คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 553 เรามาคุยกันสักหน่อยว่าจะตอบแทนน้ำใจอย่างไร
- Home
- คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า
- ตอนที่ 553 เรามาคุยกันสักหน่อยว่าจะตอบแทนน้ำใจอย่างไร
ตอนที่ 553 เรามาคุยกันสักหน่อยว่าจะตอบแทนน้ำใจอย่างไร
ฉินหลิวซีกินอาหารเย็นที่จวนอัน ได้รับค่าตอบแทนทั้งหมดหนึ่งหมื่นตำลึงทอง เมื่อมองดูทองคำที่ส่องประกาย ทำเอานางเกือบตาบอด ปลายนิ้วก็สั่นเทา
เจ้าลัทธิเต๋า เห็นแล้วหรือยัง นายท่านน้อยของท่านผู้นี้โดดเด่นแค่ไหน เรื่องหาเงินข้าเก่งที่สุด!
ไม่แปลกใจเลยที่หลังคาวิหารในอารามจินหัวล้วนเป็นหลังคาทอง รูปหล่อก็เป็นร่างทองทั้งหมด ผู้ที่ไม่ขาดแคลนเงินในเมืองหลวงนั้นมีมากมายจริงๆ!
แต่ทองคำหมื่นตำลึง นางเพียงแค่สัมผัสเล็กน้อย รับไปเพียงสามพันตำลึงทอง ที่เหลือไม่ได้แตะต้อง
“ท่านเจ้าอาวาสน้อยหมายความว่าอย่างไรหรือ” เมื่อฮูหยินอันเห็นนางรับไปแค่ส่วนหนึ่ง ก็อดสงสัยไม่ได้ รังเกียจว่าให้มากเกินไปหรือ
ช่างเป็นคนดีอะไรเช่นนี้!
ฉินหลิวซีเอ่ยว่า “อารามชิงผิงอุทิศตนเพื่อเต๋า ได้ปลูกฝังคุณธรรมมากมาย ค่าตอบแทนที่เหลือนี้ รบกวนฮูหยินเปลี่ยนเป็นเสบียงอาหาร เสื้อผ้า ผ้าห่ม และของใช้อื่นๆ ส่งไปยังหอการกุศลและค่ายผู้ลี้ภัยต่างๆ ในนามอารามชิงผิงของพวกเราด้วยเถิด”
ฮูหยินอันตกตะลึง
ใต้เท้าอันก็มองมาเช่นกัน เห็นได้ชัดว่ามีความเจ็บปวดในสายตาเล็กน้อย เหตุใดจึงได้ใจกว้างขนาดนี้
“เอาไปๆ” ฉินหลิวซีผลักถาดใส่ทองคำนั้นออกไป เห็นไม่ได้ เห็นแล้วจะทำใจไม่ได้
ฮูหยินอันอดหัวเราะไม่ได้ กล่าวว่า “หากนายท่านน้อยอยากทำการกุศล พวกเราสามารถทำการกุศลในนามอารามของท่านเพิ่มอีกส่วนหนึ่งได้ ทองคำเหล่านี้ท่านรับไว้เถิด เรื่องบุตรชายของข้าคลี่คลายได้อย่างสมบูรณ์แบบมาก ซ้ำท่านยังเชิญเซียนประจำจวนมาให้เราอีกด้วย ค่าตอบแทนนี้ท่านสมควรได้รับแล้ว”
ฉินหลิวซีส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอกฮูหยิน ทุกครั้งที่เราได้ค่าตอบแทนล้วนต้องคืนส่วนหนึ่งเพื่อช่วยเหลือราษฎร และเป็นวาสนาในการทำความดีสะสมบุญ ดังนั้นท่านไม่จำเป็นต้องเพิ่มให้อีกหนึ่งส่วน ทองคำเหล่านี้ก็คือวาสนาในการทำความดีของอารามชิงผิงพวกเรา หวังว่าฮูหยินจะกำชับให้คนส่งไปถึงผู้ที่ต้องการจริงๆ ให้ความตั้งใจในการทำความดีเหล่านี้ไปถึงผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ”
