ๋นอย่างเจ้าจะไปเข้าใจอะไร การฝึกบำเพ็ญของพวกเราไม่ใช่เรื่องง่าย ในที่สุดก็มีโอกาสที่จะขอเลื่อนขั้น กลับถูกเขาทำพัง จะไม่ให้โกรธ ไม่ให้โมโหได้อย่างไร เขาไม่เพียงบอกว่าข้าไม่เหมือนคน ซ้ำยังบอกว่าข้าเหม็น เป็นแค่หนู นี่เป็นการดูหมิ่นกันชัดๆ พวกเราเผ่าเพียงพอนอยู่ในอันดับสองของบรรดาเซียนผู้ยิ่งใหญ่ทั้งห้า ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือมีผู้คนมากมายบูชาไว้เป็นเซียนปกป้องจวน แต่เขากลับบอกว่าเป็นแค่หนู หากข้าไม่ลงโทษเขาก็ยากที่จะหายโกรธได้”
ที่แท้ตอนที่อันอี้อยู่ที่หมู่บ้านได้ไปล่าสัตว์บนภูเขากับสหายสองสามคน ช่วงเวลาที่อยู่คนเดียวได้พบกับหวงต้าเซียนที่มาขอเลื่อนขั้น เขาไม่เพียงบอกว่ามันไม่เหมือนคน ซ้ำยังบอกว่าหนูอย่างมันยังคิดจะมาเป็นคนอีก กลิ่นเหม็นเช่นนี้ คนธรรมดาทั่วไปขยะแขยงยากที่จะรับได้ ให้มันเลิกฝันเกินความเป็นจริง กลับไปอาบน้ำนอน
การกล่าวเสียดสีและเย้ยหยันเช่นนี้ทำให้หวงต้าเซียนโมโหมาก ตามเขากลับมา ทำให้เขานอนไม่ได้ อยู่บนตัวเขาแล้วผายลม จึงทำให้ทั้งเรือนมีกลิ่นเหม็น
ในที่สุดใต้เท้าอันก็เข้าใจ เจ้าเด็กไม่เอาไหนปากไม่ดี พูดไม่คิดและไม่ยอมใคร จึงได้ประสบปัญหาใหญ่
ในใจฮูหยินอันก็ดุด่าบุตรชายที่ไม่รู้จักพูดจา แต่ก็รู้สึกสงสารบุตรชายที่ถูกทำให้เหม่อลอยราวกับคนบ้า แต่กลับไม่กล่าวอะไรสักคำ
“ท่านหวงต้าเซียน เป็นตาเฒ่าอย่างข้าที่สอนบุตรชายไม่ดี ข้าขอโทษท่านแทนเขา” ใต้เท้าอันยกชายเสื้อขึ้น เดินไปอยู่ตรงหน้าหวงต้าเซียน คำนับด้วยความเคารพ เมื่อเห็นว่าบนหน้าผากของมันถูกยันต์แปะไว้ก็รู้สึกสงสารขึ้นมาเล็กน้อย กล่าวกับฉินหลิวซีว่า “เจ้าอาวาสน้อย เป็นบุตรชายของข้าที่เสียมารยาทก่อน ท่านเอายันต์ออกก่อน ปล่อยท่านหวงต้าเซียนผู้นี้ไปเถิด”
เจ้าของเรื่องกล่าวเช่นนี้แล้ว ฉินหลิวซีก็ไม่มีอะไรที่ต้องปฏิเสธ เดินเข้าไปดึงยันต์สกัดจุดออก เห็นว่ามันจะอาละวาดจึงตบศีรษะมันเบาๆ “เชื่อฟังอย่างว่าง่าย มิเช่นนั้นข้าจะเผาเจ้า”
หวงต้าเซียน “!”
เพียงพอนยังมีสิทธิ์อยู่บ้างหรือไม่