คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 591 อาจารย์ขาดคุณธรรมและไร้หัวใจ
ตอนที่ 591 อาจารย์ขาดคุณธรรมและไร้หัวใจ
ฉินหลิวซีหันมา เมื่อเห็นว่ามีคนมองมาก็เลิกคิ้ว ดวงตาแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
“ไม่เจอกันนาน ท่านจวิ้นอ๋อง”
ฉีเชียนคิดไม่ถึงว่าจะได้พบนางที่นี่ ก่อนหน้านี้เขาไปตามหานางที่โรงประมูลจิ่วเสียน แต่ก็ไม่เคยได้พบ เขาเองก็มีหน้าที่ที่ต้องทำ จึงไม่สามารถเฝ้าอยู่ที่โรงประมูลจิ่วเสียนตลอดเวลาได้
วันนี้เขาออกเวรเร็ว เตรียมจะไปที่โรงประมูลจิ่วเสียน แต่หลังจากกลับจวนก็ถูกพระชายาผู้เฒ่าเรียกไว้ ให้เขาไปรับเครื่องประดับที่จองไว้เมื่อก่อนหน้านี้ที่หอเครื่องเงินเป็นเพื่อนมู่สือชีเหนียงที่กำลังพูดคุยอยู่กับนาง
แม้ว่าฉีเชียนจะไม่ค่อยเต็มใจ แม้ว่างานแต่งของพวกเขาจะอยู่ในช่วงการหมั้นหมายแล้ว ว่าที่สามีภรรยาที่ยังไม่ได้แต่งงานกันสามารถไปไหนมาไหนด้วยกันได้ตามปกติ แต่เขายังคงไม่ค่อยเต็มใจ แต่เสด็จย่ากำชับมา เขาทำได้เพียงเชื่อฟัง
คิดไม่ถึงว่าจะได้พบฉินหลิวซีที่นี่
นี่นับว่าได้สิ่งที่ต้องการอย่างไม่คาดคิดหรือไม่
ความดีใจในดวงตาของฉีเชียนนั้นไม่มีการปิดบัง มองสำรวจนาง ตัวสูงขึ้น มีเนื้อมีหนังขึ้น เพียงแต่ดูเหมือนจะยิ่งห่างไกลออกไป
ทันทีที่ความรู้สึกนี้ปรากฏ ความดีใจของเขาก็จางหายไปเล็กน้อย กล่าวว่า “ท่านมาเมืองหลวง เหตุใดไม่ส่งข่าวไปที่จวนอ๋อง ไม่สู้ให้ข้าเป็นเจ้าบ้าน ไปฉลองที่จวนสักหน่อย จะได้ช่วยจับชีพจรพื้นฐานให้เสด็จย่าของข้าด้วย”
ฉินหลิวซีเอ่ย “วาสนาของข้ากับพระชายาผู้เฒ่าของจวิ้นอ๋องได้สะสางจนหมดสิ้นแล้ว วิชาแพทย์ของหมอหลวงในวังหลวงก็โดดเด่นเป็นอย่างมาก เชื่อว่าพระชายาผู้เฒ่าจะฟื้นตัวได้ดี”
นี่คือการปฏิเสธ
รอยยิ้มของฉีเชียนจางหายไป
“จวิ้นอ๋อง ท่านนี้คือ?” สตรีสูงส่งรูปงามสวมอาภรณ์สีม่วงอ่อนยืนอยู่ข้างฉีเชียน มองฉินหลิวซีด้วยความสงสัย สายตามีการมองสำรวจและมีการหยั่งเชิง
