คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 572 อาจารย์ไม่…ใช่คนเลวเช่นนี้
ตอนที่ 572 อาจารย์ไม่…ใช่คนเลวเช่นนี้
ปรมาจารย์ไท่เฉิงจะคิดบัญชีกับฉินหลิวซีหรือไม่ ยังไม่ต้องเอ่ยถึง ฉินหลิวซีกลับเคาะจมูกยกขาไขว่ห้าง อีกฝ่ายจะทำนายออกมาได้ว่านางเป็นคนทำก็ตามสบาย หากเป็นเรื่องใหญ่นางก็ต่อกรได้ เป็นไท่หยางวางแผนร้ายต่อนางก่อน ว่ากันว่าศิษย์พี่เป็นดั่งบิดา ไท่หยางไม่ร่ำเรียนให้ดี ผู้เป็นศิษย์พี่จำต้องออกหน้าแทน
อีกทั้ง อย่างไรนางก็มอบบุญกุศลเล็กๆ น้อยๆ ให้ เขาสังหารซวีกง อย่างไรก็ช่วยให้คนบริสุทธิ์หรือวิญญาณจำนวนมากไม่ต้องตกอยู่ในมือของเขา นับว่าสังหารหนึ่งคนช่วยเหลือคนหมู่มาก บุญกุศลถือว่าเป็นของเขา
ดังนั้น โทษนางไม่ได้จริงๆ สิ่งที่นางทำ ว่าไปแล้ว เขานับว่าติดหนี้น้ำใจของนาง
เถิงเจาฟังคำแก้ตัวนี้ ถูกแล้วๆ ท่านเอ่ยถูก ตายไปแล้วก็พูดได้
ฉินหลิวซีหัวเราะร้ายสองครั้ง ดึงวิญญาณที่เหลืออยู่ของไต้หรงที่ติดอยู่กับตุ๊กตากระดาษน้อยออกมา วิญญาณนั้นเหลือเพียงน้อยนิด ไม่มีพลังงานแล้ว พร้อมที่จะแตกสลายไปทั้งอย่างนั้น
นางหยิบชาดแดงออกมา ตัดตุ๊กตากระดาษใหม่หนึ่งชิ้น ใช้ชาดแดงเขียนหน้าตา อีกทั้งเขียนยันต์เป็นสุขไว้บนตัวคนกระดาษ ก่อนจะกดวิญญาณของไต้หรงเข้าไปในตุ๊กตากระดาษ จากนั้นผนึกตุ๊กตากระดาษเอาไว้ในกลองผี สั่งการเถิงเจา “เจ้าสวดคาถาสงบวิญญาณให้นางวันละหนึ่งรอบ จากนั้นสวด ‘บทสู่สุขคติ’ โปรดสัตว์หนึ่งรอบ”
เถิงเจามองกลองผีก่อนจะเอ่ย “ท่านอาจารย์ นางนับว่าทำร้ายคนที่มีชีวิต ท่านยังเก็บวิญญาณของนางไว้หรือ ต่อให้วิญญาณแตกสลายก็เป็นสิ่งที่นางเลือกหรือไม่”
“เป็นสิ่งที่นางเลือก ดังนั้นข้าจึงไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่ง นางอยากทำอะไรก็ทำ เพราะนี่คือเวรกรรมที่คนผู้นั้นจำต้องชดใช้ เวรกรรมตามสนอง จุดจบเป็นอย่างไร ไม่เกี่ยวกับคน และข้าจะเก็บเอาไว้ทำความดีหรือไม่ นี่ก็เป็นสิ่งที่ข้าเลือก” ฉินหลิวซีมองเขา เอ่ย “เพราะในสายตาของอาจารย์ ไม่มีคำว่าแตกต่างเพราะไม่ใช่เผ่าพันธุ์ของตน และไม่ใช่ว่าเป็นคนแล้วจะสูงส่ง เพราะผีที่ตายไปแล้วก่อนตายพวกเขาก็เป็นคนที่มีชีวิต อย่างไต้หรงที่ถูกคนชั่วทำร้ายจนตาย ฟันต่อฟัน ยุติธรรมมาก นี่เป็นเวรกรรม เจ้าบอกว่านางผิดที่ทำร้ายคนมีชีวิต แต่ตอนนางมีชีวิตก็เป็นคนไม่มีที่พึ่ง คนผู้นั้นจะปล่อยสตรีน่าสงสารเช่นนี้ไม่ได้เลยหรือ”
เถิงเจาครุ่นคิด
ฉินหลิวซีตบไหล่เขา เอ่ย “ความยุติธรรมเป็นอย่างไร ในใจคน หากเจ้าไม่รู้ถูกผิดอย่างไร ก็ทำไปตามใจ แต่มีหนึ่งอย่างที่ต้องคำนึง ไม่ว่าทำสิ่งใด อย่าได้ทำร้ายคนบริสุทธิ์”
เถิงเจ้าพยักหน้า