ความจริงแล้ว เช่นนี้ก็ดี อย่างไรเสียก็ต้องแจกจ่ายออกไปให้ส่วนหนึ่ง ไม่สู้ให้ผู้มีจิตใจเมตตาเหล่านี้ช่วยพวกเขาส่งความปรารถนาดีออกไป อย่างไรเสียพวกเขาก็มีทั้งคนและช่องทาง ทั้งสะดวกและประหยัดเวลา
เมื่อฮูหยินอันได้ยินเช่นนั้นก็ให้สาวใช้เอาถาดใส่ทองคำกลับไป กล่าวว่า “ท่านเจ้าอาวาสน้อยจิตใจดี ท่านวางใจเถิด ข้าจะจัดการให้เหมาะสมอย่างแน่นอน”
“ขอสวรรค์ประทานพรอย่างไม่มีที่สิ้นสุด” ฉินหลิวซียกมือขึ้นโค้งคำนับ เมื่อเห็นว่าตระกูลอันมาถูกทางเช่นนี้ จึงมอบยันต์แคล้วคลาดให้หลายใบอย่างใจกว้าง จากนั้นก็พาเถิงเจานั่งรถม้าของจวนอันจากไป
เถิงเทียนฮั่นอยู่ต่ออีกครู่หนึ่ง ตามใต้เท้าอันไปที่ห้องตำราเล็กของเขา ยกถ้วยชาขึ้นมาดื่ม
ใต้เท้าอันมองไปที่เอวของเขาอยู่เรื่อยๆ อยากจะจ้องถุงเงินที่ปักด้วยลายอักขระยันต์นั้นให้เป็นรู
ดูเหมือนเถิงเทียนฮั่นจะสังเกตเห็นสายตาของหัวหน้า ถอดถุงเงินออกมาอย่างเงียบๆ…
ใต้เท้าอันดีใจ ผู้ใต้บังคับบัญชาผู้นี้อยู่เป็นจริงๆ การประเมินในปีนี้จะให้ระดับยอดเยี่ยมแก่เขา
คิดไม่ถึงว่าเถิงเทียนฮั่นไม่ได้มอบผลหลิงกั่วจากภูเขาลึกอะไรนั่นให้เขาตามที่เขาคิดไว้ แต่กลับเอาถุงเงินใส่ไว้ในแขนเสื้อแทน ใต้เท้าอันโกรธจนหน้าเขียว คนขี้เหนียว ต้องให้ระดับแย่ !
เถิงเทียนฮั่นคิดในใจว่า ‘ทั้งหมดมีเพียงแค่สี่ผล ไม่พอแบ่งด้วยซ้ำ จะมอบให้ได้อย่างไร’
แต่ไม่ควรทำให้หัวหน้าขุ่นเคือง เขายิ้มพลางเอ่ยแสดงความยินดีว่า “เป็นเรื่องน่ายินดีจริงๆ ที่มีเซียนประจำจวนมาประดิษฐานอยู่ในจวนของท่าน ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่น เพียงแค่ดูแลจวนให้ปลอดภัยและช่วยขจัดภัยพิบัตินั้นนับว่ายอดเยี่ยมมาก”
ใบหน้าของใต้เท้าอันสดใสขึ้นมา “เป็นเช่นนั้น”
“ตามที่ปู่ทวดหวงเซียนผู้นั้นกล่าว พวกเขาก็ทำกิจการบางอย่างในทางโลกด้วยเช่นกัน ไม่รู้ว่าผลไม้เช่นนั้นมีขายหรือไม่ หากเซียนประจำจวนของใต้เท้ามีเส้นสายหาซื้อมาได้ อย่าได้เก็บไว้คนเดียวเชียว”
เมื่อใต้เท้าอันได้ยินคำพูดนี้ก็ใจเต้นรัว ใช่แล้ว ฉินหลิวซีบอกว่าเผ่าหวงเซียนเก่งในการตามล่าสมบัติไม่ใช่หรือ พวกมันสามารถหาผลไม้หรือวัตถุดิบสมุนไพรอะไรเหล่านั้นได้ ในเมื่อพวกมันก็ทำกิจการร่วมกับคน นั่นหมายความว่าสามารถซื้อได้
พวกเขาสามารถขอร้องเซียนประจำจวน ซื้อมาบางส่วน นี่ไม่ได้ให้เซียนประจำจวนทำการกุศล แต่เป็นการซื้อด้วยเงินจริงๆ คงไม่เป็นการขัดกับความปรารถนาในการเข้าจวนของเซียนประจำจวนหรอกกระมัง
