คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 574 ปากของท่านลิ้มรสพิษมาเป็นร้อยแล้วกระมัง
- Home
- คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า
- ตอนที่ 574 ปากของท่านลิ้มรสพิษมาเป็นร้อยแล้วกระมัง
ตอนที่ 574 ปากของท่านลิ้มรสพิษมาเป็นร้อยแล้วกระมัง
วาจาเอ่ยออกไป ราวกับฟ้าผ่าลงที่ราบ ทำผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมึนงงเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าพลันเปลี่ยนแปลงใบหน้าแดงหูแดงตามมา
นายหญิงรองซุนจ้องเขม็งไปยังซุนหลี่ซวิน นี่คือเหตุผลที่เขาดึงดันจะนอนในห้องหนังสือเล็ก กลัวว่าตนจะพบว่าไม่ปกติอย่างนั้นหรือ
นับตั้งแต่ซุนหลี่ซวินเกิดเรื่อง สองสามีภรรยายังไม่เคยหลับนอนกันเลยสักครั้ง หนึ่งเพราะเขาบาดเจ็บที่เอวต้องนอนรักษาตัว สองเพราะนางเป็นห่วงว่าเขาบาดเจ็บแล้วจึงไม่มีความคิดเช่นนั้น บวกกับทั้งสองให้กำเนิดบุตรชายหนึ่งบุตรสาวหนึ่งแล้ว ยิ่งไม่มีความกดดันเรื่องสืบทอดทายาท ดังนั้นจึงไม่รีบร้อนว่าจะร่วมหลับนอนได้หรือไม่
แต่ไม่รีบ ไม่ได้หมายความว่าจะรับการไม่หลับนอนได้
นายหญิงรองซุนต้องดูแลบุตรชายบุตรสาว ทั้งยังต้องดูแลอารมณ์ของสามี มีเรื่องมากมาย แน่นอนว่าไม่มีใจไปคิดเรื่องนี้ และคาดไม่ถึงว่าเรื่องอย่างว่าของเขาจะใช้การไม่ได้แล้ว
ซุนหลี่ซวินดูออกถึงความตกใจนิ่งงันของภรรยา สีหน้าม่วงคล้ำ ความโกรธทวีคูณตบลงกับรถเข็น เอ่ย “ไล่เจ้าคนหลอกลวงนี่ออกไป ข้าไม่ต้องการให้นางรักษา”
ทุกคนหันไปมองนายหญิงรองซุนทันใด
นายหญิงรองซุนสีหน้าตึงขึ้นมา เอ่ย “ข้าจะดูว่าผู้ใดกล้า ซุนรองหากเจ้ายังกล้าทำ ข้าจะตัดขาเจ้า เช่นนั้นจะรักษาไม่ได้จริงๆ แล้ว”
“เจ้าเจ้าเจ้า บ้านนี้ข้ายังเป็นผู้นำอยู่หรือไม่…โอ๊ยๆ” ซุนหลี่ซวินดวงตาพร่ามัวขึ้นมา มีบางอย่างเข้ามาในร่างกาย แสบๆ ชาๆ เขาพลันไม่อาจส่งเสียงออกมาได้แล้ว
เขาล้วงคอตนเองอย่างหวาดกลัว เกิดอะไรขึ้น
นายหญิงรองซุนเองก็นิ่งงัน รีบก้าวเข้าไปใกล้
“ไม่ต้องตกใจ เพราะข้าใช้เข็มเงินลอยสะกดจุดใบ้ของเขา” ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเย็น “เสียงดังไปแล้ว หากปล่อยให้เขาทำต่อไป ฟ้ามืดก็คงไม่ได้ตรวจ”
อะไรนะ สะกดจุดใบ้อย่างนั้นหรือ
ซุนหลี่ซวินยื่นมือไปคล้ำจุดที่แสบๆ ชาๆ เมื่อครู่ สัมผัสโดนเข็มหนึ่งเล่มพอดี รู้สึกโกรธขึ้นมา จ้องฉินหลิวซีเขม็ง ใบหน้าที่เดิมขาวซีดแดงระเรื่อขึ้นมา ใช้สายตจ้องนางเขม็งไม่หยุด
มีความสามารถก็คลายจุดข้าสิ พวกเราค่อยมาทำสงครามต่อปากต่อคำกันสามร้อยรอบ
นายหญิงรองซุนหัวเราะ เอ่ย “ยังเป็นเจ้าอาวาสน้อยที่มีวิธี”
“นำเขาไปวางบนเตียงเถิด” ฉินหลิวซีออกคำสั่งกับบ่าวรับใช้
