คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 558
ตอนที่ 558
การห้ามเดินทางตอนกลางคืนสำหรับนักพรตที่มีตบะนั้นกล่าวได้ว่าไม่ได้มีผลอะไร ปรมาจารย์ไท่เฉิงใช้มนต์บังตาไล่ตามแม่ทัพผีเข้าเมืองไป แม้จะไม่ได้ทำให้เกิดความกระสับกระส่าย แต่ความโกรธนี้กลับร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ช่วงนี้เนื่องจากเรื่องวุ่นวายที่ไท่หยางตัวปัญหาผู้นั้นไปก่อมาทำให้เขาไม่มีที่ให้ระบายความโกรธ ตอนนี้แม้แต่ผีป่าที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ก็ยังมาดูหมิ่นเขาได้ ทนไม่ไหวแล้ว
จวนฉังชวนปั๋วอยู่ตรงหน้า กระบี่เหรียญทองแดงของปรมาจารย์ไท่เฉิงกลายเป็นลูกธนูขนนกยิงไปที่ผีแม่ทัพ
แม่ทัพผีโดนไปหนึ่งดอก ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน ตกลงมาจากกลางอากาศ แล้วถูกคลื่นลมที่มองไม่เห็นกวาดเข้าไปในลาน
ยมฑูตอยู่ที่ไหน รีบพาข้าไปรับโทษที่ยมโลกแล้วส่งไปเกิดใหม่ที โลกมนุษย์น่ากลัวเกินไปแล้ว ข้าจะไม่อาลัยอาวรณ์อีกต่อไปแล้ว
ฉินหลิวซีซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ เก็บวิญญาณของแม่ทัพผีขึ้นมา ปล่อยให้กางเกงซับในสีแดงลายดอกเบญจมาศสีเหลืองลอยไปติดอยู่บนกิ่งไม้ และกระบี่เหรียญทองแดงก็ตกลงพื้นเสียงดัง
ปรมาจารย์ไท่เฉิงเข้ามาอย่างรวดเร็ว คว้ากางเกงซับในสีแดงในทันที แล้วลงไปที่พื้นเพื่อเก็บกระบี่เหรียญทองแดง มองไปรอบๆ
เจ้าผีหัวขโมยไปไหนแล้ว
รีบออกมาให้ข้าจัดการเสียดีๆ
เมื่อมองดูแล้วเขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ พลังหยินรุนแรงมาก
ปรมาจารย์ไท่เฉิงสีหน้านิ่ง ปากเอ่ยพึมพำ ท่องคาถาเปิดดวงตาสวรรค์ หลับตาแล้วลืมตาขึ้นมา ทุกสิ่งปรากฏอยู่ตรงหน้า สีหน้าเคร่งขรึมกว่าเดิม
มีคนวางค่ายอาคมรวบรวมหยิน ทำให้พลังหยินทั้งหมดในบริเวณนี้มารวมกันที่นี่ ทำให้หนาวจนถึงกระดูก พลังหยินรุนแรง
ไม่สิ ในพลังหยินแฝงไว้ด้วยกลิ่นเลือด ทั้งสองผสมปนเปกัน กลายเป็นพลังชั่วร้าย
และจุดที่กลิ่นเลือดเข้มข้นที่สุด ปรมาจารย์ไท่เฉิงค่อยๆ หันกลับไป เดินไปอยู่ตรงหน้าหินประดับ ขมวดคิ้ว
ที่นี่กลิ่นเลือดรุนแรงมาก เห็นได้ชัดว่าเคยมีคนตาย แต่ทำไมจึงไม่มีวิญญาณแม้แต่ดวงเดียว แม้แต่เจ้าผีหัวขโมยตนนั้นก็หายหัวไปแล้ว เขาไปไหนเสียแล้ว
มีบางอย่างผิดปกติ
สีหน้าปรมาจารย์ไท่เฉิงดูแย่มาก
พลังหยินรุนแรงเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่ามีผี แต่กลับไม่เห็นผีแม้แต่ตัวเดียว ทำไมกัน หรือมีคนอยู่เบื้องหลังไล่วิญญาณร้ายไป เป็นใครกัน
ใครที่เป็นศัตรูกับเขา ขโมยอะไรไม่ขโมย ดันมาขโมยกางเกงซับในตอนเขาอาบน้ำ
ลมกระโชกแรงพัดผ่าน
ปรมาจารย์ไท่เฉิงรู้สึกว่าส่วนล่างหนาวเล็กน้อย ก้มลงมอง รีบเอาขาหนีบกันไว้ มองไปรอบๆ ด้วยความรู้สึกผิด
โชคดีที่ไม่มีคน
ฉินหลิวซีดึงมือเฟิงซิวออก แน่จริงก็ลองปิดตาข้าอีกครั้งสิ
เฟิงซิวกัดฟัน “ก็แค่คนแก่มีอะไรน่าดู หากจะดูก็ดูบุรุษที่รูปงามอันดับหนึ่งในใต้หล้า อย่างเช่นข้า”
ฉินหลิวซีมองสำรวจเขา สายตาตกลงบนท้องล่างของเขา เอ่ยขึ้นว่า “เจ้ามีนิสัยพานกออกมาเดินเล่นเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ นี่เป็นโรค ต้องรักษา! มิเช่นนั้นคนอื่นจะบอกว่าเจ้าโรคจิต!”