ใต้เท้าอันเหลือบมองเถิงเทียนฮั่น ความคิดชายหนุ่มค่อนข้างมีไหวพริบ หัวสมองแล่นเร็วเป็นอย่างมาก
เมื่อเถิงเทียนฮั่นเห็นว่าใต้เท้าอันเข้าใจแล้วก็รินชาให้เขาด้วยตัวเอง ในใจมีความรู้สึกอิจฉาตระกูลอัน มีเซียนปกป้องจวนคอยช่วยคุ้มครองให้แคล้วคลาดปลอดภัยนั้นดีกว่าสิ่งอื่นใด อีกอย่างนี่คือเซียนประจำจวนจริงๆ ไม่ใช่ของปลอมที่หลอกลวงอยู่บนท้องถนน
ตระกูลอันโชคดีมากจริงๆ
และโชคดีนี้ก็เป็นฉินหลิวซีที่นำมาให้ อย่างไรเสียก็ต้องตอบแทนนางสักหน่อยกระมัง
เถิงเทียนฮั่นกระแอม กล่าวว่า “ใต้เท้า ทั้งเมืองหลวงนี้ เท่าที่ข้ารู้ ท่านเป็นคนแรกที่มีเซียนปกป้องจวนในตระกูล เจ้าอาวาสน้อยลงทุนไปไม่น้อย น้ำใจนี้นับว่าไม่น้อยเลย”
ใต้เท้าอันเหลือบมองมา “เจ้าอยากจะกล่าวอะไร”
“ใต้เท้ารู้หรือไม่ว่าตระกูลของท่านเจ้าอาวาสน้อยคือตระกูลไหน”
ใต้เท้าอันรู้สึกว่ามีกับดัก รีบกลับไปเสีย เขาไม่อยากรู้
“คือฉินหยวนซานเสนาบดีสำนักกวงลู่ ท่านเจ้าอาวาสน้อยคือหลานสาวแท้ๆ ของใต้เท้าฉิน”
เพล้ง
ถ้วยชาของใต้เท้าอันหล่นลงกลิ้งอยู่บนโต๊ะ โชคดีที่น้ำชาในถ้วยถูกดื่มหมดแล้ว มิเช่นนั้นคงกระเด็นเปียกเสื้อผ้า
“อวิ๋นหยา เลยเวลามามากแล้ว เจ้าควรกลับจวนได้แล้วกระมัง ได้ยินมาว่าฮูหยินของเจ้ากำลังตั้งครรภ์ ควรจะอยู่กับฮูหยินให้มากไม่ใช่หรือ” เขาไม่อยากฟังต่อไปแล้วจริงๆ
เถิงเทียนฮั่นหยิบถ้วยชาที่อยู่ตรงหน้าเขาขึ้นมาวางไว้ด้านข้าง หยิบถ้วยใหม่จากในถาดชามาหนึ่งถ้วยแล้วเทน้ำชา กล่าวว่า “ตอนที่ข้าพึ่งได้รู้ข่าวก็ประหลาดใจเช่นเดียวกันกับใต้เท้า ใต้เท้าฉินมีหลานสาวที่มีความสามารถโดดเด่นเช่นนี้ เขาซ่อนไว้อย่างดีจริงๆ” เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ฟังไม่ได้แล้ว
ใต้เท้าอันหยิบลูกประคำที่อยู่ด้านข้างมาถือไว้ในมือ เอ่ย “อวิ๋นหยา หรือว่าเจ้าอยากจะพลิกคดีให้กับฉินหยวนซาน การที่พิธีบวงสรวงเกิดข้อผิดพลาดนั้นเป็นข้อห้ามอันใหญ่หลวง ตอนนี้ฮ่องเต้พระชนมายุห้าสิบพรรษาแล้ว แม้ว่าบรรดาองค์ชายจะยังไม่ได้รับการสถาปนา แต่ก็เริ่มมีการสงสัยแล้ว การที่พิธีบวงสรวงบรรพบุรุษเกิดข้อผิดพลาด ฮ่องเต้ย่อมโมโหเป็นธรรมดา”
ฮ่องเต้ก็คือฮ่องเต้ แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเขาเป็นเพียงแค่คนธรรมดา กลัวว่าบรรพบุรุษจะตำหนิลงโทษที่เขาไม่เคารพยำเกรง กลัวจะเกิดภัยพิบัติและกลัวถูกกล่าวหาว่าคุณธรรมของเขาไม่คู่ควรกับบัลลังก์
