คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 589 ข้าเข้าใจทุกอย่าง
ตอนที่ 589 ข้าเข้าใจทุกอย่าง
ฉินหลิวซีไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีต่อเรื่องสกปรกในจวนเหล่านี้ และไม่ชอบที่จะต้องสืบสวนอย่างละเอียด นางชี้ให้เห็นแล้ว ใครเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลัง เจียงเหวินเหยียนที่ได้รับการอบรมสั่งสอนจากแม่ใหญ่มาย่อมไปตรวจสอบเอง
ดังนั้นเจียงเหวินเหยียนต้องตรวจโรคก่อน นางมีความสุขจนผ่อนคลาย กลุ่มคนเดินออกไปที่ห้องด้านนอกเพื่อจับชีพจรวินิจฉัยโรค
“ต้องดื่มน้ำมนต์หรือไม่” เจียงเหวินเหยียนเอ่ยถามเสียงเบา “ตราบใดที่ดีต่อร่างกาย ข้าดื่มได้ทั้งนั้น”
ฉินหลิวซีกระตุกมุมปาก เอ่ย “ท่านคิดมากไปแล้ว ฮวงจุ้ยส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของท่าน จึงทำให้ร่างกายของท่านแย่ลงเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามในช่วงหลายปีมานี้อาการกำเริบขึ้นอยู่เรื่อยๆ ร่างกายของท่านก็อ่อนแอลงและเสียหายจริงๆ ชี่[1]และเลือดเสียหายทั้งคู่ ต้องปรับสภาพร่างกายอย่างละเอียด ใช่ว่าอาศัยการดื่มน้ำมนต์แล้วจะดีขึ้น”
เจียงเหวินเหยียนรู้สึกเขินเล็กน้อย เพราะเห็นว่านางเป็นหมอลัทธิเต๋าจึงได้ถามเช่นนี้
ฉินหลิวซีเอ่ยขึ้นอีกว่า “หมอลัทธิเต๋าก็เป็นหมอ เพียงแต่พวกเราใช้วิชาแพทย์ส่งเสริมเต๋า และยังส่งเสริมการทำความดี สร้างบุญสัมพันธ์ที่ดีอย่างกว้างขวาง ดังนั้นอย่าคิดแต่จะดื่มน้ำมนต์ไร้สาระเหล่านั้น นั่นล้วนเป็นนักต้มตุ๋นที่ใช้หลอกคน พวกเราต้องเชื่อในวิชาแพทย์ เมื่อป่วยก็ต้องดื่มยา”
ทุกคน “…”
แล้วใครกันที่พึ่งเอ่ยถึงเรื่องฮวงจุ้ยและอาการเจ็บป่วยอย่างสมเหตุสมผล
อีกอย่างเจ้าก็เป็นนักต้มตุ๋นที่มีฝีมือดีด้วยกระมัง
“ท่านอยากจะดื่มน้ำมนต์ก็ใช่ว่าไม่ได้ แต่ต้องเป็นยาปลุกเสกโดยเฉพาะ ใช่ว่าจะวาดยันต์ขึ้นมาสุ่มสี่สุ่มห้าก็ดื่มได้”
ดังนั้นสามารถดื่มน้ำมนต์ได้
ฉินหลิวซีเปลี่ยนมาจับชีพจรมืออีกข้าง ให้เจียงเหวินหลิวกับเฉียวจื่อหลิงไปรออยู่ด้านนอก
“มีอะไรที่พวกเราไม่สามารถรู้ได้หรือ” เจียงเหวินหลิวมีความกังวลเล็กน้อย
ฉินหลิวซีเหลือบมองเขาอย่างแปลกๆ “ท่านอยากจะเรียนรู้วิธีรักษาโรคสตรีหรือ บุรุษอย่างพวกท่านอยู่ที่นี่ แล้วจะให้ผู้ป่วยบอกเกี่ยวกับอาการป่วยอย่างเปิดเผยได้อย่างไร”
เจียงเหวินหลิวหน้าแดง รีบดึงเฉียวจื่อหลิงเดินออกไป
เมื่อเจียงเหวินเหยียนเห็นน้องชายเขิน ก็ระเบิดหัวเราะออกมา ก่อนจะเอ่ย “น้องชายของข้าผู้นี้ มักจะมีความเป็นสุภาพบุรุษ นุ่มนวลอ่อนโยน ยากที่จะเห็นเขาเขินอายเช่นนี้”
“บางทีเขาอาจจะเป็นคนที่ภายนอกดูสงบ แต่ความจริงแล้วเป็นคนมีชีวิตชีวาและเป็นกันเอง แต่ท่านกลับไม่รู้”
เจียงเหวินเหยียน “?”