บ่าวรับใช้มองนายหญิงรอง เห็นนางพยักหน้าจึงยกซุนหลี่ซวินไปบนเตียง
น่าสงสารคนขี้โมโห ขยับไม่ได้ พูดก็ไม่ได้ ทำได้เพียงส่งเสียงฮึมฮัมในลำคอ รวมไปถึงใช้สายตาที่เต็มไปด้วยไอสังหาร
ปล่อยข้า ข้าจะสู้กับนาง
นายหญิงรองซุนเห็นเขายังกล้าดิ้นไปเรื่อย ฝ่ามือฟาดลงไปบนแขนของเขาอีกครั้ง “อยู่นิ่งๆ ให้ท่านเจ้าอาวาสน้อยได้ดู เดี๋ยวข้าจะคิดบัญชีทีหลังเรื่องที่เจ้าปิดบังข้า”
นี่คือด่าและเตือนเขา นางสามารถเอ่ยถึงปัญหาของเขาออกมาได้ทันที เห็นได้ว่าไม่ใช่เพียงเครื่องประดับ หากมีความหวังเล่า
ซุนหลี่ซวินกัดฟัน หันหน้าหนีด้วยความน้อยอกน้อยใจ เขาไม่มีหน้าจะไปเจอใครแล้ว
“ท่านเจ้าอาวาสน้อย รบกวนท่านแล้ว” นายหญิงรองซุนเอ่ยด้วยความละอายใจทำความเคารพต่อนาง
ฉินหลิวซีตั้งใจพยักหน้าอย่างผู้มีความรู้ เดินเข้าไปใกล้จับมือของซุนหลี่ซวินขึ้นมาเริ่มจับชีพจร แรกเริ่มดูสีหน้าของเขา นางพอคาดการณ์ได้อยู่ในใจ หลังจับชีพจรแล้ว จึงหันกลับไปเอ่ยกับนายหญิงรองซุน “หลังบาดเจ็บ ได้กินยาหรือไม่”
“เคยดื่มแล้ว ท่านหมอออกใบสั่งยาให้ล้วนเป็นยาคลายกล้ามเนื้อและเสริมกระดูก” นายหญิงรองซุนมองบ่าวรับใช้เล็กน้อย อีกคนจึงรีบหยิบใบสั่งยามา
ฉินหลิวซีเอ่ย “ช่วงนี้ได้เชิญมาตรวจหรือดื่มยาหรือไม่”
นายหญิงรองซุนยิ้มขมขื่นพลางส่ายศีรษะ เอ่ย “หาหมอไม่น้อย ดื่มยามาไม่น้อย ล้วนไม่ดีขึ้น ช่วงเดือนนี้จึงไม่ยอมหาแล้ว”
ซุนหลี่ซวินเม้มริมฝีปากหลับตาลง
อย่างไรก็พิการแล้ว หาหมอแล้วอย่างไร
ฉินหลิวซีปรายตามองเขา “การปิดบังโรคและเลี่ยงการรักษานั้นโง่เขลาที่สุด ต่อให้มีหมอดีก็พลาดแล้ว ไม่ได้ดีขึ้นไม่พอ ยังทำให้อาการป่วยเบาๆ กลายเป็นป่วยหนักได้ หาเรื่องให้ตัวเอง”
ซุนหลี่ซวินลืมตา จ้องนางเขม็ง เป็นหมออย่างไรกัน ปากนี้ชิมพิษมานับร้อยแล้วหรืออย่างไร เอ่ยวาจาถึงได้เป็นพิษเช่นนี้
ฉินหลิวซีจุปากยิ้มหยัน “หากไม่ใช่เพราะไม่ยอมรักษาในเดือนนี้ หมอจะไม่พบว่าท่านไตบกพร่อง แล้วให้ยาท่านต่อหรือ ท่านทำตัวเองชัดๆ ยิ่งตื่นกลัว ยิ่งหลบหนี ก็ยิ่งเป็นหนัก จนกลายเป็นไตบกพร่อง”
ลำคอของซุนหลี่ซวินมีเสียงลมดังมาจากกล่องเสียง โกรธแล้ว
ร้ายยิ่งนัก
“อีกทั้ง ดังสุภาษิตที่ว่า เส้นเอ็นกระดูกหักต้องรักษาหนึ่งร้อยวัน ต่อให้ขาหัก ก็ยังต้องใช้เวลานานในการรักษา ยิ่งไปกว่านั้นท่านที่เอวหักเล่า ยาวิเศษยังไม่อาจทำให้ท่านหายได้ในระยะเวลาสั้นๆ นี่เพิ่งไม่นานก็ไม่รักษาแล้ว ข้าเพิ่งรักษาคนเป็นอัมพาตคนหนึ่ง เขาอัมพาตมากว่าสองปี ยังไม่โวยวายเช่นท่านเลย” คนเปรียบเทียบกับคนแตกต่างกันมาจริงๆ
ซุนหลี่ซวินอยากแกล้งตาย แต่ว่าแกล้งไม่ได้แล้ว รักษาใครไปแล้วเล่า
นายหญิงรองซุนอยากรู้นัก “จริงหรือ เช่นนั้นรักษาหายแล้วหรือไม่”
“รักษาไม่ได้ท่านว่าข้าจะโอ้อวดหรือไม่” ฉินหลิวซีภาคภูมิใจ
