คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 564 ปิดทองบนใบหน้าตนเอง
ตอนที่ 564 ปิดทองบนใบหน้าตนเอง
ฉินหลิวซีมองท้องฟ้าที่ยังนับว่ามีแสงแดดอบอุ่น จากนั้นมองไปยังไต้หรงที่ซ่อนตัวอยู่ในที่มืด ริมฝีปากขยับเล็กน้อย
ไม่กลัวว่าแสงแดดนี้จะทำให้เจ้าละลายสินะ ถึงกล้าออกมา
แต่เวลาเพียงสองสามชั่วโมง พลังวิญญาณของนางก็แข็งแกร่งขึ้นมาแล้ว กลืนกินดวงวิญญาณไปกี่ดวงกัน
ฉินหลิวซีสีหน้าเย็นยะเยือก
ไต้หรงเบนสายตาหลบด้วยความละอายใจ นางอยากไปตามแก้แค้นเหวินยวน แต่ก็มองเห็นปรมาจารย์ไท่เฉิง หากโจมตีออกไปสักครั้ง ก็กลัวว่าถูกปรมาจารย์ไท่เฉิงจัดการแล้วจะไม่มีโอกาสได้แก้แค้นอีก
หลังจากนางจากไป นางเจอกับผีชั่วสามตน หลังจากต่อสู้แล้ว กลืนกินอีกฝ่ายลงท้อง ทำให้พลังวิญญาณแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก
แม้จะเป็นเช่นนี้ นางก็ไม่กล้าพุ่งเข้าหาเฉิงเหวินยวน เพราะบนร่างกายของคนกลุ่มนี้มีพลังของผู้มีความปัญญาเที่ยงธรรม มีดาวเหวินชางปกปักรักษา กลิ่นอายมงคลเข้มข้นนั้นนางไม่กล้าเข้าใกล้ ทำได้เพียงหลบๆ ซ่อนๆ
“มองอะไรหรือ” มู่ซีมองฉินหลิวซีที่อยู่นิ่ง มองตามสายตาของนางไป หยุดอยู่ที่เฉิงเหวินยวน หัวคิ้วขมวด “มองคนแซ่เฉิงผู้นั้นอยู่หรือ”
“ฟังน้ำเสียงของเจ้า ดูเหมือนไม่ชอบคนผู้นี้นัก” ฉินหลิวซีมองเหล่าบัณฑิตขั้นสูงที่กำลังขี่ม้าหล่อเหลาย่างกรายเชื่องช้า เอ่ยถามขึ้นมา
มู่ซีที่มองเฉิงเหวินยวนอยู่นั้นท่าทีไม่พอใจนัก เอ่ย “ไม่ชอบ คนผู้นี้ปลอมยิ่งนัก สวมหน้ากากที่เรียกว่าคุณธรรม ไม่เคยละอายต่อผู้ใดเลยแม้แต่น้อย ในสายตาข้า คนผู้นี้คล้ายพระ ทว่าไม่มีความเมตตาเช่นพระอย่างแท้จริง แต่เป็นความเมตตาจอมปลอม อย่างไรข้าก็ไม่ชอบกลิ่นอายในตัวคนผู้นี้ รังเกียจยิ่งนัก เจ้าอย่ามองว่าเขาดูเป็นคนดี อีกทั้งยังมีชื่อเสียง เขายังเทียบคนที่อยู่ท้ายแถวมิได้เลยด้วยซ้ำ”
ฉินหลิวซีจ้องมองเขานิ่ง เอ่ย “ท่านความรู้สึกไวต่ออันตรายหรือ”
“หืม”
“รักษาเอาไว้เถิด” สายตาของฉินหลิวซีหันกลับมาจ้องมองที่ขบวนอีกครั้ง เอ่ย “คนที่ทำให้ท่านรู้สึกไม่ดี หรือเรื่องอะไร อย่าได้ทำเหมือนแมวขี้สงสัยเข้าไปแตะเข้าไปจับรนหาที่ตาย ออกห่างจากไฟ รักชีวิตเป็นสิ่งสำคัญที่สุด”
มู่ซี ข้าสงสัยว่าเจ้ากำลังด่าข้า แต่ข้าไม่มีหลักฐาน
ฉินหลิวซีไม่เอ่ยสิ่งใดให้มากความ นางมองไปยังขบวน มีหลายคนที่ใบหน้าคุ้นเคย นอกจากเจียงเหวินหลิวแล้ว ยังมองเห็นหวังเจิ้ง รวมไปถึงเหล่าลูกศิษย์บ้านเกิดที่ตนเคยทำนายโหงวเฮ้งให้ คนผู้นี้ดูเหมือนจะแซ่เหนียนหรือไม่
แต่เกิดอะไรขึ้นกับเขา ไยร่างกายจึงมีไอชั่วร้ายขึ้นมา