เฟิงซิว ‘ข้าขอสู้ตายกับท่าน!’
“ใคร” ปรมาจารย์ไท่เฉิงรู้สึกถึงการเคลื่อนไหว ขณะที่เขากำลังจะสวมกางเกง จึงหยุดไปชั่วคราว ถือกระบี่เหรียญทองแดงไว้ในมือ มองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง
เขากำลังจะเดินไปที่ต้นไม้ใหญ่ก็เกิดเสียงดังขึ้นจากทางด้านหลังเขา เขารีบหลบไปอยู่ด้านข้าง เมื่อมองดู เป็นนักพรตเฒ่าท่าทางลามกสวมชุดคลุมสีเทาและหมวก
อีกฝ่ายก็มองสำรวจปรมาจารย์ไท่เฉิง สายตาตกไปอยู่ที่ขาเปลือยเปล่าทั้งสองข้างของเขา ราวกับมีแสงเปล่งประกายขึ้นมาในดวงตา ยกมุมปากขึ้น ดูลามกยิ่งกว่าเดิม
ปรมาจารย์ไท่เฉิงรู้สึกสถานการณ์ไม่ดี ก้นของเขาเกร็งแน่นกว่าเดิม
“เจ้าเป็นนักพรตมาจากไหน กล้าดีอย่างไรมาวางค่ายอาคมรวบรวมหยินที่นี่ ทำเรื่องสกปรกลับๆ ล่อๆ” ปรมาจารย์ไท่เฉิงบีบกางเกงซับในสีแดงของเขาแน่น รู้สึกว่าเจ้าผีหัวขโมยตนนั้นที่มาขโมยกางเกงของเขา ถูกส่งมาโดยชายชราหน้าขาวไร้หนวดที่อยู่ตรงหน้าเขาผู้นี้
ไม่มีเหตุผลอื่นใด เพียงแค่สีหน้าของอีกฝ่ายดูค่อนข้างลามก
เกรงว่าจะไม่ใช่นักพรตที่ดีอะไร มุ่งเป้ามาที่ตัวเองตั้งแต่เมื่อใด ซ้ำยังหลอกล่อตัวเองมาที่นี่ หรือว่าตั้งใจจะทำสิ่งไม่ดี
เหยียดหยามกันเกินไปแล้ว!
ปรมาจารย์ไท่เฉิงปะติดปะต่อเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทำให้พฤติกรรมไร้เหตุผลของการขโมยกางเกงซับในกลายเป็นพฤติกรรมที่สมเหตุสมผล
บอกได้คำเดียวว่า ‘สุดยอด!’
“อาตมาก็อยากจะถามเจ้าอาวาสไท่เฉิงสักหน่อยว่ากลางคืนดึกดื่นไม่หลับไม่นอน เดินละเมอเปลือยเปล่ามาในที่ของข้ามีจุดประสงค์อะไร” นักพรตเฒ่าหรี่ตาชำเลืองมองขาเปลือยเปล่าทั้งสองข้างที่อยู่ใต้ชุดเต๋าของเขา
“เจ้ารู้จักข้า!” ปรมาจารย์ไท่เฉิงยกกระบี่ชี้เขาด้วยความโกรธ ที่แท้ก็มุ่งเป้ามาที่ข้า มิเช่นนั้นเขาจะรู้จักตัวเองได้อย่างไร
นักพรตซวีกงมองไปที่กระบี่เหรียญทองแดงของเขาที่มีอักขระยันต์อันเปล่งประกาย สายตาแฝงไว้ด้วยความริษยา บรรดานักพรตเต๋าฝ่ายคุณธรรมเหล่านี้มีสำนักที่มีชื่อเสียงอยู่เบื้องหลัง สิ่งที่มีอยู่ในมือก็ล้วนเป็นของดี ไม่เหมือนนักพรตอิสระอย่างพวกเขา หากต้องการประสบความสำเร็จ ต้องพึ่งตัวเอง
โชคดีที่กลองผีที่ตัวเองหล่อหลอมไว้ใกล้จะสำเร็จแล้ว เมื่อถึงเวลา ทันทีที่กลองดัง ความขุ่นเคืองก็จะกระจายไปทุกทิศ ผีคร่ำคราญ หมาป่าหอน ผู้ที่ได้ยินเสียงกลองจะถูกดึงเข้าไปในภาพลวงตา เลือดออกจากทวารทั้งเจ็ดจนเสียชีวิต ผีสางนางไม้ล้วนมีความขุ่นเคือง
เมื่อครู่นี้เขาก็กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญ แต่รู้สึกว่าค่ายอาคมที่ตัวเองวางไว้มีความผันผวน ราวกับว่ามีภัยคุกคาม ดังนั้นจึงต้องหยุดการหล่อหลอมแล้วออกมาตรวจสอบดู