ฉีเชียนกลับมาสงวนท่าทีและทระนงตนเช่นเดิม เอ่ย “นี่คือท่านอาจารย์จากอารามชิงผิงในเมืองหลี ก่อนหน้านี้ได้ช่วยรักษาโรคเก่าของเสด็จย่า”
มู่จิ่นได้ฟังดังนั้นก็กล่าวด้วยความประหลาดใจ “ได้ยินจากพระชายาผู้เฒ่ามานานแล้วว่าผู้ที่ช่วยรักษาอาการป่วยของท่านคือหมอลัทธิเต๋า วิชาแพทย์โดดเด่น คิดไม่ถึงว่าท่านอาจารย์จะอายุน้อยเช่นนี้”
ฉินหลิวซีมองไปยังมู่จิ่น สายตามีความแตกต่าง ดวงตาดั่งมังกร คอราวกับหงส์ ใบหน้าสว่างไสวราวกับไข่มุก มีชีวิตที่สูงส่ง แต่น่าเสียดายที่สามีภรรยามีบุญสัมพันธ์น้อย ความรักอันลึกซึ้งคงอยู่ได้ไม่นาน
นางลดสายตาลง แอบถอนหายใจ
ความรักช่างเจ็บปวด แตะต้องไม่ได้จริงๆ
ฉินหลิวซีท่องพระสูตรหลายประโยคในใจ
เมื่อมู่จิ่นเห็นฉินหลิวซีเช่นนี้ หัวใจก็ตึงเครียดอย่างอธิบายไม่ถูก นิ้วมือกำผ้าเช็ดหน้า แอบรู้สึกไม่สบายใจ
ฉินหลิวซีกลับเอ่ยปากอย่างรวดเร็ว ยิ้มพลางเอ่ย “ทั้งสองเป็นกิ่งทองใบหยก เหมาะสมกันดียิ่ง ขอแสดงความยินดีกับพวกท่านด้วย”
นางหยิบยันต์แคล้วคลาดออกมามอบให้มู่จิ่น เอ่ย “การพบกันนับเป็นวาสนา ยันต์นี้มอบให้ท่าน ขอสวรรค์ประทานพรอย่างไม่มีที่สิ้นสุด”
มู่จิ่นสับสนเล็กน้อย ยื่นมือไปรับด้วยความมึนงง
ฉินหลิวซีพยักหน้าให้ทั้งสอง จากนั้นก็เอ่ยกับเถ้าแก่อูว่า “พาข้าไปที่ห้องส่วนตัวเถิด”
เถ้าแก่อูพยักหน้า แม้ว่าเขาจะดูออกถึงสถานะของฉีเชียน แต่สำหรับเขาแล้ว ฉินหลิวซีสำคัญกว่า ให้คนงานอีกคนมาต้อนรับเขาเป็นการชั่วคราวในทันที เขาจะรีบไปรีบมา
เมื่อฉีเชียนเห็นว่าฉินหลิวซีจากไปเช่นนี้ก็เม้มปากเล็กน้อย และเห็นท่าทางที่เถ้าแก่หอเครื่องเงินปฏิบัติต่อนางด้วยความเคารพ ก็อดครุ่นคิดไม่ได้
“เถ้าแก่หอเครื่องเงินแห่งนี้ ให้ความเคารพผู้ที่ออกบวชขนาดนี้เลยหรือ หรือว่าพวกเขารู้จักกัน” มู่จิ่นก็เต็มไปด้วยความอยากรู้ แต่สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจมากกว่าคือยันต์ที่อยู่ในมือ เอ่ยกับฉีเชียนว่า “จวิ้นอ๋อง ยันต์แคล้วคลาดนี้ท่านว่า?”