“ช่างเถิด นับว่าถูกชะตากับเจ้า นับว่าเป็นวาสนาของเจ้า” ขณะที่เขากำลังผ่านเลยไป ปลายนิ้วมือจรด ดึงไอชั่วร้ายบนตัวเขาออกมา
นางมองไปยังเหล่าบัณฑิตขั้นสูงที่ได้รับความสนใจมากมาย และได้รับดอกไม้รวมถึงผ้าปักลายที่เหล่าหญิงสาวต่างๆ โยนมาให้ มองดวงอาทิตย์อยู่สูงแล้ว ค่อยเดินห่างออกมา
นางเดินอยู่บนหลังคาไม่กี่ก้าวพลันหยุดเท้าลง หันหน้าไปมองยังชั้นที่สามของตึกห้าชั้นแห่งหนึ่ง เอ่ยถามมู่ซี “ตึกเล็กปูกระเบื้องเคลือบนั้นทำกิจการอะไรหรือ”
มู่ซีมองเล็กน้อย เอ่ย “กิจการของตระกูลติ้งซีโหว หอเต๋อชิ่ง โรงน้ำชาแห่งหนึ่ง ทำกิจการได้กำไรเป็นอย่างมาก แต่เป็นสถานที่ที่เหล่าปัญญาชนใฝ่ฝันเป็นพิเศษ เพราะด้านในมีตำรา งานเขียนและภาพวาดล้ำค่ามากมาย” เขาหยุดไปชั่วครู่ เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ติ้งซีโหวเป็นตระกูลมารดาขององค์ชายรอง ยามนี้ติ้งซีโหวคือพี่ชายใหญ่แท้ๆ ของพระสนมซูเฟย”
ทว่าฉินหลิวซีราวกับไม่ได้ยิน เพียงรู้สึกว่าชั้นสามของที่แห่งนั้นมีกลิ่นอายบางอย่างที่ทำให้นางไม่สบายใจทว่าคุ้นเคยอย่างเห็นได้ชัด
“ไปนั่งเล่นที่นั่นสักหน่อยหรือไม่”
ฉินหลิวซีเหลือบมองเขาเล็กน้อย “ท่านควรไปได้แล้ว”
นางเอ่ยจบคว้าคอเสื้อของเถิงเจาราวกับจับไก่น้อย ถีบปลายเท้าเบาๆ ก็กระโดดลงมาบนพื้นเรียบ
“รอข้าด้วย” มู่ซีรีบร้อน ออกคำสั่งกับองครักษ์ “เร็ว พาข้ากระโดดลงไป”
องครักษ์ “…”
เขาอยากไปทำหน้าที่ที่มากกว่านี้ ซื่อจื่อดูแลปรนนิบัติยากจริงๆ
รอทั้งสองกระโดดลงมา เพียงชั่วพริบตา เหล่าฉินหลิวซีก็หายไปไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยแล้ว มู่ซีโกรธกระทืบเท้าตะโกนเสียงดัง “คนเล่า ไยจึงเร็วเพียงนี้ พวกเจ้าคนไร้ความสามารถ เชื่องช้าอย่างกับกินเต่าเป็นอาหารทุกวัน ต่อไปก็กินแต่มังสวิรัติเสีย”
องครักษ์ ไม่รอแล้ว กลับไปจะไปยื่นเรื่องขอทำภารกิจนอกพื้นที่
หลังจากพวกฉินหลิวซีหายไป หน้าต่างห้องรับรองในโรงน้ำชาที่นางเอ่ยถึงพลันถูกบุรุษงดงามสง่าดูสูงส่งผลักเปิดออก มองมาทางนี้ คิ้วย่นขึ้น ไม่นานก็คลายออก มุมปากยกขึ้นมา
เมืองหลวงแห่งนี้น่าสนใจจริงด้วย เขาสัมผัสได้ถึงความท้าทายที่น่าสนใจ
ฉินหลิวซีจาม ให้เถิงเจาเดินเข้าไปก่อน เคาะประตูจวนเสนาบดี ไม่นานก็มีคนเชิญเข้าไปด้านใน
วันนี้มีขบวนจ้วงหยวน จวนเสนาบดีเองก็เงียบสงัด หลายคนต่างออกไปชมความรื่นเริงสนุกสนาน แต่ฮูหยินลิ่นที่เป็นนายหญิงยังอยู่ที่บ้าน อย่างไรแม่สามียังนอนป่วยอยู่บนเตียงไม่อาจลุกขึ้นได้ และฉินหลิวซีต้องมาฝังเข็ม แน่นอนว่าไม่กล้าออกไปข้างนอก
ฉินหลิวซีและอีกฝ่ายต่างทำความเคารพซึ่งกันและกันกับนาง สายตามองไปยังหญิงสาวอายุน้อยที่อยู่ด้านข้างนาง