มีชีวิตชีวาหรือ
“ร่างกายของท่านในช่วงหลายปีมานี้ส่วนใหญ่เกิดจากหกอากาศเจ็ดอารมณ์ โมโหง่าย หงุดหงิดง่าย นอกจากผลกระทบของฮวงจุ้ยในห้องนี้แล้ว ตอนที่ท่านตั้งครรภ์คลอดบุตรก็นับว่ามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเล็กน้อย คิดมากเกินไปทำให้หยินหยางของอวัยวะภายในไม่สมบูรณ์ อารมณ์หดหู่” ฉินหลิวซีเอ่ยต่อว่า “หลังคลอดระดูมาไม่ปกติใช่หรือไม่ ความอยากอาหารและการขับถ่ายเป็นอย่างไรบ้าง”
ใบหน้าของเจียงเหวินเหยียนร้อนเล็กน้อย แต่ตรงนี้ก็ไม่ได้มีบุรุษ นางก็ไม่ได้เขินอายสักเท่าไหร่ และฉินหลิวซีก็ถามอย่างเปิดเผย ดังนั้นนางจึงตอบอย่างตรงไปตรงมา “เป็นเช่นนั้นจริงๆ หลังจากที่ข้าคลอดอวี้เอ๋อร์ เป็นเพราะคิดมาก อีกทั้งมีกฎเกณฑ์ของตระกูล จึงมีแม่นมคอยเลี้ยงดู ข้าจึงไม่ได้ป้อนนมเขา ส่วนน้ำคาวปลาก็ยังคงมีอยู่ รักษาอยู่ตลอดเวลา ใช้เวลาสามเดือนกว่าจะหมด และแม้ว่าจะไม่ได้ป้อนนมบุตร ระดูก็ครึ่งปีมาครั้งหนึ่ง มาแต่ละครั้งก็ยาวนานถึงสิบกว่าวัน จากนั้นก็ไม่มาอีกสองสามเดือน”
หลังจากคลอดบุตรปากของนางก็มีอาการบวมร้อนภายใน แผลในปากมีเลือดออก กินได้น้อยซ้ำยังอาเจียน แน่นหน้าอกซ้ำยังไม่มีระดู แม้แต่ขับถ่ายก็ยังยาก หากไม่ท้องผูกก็ถ่ายเหลว ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าทรมานมากแค่ไหน
เมื่อเจียงเหวินเหยียนเอ่ยถึงช่วงเวลานั้นก็รู้สึกว่าตัวเองดูไม่เหมือนคน ร่างกายมีปัญหาในทุกๆ ด้าน รูปร่างก็ดูไม่สมส่วนเนื่องจากตั้งครรภ์คลอดบุตร หน้าท้องนี้ก็ไม่รู้ว่าถูกสาวใช้นวดหน้าท้องไปกี่ครั้งกว่าจะคืนกลับมาได้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีรอยเส้นบางๆ บนหน้าท้อง สามีภรรยาก็ยิ่งไม่ลงรอยกันมากขึ้น
สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดก็คือได้เชิญหมอหลวงมาจับชีพจรเขียนใบสั่งยา เมื่อรักษาลมปราณกระเพาะได้แล้วแต่ระดูกลับไม่มา ก็ต้องมาดื่มยากระตุ้นระดู ไม่จบไม่สิ้น
ในที่สุดเจียงเหวินเหยียนก็ได้พบหมอหญิงที่สามารถอธิบายทุกอย่างให้ฟังได้ เอ่ยว่า “…สองปีนั้นเอาแต่ดื่มยาอย่างเดียว ไม่ได้หยุดเลยสักวัน บุตรชายก็ไม่ได้อยู่ข้างกาย อารมณ์ข้าจะดีได้อย่างไร ไหนเลยจะปฏิบัติต่อเขาได้อย่างกระตือรือร้นเหมือนตอนแต่งงานใหม่ๆ จึงได้สนับสนุนสาวใช้ข้างกายให้แก่เขา สามีภรรยายากที่จะหาช่วงเวลาพลอดรักกันสักครั้ง แต่ข้าก็เจ็บจนเกือบจะถีบเขาลงจากเตียง…แค่กๆ ท่านดูข้าสิ ลืมไปเลยว่าแม้ท่านจะเป็นหมอหญิง แต่ก็เป็นสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือน”
นางลูบแก้มด้วยความเขินอาย ยิ้มอย่างลำบากใจพลางมองไปยังฉินหลิวซี
ฉินหลิวซี “ข้าเข้าใจทุกอย่าง!”