ทุกคน “…”
ไม่มีคำตอบโต้
นายหญิงรองซุนดีใจ “ใครหรือ”
“เย่ว์ติ้ง” แม่ทัพน้อยที่ยังพักรักษาตัวอยู่ที่เมืองหลีนั่นเหมือนจะชื่อนี้กระมัง
เย่ว์ติ้งที่ไม่ได้ลงสนามรบมานานแสดงออกว่าไม่เป็นทุกข์ หากเขาตั้งชื่อว่าจินหยวนเป่า พวงเงิน เจ้าอาวาสน้อยต้องจำได้อย่างแน่นอน
นายหญิงรองซุนส่งเสียง อ้อ ขึ้นมา จากนั้นกรีดร้องเสียงดัง เอ่ยถาม “ท่านบอกว่าใครนะ”
ซุนหลี่ซวินถูกเสียงกรีดร้องนั้นทำให้ตกใจเล็กน้อย มองมารดาของลูกอย่างไม่พอใจ ดีใจเพียงนี้ เป็นคนที่นางถูกอกถูกใจหรือ
“แม่ทัพน้อยตงไห่นั่นอย่างไรเล่า”
นายหญิงรองซุนมึนเมา เอ่ยขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ “นั่นคือแม่ทัพเจิ้นตง”
ตงไห่จะมีแม่ทัพน้อยคนใดเป็นอัมพาตอีกเล่า อีกทั้งยังแซ่เย่ว์ นอกจากจวนตงหยางโหวนั่นแล้วจะเป็นผู้ใดได้อีก
“อ้อ” ไม่สนว่าจะเป็นใคร อย่างไรก็เป็นคนที่เอาไข่มุกมังกรวารีมาไม่ได้ จริงสิ ยังไม่ไปหาที่ปรึกษาของตระกูลนั้นเลยนี่นา
นายหญิงรองซุนใจสั่นไหว เอ่ยถาม “ท่านรักษาอาการอัมพาตของแม่ทัพเจิ้นตงจริงๆ หรือ”
ดวงตาของซุนหลี่ซวินเองก็จับจ้องไปที่ฉินหลิวซี เขานึกถึงใครบางคนขึ้นมาแล้ว ยังคงเป็นวีรบุรุษหนุ่มที่ภรรยาเคยนับถือผู้นั้น คนของบ้านอื่น ไม่ใช่คนที่คนพิการอย่างเขาจะเทียบได้
แต่ว่าคนผู้นี้รักษาอาการอัมพาตของเขาจริงหรือ
“โกหกแล้วมันดีต่อข้าเช่นไร” ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเรียบ
นายหญิงรองซุนเอ่ยว่าเยี่ยมยอดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น ข่าวการเป็นอัมพาตของแม่ทัพเจิ้นตงทำให้ใครหลายคนเสียดายไม่น้อย ยามนี้เขาหายแล้ว สามารถลงสนามรบได้อีกครั้ง ปกป้องแผ่นดินได้อีกครั้งแล้ว
ซุนหลี่ซวินโกรธไม่ไหว เจ้าสนใจผิดจุดหรือไม่ ข้าต่างหากที่เป็นบุรุษของเจ้า ดีใจกับบุรุษอื่นต่อหน้าข้า ทำเหมือนข้าตายไปแล้วหรืออย่างไร
น่าเสียดายฉินหลิวซีสะกดจุดใบ้เขาเอาไว้ ทำให้เขาเอ่ยออกมาไม่ได้
ไฟกำลังลุกไหม้อยู่ในใจ ร่างกายก็ถูกคนจับพลิกตัว ขณะเดียวกันลำคอก็ถูกสัมผัส เข็มเล่มนั้นถูกฉินหลิวซีดึงออกไปแล้ว
ร่างแข็งทื่อของซุนหลี่ซวินถูกจับพลิกตัว ก่อนด่าออกมา เมื่อเขาพบว่าตนเองเอ่ยวาจาได้แล้ว กำลังจะแสดงความโมโหออกมา ทว่าสัมผัสถึงแรงกดที่เอว
ฉินหลิวซีสัมผัสส่วนเอวด้านหลังของเขา สัมผัสกระดูกส่วนเอว ชะงักไปชั่วครู่ ปลดสายรัดเอวของเขา ถอดเสื้อคลุมชั้นนอกออก
ซุนหลี่ซวินตกใจ “เจ้าทำอะไร”
โรคจิตนี่
“อย่าขยับ” ฉินหลิวซีดึงเสื้อคลุมตัวนอกออก สัมผัสกระดูกผ่านเสื้อชั้นในตัวเดียว หัวคิ้วขมวดและคลายออก เผยสายตายินดีเมื่อเห็นผู้อื่นเป็นทุกข์ออกมา “ท่านน่าเวทนาแล้ว”
คนขี้โมโหผู้นี้ ต้องทรมารหนักแล้ว