ฉินหลิวซีลูบกลองผี เอ่ยเสียงเบา “นี่ไม่ใช่เรื่องราวโหดร้ายเรื่องเดียวบนโลกใบนี้ มีผู้คนหรือผีมากมาย พวกเราก็ไม่อาจช่วยได้ทั้งหมด เมื่อเจอก็สร้างความดีเท่านั้นก็พอ”
…
หลังประกาศผลการสอบขุนนาง เมืองหลวงก็มีข่าวเล่าปากต่อปากหลายเรื่อง
หนึ่ง แน่นอนว่าหลังจากที่หนุ่มจ้วงหยวนได้เป็นจ้วงหยวนแล้วก็แต่งงาน ยกเกี้ยวสู่ขอภรรยา เข้าหอชื่นมื่นเป็นเรื่องดีๆ เรื่องที่สองหลังจากมีชื่ออยู่ในป้ายประกาศรายชื่อ ได้ยินว่าแขกที่ไปร่วมงานมีจิ้นซื่อกว่าครึ่ง
สองน่ะหรือ ก็คือแม่นางจวนถงจี้จิ่วที่เป็นบ้ามากว่าเจ็ดปีเกิดอุบัติเหตุได้รับความตกใจระหว่างนั่งรถม้ากลับเมืองหลวง เชิญนักพรตเต๋ามาตรวจรักษา อาการดีขึ้น ไม่โง่แล้ว
ว่ากันว่านักพรตเต๋าที่รักษาแม่นางถงและท่านหมอที่รักษาฮูหยินผู้เฒ่าจวนเสนาบดีลิ่นคือคนคนเดียวกัน เพียงระยะเวลาสั้นๆ ผู้ป่วยด้วยโรคแปลกประหลาดและไม่อาจรักษาให้หายได้เป็นเวลานาน ราวกับหิมะได้โปรยลงมาทักทายถึงมือเสนาบดีลิ่น ใต้เท้าสยง รวมไปถึงจิ่งซื่อจื่อ ฉังอันโหว
ใช่แล้ว หลังจากฉังอันโหวส่งภรรยาและบุตรชายไปพักที่ชนบท (จับตามองอย่างเข้มงวด) แล้ว ก็พูดคุยลับลมคมนัยกับฮูหยินผู้เฒ่าจวนฉังอันโหวกว่าหนึ่งคืน วันต่อมาก็ยื่นฎีกาขอแต่งตั้งซื่อจื่อทันที
ไม่รู้ว่าฉังอันโหวเป็นหลานของฝ่าบาทหรืออย่างไร ถวายฎีกาขึ้นไป วันต่อมาฝ่าบาทก็มีพระราชทานลงไป ยามนี้จิ่งซื่อเป็นซื่อจื่อฉังอันโหวแล้ว
ราชโองการนี้ลงมา ได้ยินว่าใต้เท้าสยงลุงแท้ๆ ของจิ่งซื่อจื่อที่ใครๆ ก็บอกว่าขี้เหนียว จัดงานเลี้ยงกว่าสองงานเชิญแขกร่วมฉลองมากมาย
เหล่าผู้มีอำนาจได้ยินข่าวรวดเร็วว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องฮูหยินลิ่นผู้เฒ่า ความจริงคือคุณชายรองบ้านใต้เท้าสยงและจิ่งซื่อจื่อ หมายความว่า พวกเขาต่างหากที่เป็นคนรู้จักท่านหมอนักพรตผู้นั้นจริงๆ ดังนั้นเทียบเชิญเพื่อขอคำแนะนำจึงถูกส่งมายังพวกเขา รวมถึงยังถูกส่งไปยังตระกูลลิ่นตระกูลถง
สยงรองก็คือสยง[1] ย่อมไม่กล้าตัดสินใจแทนฉินหลิวซี เพียงให้พวกเขาส่งเทียบเชิญต่อไปยังโรงประมูลจิ่วเสียน แน่นอนว่าผู้ที่สนิทสนมใกล้ชิด เป็นคนดีสักหน่อย พวกเขาจะถามฉินหลิวซีเป็นการส่วนตัว
ส่วนตระกูลเสนาบดีลิ่นไม่ยอมเป็นคนกลาง ให้พวกเขาส่งเทียบเชิญไปยังโรงประมูลจิ่วเสียนเช่นกัน เทียบกับพวกสยงรองคนหนุ่มพวกนี้ เสนาบดีลิ่นคิดเยอะกว่า
หากต้องการเป็นคนกลางจริงๆ แนะนำได้สำเร็จ ฉินหลิวซีได้ช่วยแก้ความทุกข์ของอีกฝ่าย ความจริงสามารถแลกน้ำใจกลับมาได้มาก แต่เมื่อมีน้ำใจมากแล้ว สำหรับพวกเขาที่อยู่ในตำแหน่งสูง ไม่แน่จะเป็นเรื่องดี เพราะอาจทำให้เบื้องบนไม่พอใจ