ส่วนเข้าใจได้อย่างไรนั้น อย่าถาม คำตอบก็คือนางอ่านตำรามาเยอะ และเคยแลกเปลี่ยนความรู้มา!
เพื่อบรรเทาความเขินอายของนาง ฉินหลิวซีให้สาวใช้ไปนำใบสั่งยาเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมามาดู ล้วนเป็นกระตุ้นชี่บรรเทาอาการซึมเศร้า กระตุ้นประจำเดือนและผ่อนคลายตับ มีบางอย่างที่ถูกกับโรค อย่างเช่นน้ำแกงบำรุงลมปราณ แต่บางอย่างก็รักษาเฉพาะอาการแต่ไม่สามารถรักษาที่ต้นเหตุได้ เมื่อประกอบกับอาการป่วยที่เกิดซ้ำๆ การดื่มยาจึงทำให้ร่างกายของนางแย่ลง หยินหยางยุ่งเหยิง ม้ามบกพร่อง เลือดเสียหาย
ฉินหลิวซีแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับใบสั่งยานี้อย่างตรงประเด็น ชี้แจงความบกพร่องทางร่างกายในปัจจุบันของนางอย่างชัดเจน “สาเหตุของโรคเกิดจากเจ็ดอารมณ์ที่เพิ่มขึ้น ตับและม้ามอ่อนแอ ไม่ควรที่จะดื่มยาหลายอย่าง แต่ท่านใช้ยาที่มีฤทธิ์แรงบางอย่างทันทีหลังคลอด ซึ่งทำให้ชี่ต้นกำเนิดเสียหาย แม้ว่ายาที่ดื่มเมื่อหลายปีมานี้ก็มีถูกกับโรคอยู่บ้าง แต่ท้ายที่สุดชี่ต้นกำเนิดก็ยังไม่ได้รับการรักษาจนหายดี ชี่ต้นกำเนิดของคนเปรียบดั่งแก่นแท้ของเลือด สำคัญเป็นอย่างมาก เมื่อชี่ต้นกำเนิดเพียงพอ แก่นแท้ของเลือดก็จะเพียงพอ ร่างกายจึงจะแข็งแรง ใบสั่งยาเหล่านี้รักษาเฉพาะอาการแต่ไม่รักษาที่ต้นเหตุ ไม่ว่าจะดื่มยามากแค่ไหน ส่วนใหญ่ก็จะเสียเปล่า กลายเป็นวงจรที่ไม่มีที่สิ้นสุด”
ยาก็มีพิษสามส่วน ยาสามารถรักษาโรคได้ แต่เมื่อกินยามากเกินไปก็ทำให้ร่างกายอ่อนแอ แขนขาอ่อนล้า อารมณ์หงุดหงิด ประกอบกับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก ร่างกายนี้ก็ยากที่จะรักษาหาย
ที่เจียงเหวินเหยียนยังมีชีวิตอยู่จนถึงวันนี้เป็นเพราะนางดูแลตัวเองอย่างดีเมื่อตอนยังไม่ได้ออกเรือน มีรากฐานที่มั่นคง จึงไม่ได้นอนล้มป่วยบนเตียง แต่หากอีกสองปียังเป็นเช่นนี้ ไม่ช้าก็เร็วนางก็จะเหี่ยวเฉาในที่สุด
เมื่อแม่นมจังเห็นนางเอ่ยได้อย่างสมเหตุสมผล จึงอดถามด้วยความกังวลไม่ได้ว่า “ท่านอาจารย์ ร่างกายนายหญิงใหญ่ของข้าควรจะรักษาอย่างไรหรือเจ้าคะ”
เจียงเหวินเหยียนก็หันมามองเช่นกัน