ฉีเชียนเอ่ย “ยันต์ที่นางวาดนั้นศักดิ์สิทธิ์มาก เจ้าเก็บไว้เถิด จริงสิ ดูเหมือนว่ามู่ซีก็ซื้อยันต์เครื่องรางอะไรเหล่านั้นจากนางเช่นเดียวกัน”
มู่จิ่นยิ่งมึนงงกว่าเดิม แม้แต่น้องชายตัวเองก็รู้จักนางด้วยหรือ
ห้องส่วนตัวชั้นบน
ฉินหลิวซีพึ่งจะนั่งลง เถิงเจาก็เอ่ยขึ้นมาว่า “สายตาที่จวิ้นอ๋องผู้นั้นมองท่านดูไม่ปกติ ต่อไปท่านอย่าไปมาหาสู่กับเขาให้มากจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องมีปัญหา”
คนผู้นั้นแสร้งทำเป็นท่าทางสูงส่งสง่างามนั้นเป็นเรื่องจริง ขนาดมีคู่หมั้นยืนอยู่ข้างเขา แต่สายตาที่เขามองท่านอาจารย์กลับดูหวานหยดย้อย
สมควรโดนอัดจริงๆ
เถ้าแก่อูเหลือบมองเถิงเจา เด็กสมัยนี้ไหวพริบดีขนาดนี้กันหมดเลยหรือ
ฉินหลิวซีก็ชะงักไปครู่หนึ่ง เอ่ย “มีอะไรผิดปกติ หรือเขารู้แล้วว่าเมื่อก่อนหน้านี้ข้าเอาเปรียบเขา ต้องการมาคิดบัญชีกับข้าหรือ เป็นถึงจวิ้นอ๋องแต่กลับขี้เหนียวเพียงนี้เลยหรือ”
เถิงเจา “…” เตือนไปก็เปล่าประโยชน์ คนหัวรั้นผู้นี้ไม่ใช่คนที่จะยอมเข้าใจอะไรได้
เถ้าแก่อู ‘ดูเหมือนเขาจะรู้เรื่องพิเศษอะไรบางอย่าง’
ฉินหลิวซีขยี้มวยผมของเขาอย่างไร้เหตุผล “เด็กเมื่อวานซืน อย่าได้คิดเรื่องไร้สาระให้มากนัก มิฉะนั้นจะหัวล้านได้ง่าย คนอื่นจะคิดว่าเจ้าบวชเป็นพระ”
เถิงเจาหลบเงื้อมมือของนาง ไม่เพียงแต่หยิบหวีเล็กๆ ออกมาจัดทรงผมให้เรียบร้อย ซ้ำยังกลอกตาใส่นาง ‘เป็นคนขาดคุณธรรมจริงๆ’
ฉินหลิวซีอดไม่ได้ กล่าวว่า “ศิษย์ข้า จะบอกให้ว่าการบังคับทุกอย่างให้เป็นระเบียบร้อย เป็นโรคอย่างหนึ่ง ต้องรักษา”
เถิงเจาไม่มองนาง เพียงแต่เอ่ยกับเถ้าแก่อูว่า “พวกเราต้องการหินหยกมาวางค่ายอาคม รบกวนท่านไปนำมาสักเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องเป็นทั้งชิ้น แค่ชิ้นส่วนที่แตกหักก็พอแล้ว”
“ขอรับ” เถ้าแก่อูตอบรับด้วยรอยยิ้ม ให้คนนำชาและของว่างมาส่งก่อน ส่วนเขาไปเอาหินหยกด้วยตัวเอง ตระกูลซือมีเหมืองหยก หินหยกเป็นสิ่งที่ไม่เคยขาดแคลน
ไม่ขาดแคลนถึงขั้นที่ว่าเขาสามารถให้คนหาบใส่กระบุงเล็กมาได้หนึ่งกระบุงในทันที ล้วนเป็นหินหยกที่ตัดออกมาแล้วทั้งใหญ่เล็ก นอกจากนี้ยังมีชิ้นหยกที่ขัดเกลาแล้ว จี้หยกที่ถูกแกะสลักเป็นรูปร่างอย่างประณีตก็มีเช่นกัน
“ในหอเครื่องเงินยังสะสมเหรียญทงเม่ยโบราณอยู่จำนวนหนึ่ง หากท่านต้องการ จะไปนำมาให้ท่านเลือก” เถ้าแก่อูกล่าว
ฉินหลิวซีประหลาดใจ “มีเหรียญทงเม่ยด้วยหรือ”