อย่างเช่นฉินหยวนซานในฐานะหัวหน้าขุนนางสำนักกวงลู่ แต่กลับทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ นับว่ารนหาที่ตายจริงๆ
“ข้าเข้าใจแล้ว” เถิงเทียนฮั่นชงชา กล่าวว่า “ตอนที่ข้าว่างก็ได้ตรวจสอบการเคลื่อนย้ายบุคลากรในสำนักกวงลู่ดู ที่น่าสนใจก็คือ ก่อนการบวงสรวงใหญ่เมื่อปีที่แล้ว ผู้ช่วยหลินสำนักกวงลู่ถูกใต้เท้าฉินพักงานให้อยู่ที่จวนชั่วคราวเพราะทำผิดพลาด จึงได้หลบหลีกภัยพิบัติครั้งนั้นไปได้ ตอนนี้ยังคงนั่งอยู่ในตำแหน่งเดิม”
ตอนที่เครื่องบวงสรวงในพิธีบวงสรวงใหญ่เกิดปัญหา ฮ่องเต้โมโหมาก ไม่แม้กระทั่งจะตรวจสอบ กล่าวโทษในทันที ในฐานะหัวหน้าขุนนาง ฉินหยวนซานถูกเนรเทศ ส่วนขุนนางคนอื่นๆ ถูกปลดออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ กลายเป็นสามัญชนธรรมดา
นี่ก็คืออำนาจของฮ่องเต้ ตราบใดที่เจ้าไปแตะต้องขีดจำกัดของฮ่องเต้ หากถูกเขาโกรธ ไม่ว่าเจ้าจะผิดจริงหรือไม่ หากเขาคิดว่าเจ้าผิด เจ้าก็ต้องผิด
ว่ากันว่าอยู่ข้างกายฮ่องเต้ดั่งอยู่ข้างกายพยัคฆ์ ก็เป็นเช่นนี้
ใต้เท้าอันกล่าวว่า “เจ้าอยากจะพลิกคดีนี้ พลิกอย่างไร ในนามอะไร ฉินหยวนซานก็อายุปูนนี้แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะพลิกคดีแล้วกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิม ไม่สู้รอแต่งตั้งองค์รัชทายาทแล้วนิรโทษกรรมครั้งใหญ่ให้คนทั้งใต้หล้า สามารถกลับจากเขตเนรเทศมายังภูมิลำเนาเดิมได้”
แต่งตั้งรัชทายาท คงจะอีกไม่นานแล้ว
“แม้ว่าการนิรโทษกรรมครั้งใหญ่ให้คนทั้งใต้หล้าจะสามารถกลับคืนสู่ภูมิลำเนาเดิมได้ แต่ชื่อเสียงเสื่อมเสียของขุนนางต้องโทษไม่อาจหลีกเลี่ยงได้” เถิงเทียนหันกล่าวเสียงเรียบว่า “ข้าก็ไม่ได้จำเป็นจะต้องช่วยฉินหยวนซานพลิกคดีนี้ แค่อยากบอกว่า คนร้ายที่หลบอยู่เบื้องหลังกล้าลงมือกับพิธีบวงสรวงใหญ่ แสดงให้เห็นว่าเขาเพิกเฉยต่อกฎหมายข้อบังคับและอำนาจราชวงศ์ของต้าเฟิง ใครจะไปรู้ว่าฮวงจุ้ยที่ดีของต้าเฟิงจะถูกรบกวนเมื่อถวายเครื่องบูชาให้กับวัดไท่เมี่ยวในครั้งถัดไปหรือไม่ ใต้เท้า ข้าปฏิญาณตนเสมอว่าในฐานะขุนนาง จะต้องดำเนินอยู่เพื่อความยุติธรรม”
ใต้เท้าอัน ‘หากไม่ใช่เพราะบุตรชายเจ้าเป็นลูกศิษย์หลานสาวของฉินหยวนซาน ข้าเกือบจะเชื่อสิ่งที่เจ้ากล่าวมาแล้ว’