ดังนั้นตระกูลลิ่นจึงแนะนำให้คนที่ส่งเทียบเชิญว่าให้ส่งไปยังโรงประมูลจิ่วเสียน ให้ฉินหลิวซีตัดสินใจด้วยตนเอง
ดังนั้น โรงประมูลจิ่วเสียนที่ประกาศจะจัดการประมูลหลังการประกาศผลการสอบขุนนางยังไม่ทันได้จัดก็ครึกครื้นไม่น้อย ล้วนแต่มาเชิญฉินหลิวซี
มีความคิดเชื่อมโยงบางส่วนบอกว่าท่านหมอนักพรตเต๋าผู้นี้มาอยู่ที่โรงประมูลจิ่วเสียนได้อย่างไร นางกับโรงประมูลจิ่วเสียนลึกลับนี่ มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร
นอกจากเรื่องดีๆ ก็มีเรื่องให้ถกเถียงถึงพริกถึงขิง นั่นก็คือคุณชายเหวินยวนที่สอบรอบหน้าพระที่นั่งได้อันดับที่ห้าเกิดป่วยหนักขึ้นมากะทันหัน นอนป่วยไม่อาจลุกจากเตียงได้ ว่ากันว่าบ่าวรับใช้จวนฉังชวนปั๋วได้เตรียมชุดไว้ทุกข์และของไว้ทุกข์แล้ว
ข่าวลือนี้กระจายออกไป เมื่อถูกคนเอ่ยถึง คนที่ไม่รู้เบื้องลึกรู้สึกเสียดาย อย่างไรก็เฝ้าร่ำเรียนยากลำบาก สอบได้อันดับที่ดีเพียงนี้ยังไม่ทันเข้ารับตำแหน่งก็หมดอนาคตแล้ว จะไม่ให้รู้สึกเสียดายได้อย่างไร
ฉินหลิวซีนั่งอยู่ในรถม้าย่นจมูกให้กับข่าวลือนี้ เสียดายหรือ หากให้คนเหล่านี้รู้ว่าเขาสร้างกรรมใดไว้ คงได้ขนลุกขนพอง
เถิงเจาเหลือบมองนางพลางเอ่ย “ความจริงที่พวกเขาเอ่ยถึงเยอะที่สุดคือจวนฉังชวนปั๋วยิ่งใหญ่มีโจรบุกเข้าไป”
มือที่กำลังยกชาขึ้นดื่มของฉินหลิวซีหยุดชะงัก เอ่ย “เจ้ามองอาจารย์เช่นนี้ทำไม”
“ท่านอาศัยช่วงข้านอนหลับ ไปเป็นโจรหรือ”
ฉินหลิวซีตบโต๊ะ ทำท่าทางดุร้าย เอ่ย “พูดจาเหลวไหล อาจารย์เป็นคนชั่วช้าเช่นนั้นหรือ ข้าไม่ได้ทำ”
นั่นเป็นผีตนหนึ่งต่างหาก
ผีไร้นาม เป็นท่านที่บังคับข้าชัดๆ
เถิงเจาส่งเสียง เหอะๆ ท่านไม่ได้ทำเอง แต่ท่านออกคำสั่งเอง
“เฉิงเหวินยวนนั่นเป็นคนชั่วจริงๆ ไม่รู้คิดได้อย่างไรเอาเลือดกระดูกคนหลอมเป็นเครื่องลายคราม ต่อให้วิญญาณของพวกนางไม่อยู่แล้ว แจกันสาวงามนั่นยังคงเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและโกรธแค้น” ฉินหลิวซีเอ่ย
เถิงเจาหลุบตาลง เอ่ย “ความจริงท่านน่าจะรอให้เขาถูกวิญญาณร้ายพวกนั้นกัดกร่อนให้ตายก่อนค่อยเก็บของเหล่านี้มา”
ฉินหลิวซีเบิกตาโต “เจาเจา เจ้ายังเป็นเด็ก ไยจึงโหดเหี้ยมเช่นนี้”
เถิงเจา “…”
ฉินหลิวซีเอ่ยอีกประโยค “ให้เขาตายมันสบายไป สตรีเหล่านั้นจะพอใจได้อย่างไร มีชีวิตพิการถึงจะทุกข์ทรมาน”
เถิงเจาสบตากับนาง เหอะๆ ใครโหดเหี้ยมกันแน่
“เจ้าอาวาสน้อย ถึงบ้านตระกูลซุนแล้ว” หลังรถม้าหยุดลง ลิ่นชิงอิงก็รีบเดินมาบอกยังรถม้าที่พวกเขานั่ง
ฉินหลิวซียื่นกล่องยาให้เถิงเจา “ไปกันเถิด ไปหาเงินน้ำมันตะเกียงให้ปรมาจารย์กัน”
[1] สยง (熊) หมายถึง หมี