“นี่คือบุตรสาวคนโตที่แต่งงานออกไปแล้วของบ้านเรา แต่งไปยังขุนนางกรมการปกครองตระกูลจง ได้ข่าวว่าท่านย่าป่วย จึงตั้งใจมาเยี่ยม” ฮูหยินลิ่นเอ่ยแนะนำ
ลิ่นชิงอิงทำความเคารพฉินหลิวซี พยักหน้าลงด้วยรอยยิ้ม
ฉินหลิวซีเองก็ทำความเคารพกลับ เข้าไปเริ่มฝังเข็มรวมไปถึงตรวจชีพจรให้กับนายหญิงลิ่นผู้เฒ่า ท่าทางคล่องแคล่วราวกับสายน้ำไหล ไม่มีความเกร็งแม้เพียงนิด
ลิ่นชิงอิงที่ได้ยินมารดาเอ่ยถึงความสามารถทางการแพทย์ของคนผู้นี้มาก่อนแล้ว ยามนี้ได้เห็น มีความคิดเกิดขึ้นมาในใจ
“ฝังเข็มวันนี้แล้วก็ไม่ต้องฝังอีกแล้ว ยาก็กินตามใบสั่งยาที่ข้าให้ไปก่อนหน้านี้ พรุ่งนี้ลงมาออกกำลังกายเล็กๆ น้อยๆ สักหน่อย เพียงอย่าให้เหนื่อยจนเกินไป” ฉินหลิวซีเอ่ย
ฮูหยินลิ่นดีใจ เอ่ยถามถึงสิ่งต้องระวังอีกเล็กน้อย “แม้จะไม่ต้องฝังเข็มแล้ว แต่หากท่านเจ้าอาวาสน้อยเยือนที่จวนบ่อยๆ พวกเรายินดีต้อนรับอย่างยิ่ง”
ฉินหลิวซียิ้ม ไม่ได้เก็บคำเกรงอกเกรงใจนั้นมาใส่ใจ
หลังจากนางให้การรักษาผู้ป่วยหรือช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือแล้ว น้อยนักที่จะทำความรู้จักลึกซึ้ง หนึ่งเพราะนิสัยทำตามที่ใจต้องการ สองกลัวว่าผลกรรมนั้นจะพัวพันมากจนเกินไป
ลิ่นชิงอิงเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “ไม่รู้ว่าท่านเจ้าอาวาสน้อยรักษาโรคอัมพาตได้หรือไม่”
ฮูหยินลิ่นชะงักไปชั่วครู่ นึกขึ้นมาได้ทันทีว่านางเอ่ยถามแทนผู้ใด ทว่าไม่ได้แสดงความตื่นตกใจ
ฉินหลิวซีเอ่ย “ยังไม่เห็นตัวผู้ป่วย ไม่กล้าตัดสินใจ”
ช่วงนี้รักษาอัมพาตมากสักหน่อย
ลิ่นชิงอิงเอ่ยถาม “เช่นนั้นท่านไปตรวจได้หรือไม่เจ้าคะ กระดูกของคนผู้นั้นได้รับความเสียหายจึงเป็นอัมพาต เป็นมากว่าครึ่งปีแล้ว กระทั่งตอนนี้ก็ยังเดินไม่ได้”
ฉินหลิวซีนิ่งเงียบ ราวกับกำลังครุ่นคิดหรือลำบากใจ
ลิ่นชิงอิงทำตัวไม่ถูก เหลือบมองไปยังมารดาเล็กน้อย อีกฝ่ายจึงเอ่ย “หากท่านเจ้าอาวาสน้อยไม่สะดวกเดินทางออกไปรักษาก็ช่างเถิด หากออกไปได้ ได้รักษาได้หรือไม่ นับเป็นโชคชะตาของคนผู้นั้น และไม่ให้เจ้าอาวาสน้อยเดินทางไปเสียเปล่าแน่นอน”
ลิ่นชิงอิงเอ่ยสนับสนุน เอ่ย “หากรักษาได้ จะถวายรูปหล่อทองคำให้กับอารามของท่านก็ยังได้”
ฉินหลิวซีแสร้งทำเป็นยิ้มบาง “วาจานี้หนักแล้ว ข้าผู้นี้มีใจเมตตา ทนไม่ได้ที่จะเห็นคนแข็งแรงต้องมาเป็นทุกข์ หากต้องการเชิญข้าไปรักษา เช่นนั้นก็มารับข้าที่โรงประมูลจิ่วเสียนก็ได้”
เถิงเจาที่กำลังเก็บกล่องยาอยู่ด้านข้างได้ยินวาจานี้ มือพลันชะงักเล็กน้อย ความสามารถในการปิดทองบนใบหน้าตนเองของอาจารย์ดูเหมือนนับวันจะคล่องแคล่วขึ้นเรื่อยๆ แล้ว