“ตอนนี้เส้นลมปราณม้ามของท่านยังคงอ่อนแอ เนื่องจากอารมณ์โกรธส่งผลกระทบต่อไฟในตับทำให้เลือดเสียหาย ต้องบำรุงม้ามและเลือด ข้าจะให้ท่านใช้ยาซื่ออู้[2] เพิ่มตำรับยาเสี่ยวไฉหู[3]และลูกพุดจีนกับเปลือกไม้โบตั๋นเพื่อกระตุ้นชี่ และเพิ่มตำรับยาเซียวเหยาส่าน[4]เพื่อบรรเทาความเมื่อยล้าตับ บำรุงหยินหยาง เสริมสร้างรากฐาน” ฉินหลิวซีพิจารณาพลางเอ่ย “นอกจากนี้ ท่านได้เลี้ยงปลาในห้องนอนเมื่อก่อนหน้านี้ เกิดความเย็นชื้น ซึ่งจะทำให้หยินหยางของท่านไม่สมดุล ข้าจะฝังเข็มให้ท่านสามวัน ปรับสภาพหยินหยาง ปรับสมดุลอวัยวะภายใน ก็จะสามารถรักษาแก่นแท้ของเลือดให้ดีขึ้นได้”
เจียงเหวินเหยียนถามว่า “เช่นนี้อาการป่วยของข้าต้องใช้เวลารักษานานแค่ไหนหรือ”
“ดื่มยาเพียงสี่ถ้วยก็พอแล้ว ร่างกายและเส้นลมปราณม้ามของท่านบกพร่อง ต้องอาศัยการบำรุงเป็นหลัก หลังจากดื่มยาแล้ว ไม่จำเป็นต้องบำรุงมาก ควรบำรุงด้วยฤทธิ์อุ่นเป็นหลัก ไม่จำเป็นต้องคิดมาก ต้องทำให้อารมณ์ดี การท่องพระสูตรสามารถทำให้อารมณ์นุ่มนวลอ่อนโยนได้ ที่ข้าก็มีพระสูตรเต๋าของอารามชิงผิงอยู่สองสามม้วน ต้องการหรือไม่” ฉินหลิวซีถามด้วยรอยยิ้ม
“ต้องการเจ้าค่ะ”
ดีมาก มีผู้ศรัทธาเพิ่มอีกคนแล้ว
ฉินหลิวซีดีใจมาก ก่อนจะเอ่ย “เช่นนั้นพรุ่งนี้เมื่อข้ามาฝังเข็มให้ท่าน จะเอามาให้ท่านสักสองม้วน”
“เจ้าค่ะ” เจียงเหวินเหยียนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ย “แล้วฮวงจุ้ยล่ะเจ้าคะ ต้องทำอย่างไร”
ผู้ศรัทธาของตัวเองต้องรักษาไว้
ฉินหลิวซีเอ่ยตอบ “สิ่งที่ไม่ดีข้าได้ชี้ให้ท่านดูหมดแล้ว เพียงแค่เปลี่ยนก็พอ ที่ชายคาห้องข้าจะให้ยันต์ปราบปีศาจหนึ่งแผ่นให้ท่านแปะไว้ด้านบน ส่วนด้านในห้องนอนเพื่อให้ท่านรักษาตัวได้ดียิ่งขึ้น ไว้ข้าจะวางค่ายอาคมรวบรวมจิตวิญญาณเล็กๆ ในภายหลัง นั้นก็เพียงพอแล้ว”
[1] ชี่ หรือลมปราณ หมายถึง ไหลเวียนอยู่ในร่างกายเราทุกคน เสมือนเป็นพลังงาน ของชีวิตที่ใช้ขับเคลื่อนในชีวิตประจาวัน สารขนาดเล็กในร่างกายที่มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา
[2] ซื่ออู้ เป็นตำรับจีนเกี่ยวกับบำรุงเลือดและการปรับระบบเลือด
[3] ไฉหู บำรุงตับ ปรับสมดุลหยาง ขับพิษร้อน
[4] เซียวเหยาส่าน สรรพคุณ รักษาอาการชี่ของตับติดขัดไม่หมุนเวียน เลือดพร่อง