ปรากฏว่าเป็นปรมาจารย์ไท่เฉิงที่ไม่นุ่งกางเกง
เขาได้ยินมานานแล้วว่าคนผู้นี้การฝึกบำเพ็ญก้าวไปอีกขั้นตั้งแต่ปีก่อน ในใจรู้สึกริษยา แต่ก็ไม่กล้าไปยั่วยุ เกรงว่าจะถูกอีกฝ่ายเอาคืน จนทำให้ตัวเองตกลงไปในหลุมขนาดใหญ่และไม่สามารถออกมาได้
แต่ในขณะที่เขากำลังหลบไท่เฉิงผู้นี้ อีกฝ่ายกลับบุกเข้ามาหาถึงที่
หรือว่าตอนที่ตัวเองกำลังหล่อหลอมกลองปีศาจได้ถูกคนผู้นี้ค้นพบแล้ว จึงตั้งใจมากำจัดตัวเอง
หึ บรรดานักพรตผู้ชอบธรรมเหล่านี้ เอาแต่อ้างว่าปราบสิ่งชั่วร้ายปกป้องเต๋า ความจริงแล้วล้วนทำเพื่อแสวงหาชื่อเสียงที่ไร้สาระนั่นโดยเห็นแก่ส่วนตัว ยังมาแสร้งทำเป็นมีคุณธรรมอันยิ่งใหญ่
เมื่อปรมาจารย์ไท่เฉิงเห็นว่านักพรตเฒ่าลามกผู้นี้ไม่เอ่ยอะไร จึงคิดว่าตัวเองเดาถูกแล้ว ยกกระบี่ขึ้นแล้วโจมตี “เจ้าวางค่ายอาคมรวบรวมหยินอันชั่วร้ายไว้ที่นี่มีจุดประสงค์อะไร กำลังฝึกวิชามารอะไรอยู่”
นักพรตซวีกงมองเขาราวกับมองคนโง่ เป็นถึงผู้ฝึกบำเพ็ญถึงขั้นสร้างรากฐาน แต่มีไหวพริบเพียงแค่นี้หรือ
แต่ฟังจากคำพูดไม่เหมือนว่าได้ค้นพบสิ่งที่ตนเองทำแล้ว เช่นนั้น นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดหรือ
ฉินหลิวซีก็ส่ายหน้าเช่นกัน “ปรมาจารย์ไท่เฉิงคงโชคดีบังเอิญฝึกบำเพ็ญถึงขั้นสร้างรากฐานกระมัง หรือว่าถูกศิษย์น้องของเขาผู้นั้นไปกระตุกต่อมบางอย่างเข้า ดูแล้วไม่ค่อยฉลาดสักเท่าไหร่”
เฟิงซิวกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ก็เป็นเพราะถูกคนขาดคุณธรรมบางคนไปทำให้เขาเลอะเลือนไม่ใช่หรือ”
“ใช่แล้ว เรื่องขโมยกางเกงซับในก็ยังทำได้ เจ้าแม่ทัพผีตนนี้ช่างขาดคุณธรรมอันยิ่งใหญ่จริงๆ” ฉินหลิวซีตบไปที่น้ำเต้าหยก
แม่ทัพผีที่หลบซ่อนรักษาตัวอยู่ในน้ำเต้าหยกแทบอยากจะแกล้งตาย เขาถูกแทงด้วยกระบี่ของปรมาจารย์ไท่เฉิงจนวิญญาณแตกร้าวแล้ว การโจมตีด้วยวาจานั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย
อี้ชิวมาอยู่ที่ปากขวด รีบเอ่ยว่า “นายท่าน รีบไปช่วยบรรดาสตรีเหล่านั้นเถิด อยู่ที่นี่”
เมื่อนักพรตซวีกงเห็นปรมาจารย์ไท่เฉิงโจมตีมาก็ตั้งท่าโจมตีเช่นกัน ดึงแส้วิญญาณที่พกติดตัวออกมา เมื่อสะบัดออก แส้นั้นพลันเหมือนงูเลื้อยไปหาปรมาจารย์ไท่เฉิง
ปรมาจารย์ไท่เฉิงตาไว เมื่อเห็นพลังงานชั่วร้ายสีแดงดำที่พันกับแส้วิญญาณ แสยะยิ้ม “เป็นวิชามารจริงๆ ด้วย”
เขาเขย่งปลายเท้า นกยักษ์ตัวหนึ่งกางปีกบินขึ้นฟ้า ถือกระบี่แทงลงไป
ลมพัดชุดคลุมเต๋าของเขา เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ใต้เสื้อคลุม เมื่อนักพรตซวีกงเห็นดังนั้น ก็อดกล่าวเสียดสีไม่ได้ “นกของเจ้าตัวเล็กไปหน่อย”
ตัวเล็กแต่ใจใหญ่ก็แล้วกัน
ปรมาจารย์ไท่เฉิงจ้องมองด้วยความโกรธ ‘ข้าขอสู้ตายกับนักพรตมารอย่างเจ้า!’