เถ้าแก่อูยิ้มพลางกล่าวว่า “พวกเราทำกิจการหอเครื่องเงิน ย่อมไม่ขาดแคลนเงินทองของมีค่า นายท่านก็เคยกำชับไว้เกี่ยวกับเครื่องรางขับไล่วิญญาณปราบสิ่งชั่วร้ายเหล่านั้น หากมีก็จะรับไว้ อย่างไรเสียบรรพบุรุษตระกูลซือก็มีแม่มด ไม่แน่อาจจะใช้ได้”
“ใช้ได้” ฉินหลิวซีพลางเอ่ย “เสี่ยวเย่ว์จะต้องฟื้นคืนความรุ่งโรจน์ของแม่มดขาวได้อย่างแน่นอน”
“ขอให้สมพรปากท่าน” เถ้าแก่อูถามสารทุกข์สุกดิบสองสามประโยค จากนั้นก็ไปเอากระบุงใส่เหรียญทองแดงใบเล็กมา
ฉินหลิวซีก็ไม่ได้ให้เขาอยู่ดูแลต่อ เพียงแต่พาเถิงเจาไปเลือกดู ซ้ำยังสอนเขาว่าจะแยกแยะพลังงานอย่างไร ใช่แล้ว ทั้งหยกและเหรียญทงเม่ยล้วนมีพลังงาน
ยิ่งเหรียญทงเม่ยผ่านมือคนมากเท่าใด พลังงานหยางก็จะยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น การปราบปีศาจก็จะยิ่งแข็งแกร่ง และการตีขึ้นรูปของมันจะต้องได้รับการหล่อหลอมด้วยเปลวไฟอันดุเดือด หากช่างฝีมือมีพลังแห่งคุณธรรมในตัวเอง เหรียญทงเม่ยที่เขาหล่อหลอมขึ้นมาจะยิ่งสามารถปราบปีศาจได้อย่างแข็งแกร่งมากขึ้น
หากต้องการค้นหาสมบัติที่ดีที่สุดออกมา ต้องทดสอบหัวใจเต๋าและสายตา ซึ่งเหมือนกับการเลือกหนึ่งในหมื่น
เถิงเจาท่องพระสูตรเต๋าสองสามประโยคอย่างเงียบๆ เปิดดวงตาสวรรค์ให้ตัวเอง เพ่งสายตา เริ่มทำการเลือกในกระบุงใส่เหรียญทองแดง
ในตอนแรกฉินหลิวซีก็กำลังเลือก แต่เมื่อเห็นว่าเขาตั้งใจเลือกก็ไม่เลือกอีกต่อไป แต่ไปเลือกหินหยกแทน
อาจารย์และลูกศิษย์คนหนึ่งเลือกหยกคนหนึ่งเลือกเหรียญ ไม่รบกวนกัน
หลังจากเลือกสิ่งที่ต้องการออกมาแล้ว ฉินหลิวซีจึงได้บิดขี้เกียจ ทันใดนั้นมือทั้งสองข้างก็หยุดอยู่กลางอากาศ ใช้มือร่ายมนต์ ปากพึมพำคาถา สองนิ้วกลายเป็นกระบี่ ฟาดไปที่หน้าต่างทางด้านนั้น “ทำลาย”
“โอ๊ย”
เถิงเจาลุกขึ้นยืน มองดูหน้าต่างอย่างระมัดระวัง ทิศทางนั้นที่เคยว่างเปล่าจู่ๆ ก็มีภาพที่แท้จริงปรากฏขึ้นมา มือข้างหนึ่งคว้ากรอบหน้าต่าง มืออีกข้างหนึ่งก็ปรากฏตามมา
ฉินหลิวซีเดินเข้าไป หยิบเข็มเงินหนึ่งเล่มมาจากที่เอว จิ้มไปที่มือนั่น
“โอ๊ย” คนผู้นั้นเงยหน้าขึ้น จ้องมองฉินหลิวซี “เจ้าเด็กเมื่อวานซืน กล้าดีอย่างไร!”
ฉินหลิวซียิ้มเย็นชาอย่างชั่วร้าย “เป็นถึงปรมาจารย์ระดับขั้นสร้างพื้นฐานกลับกล้าทำเรื่องลับๆ ล่อๆ เช่นนี้ ทำไมหรือ คิดจะลอบวางแผนหรือ ท่านลอบทำร้าย ข้าลงมือซึ่งๆ หน้า ตาเฒ่า ข้าจะจิ้มให้ดู!”