คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 61 เลือกที่รักมักที่ชัง ตอนที่ 62 ช่วยข้าขุดหลุม
- Home
- คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า
- ตอนที่ 61 เลือกที่รักมักที่ชัง ตอนที่ 62 ช่วยข้าขุดหลุม
ตอนที่ 61 เลือกที่รักมักที่ชัง / ตอนที่ 62 ช่วยข้าขุดหลุม
ตอนที่ 61 เลือกที่รักมักที่ชัง
ฉีเชียนมองดูเฉินผีถือเสื้อผ้าเข้าไป ก่อนจะหันไปมองฉินหลิวซีที่กำลังดื่มชาอย่างสงบ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าตนเองมองเด็กคนนี้ไม่ออก
ถ้าจะบอกว่าโลภ เขาก็ไม่ได้เรียกร้องเงินทองของมีค่าอะไรจากสีเจิงเลยด้วยซ้ำ เพียงแค่อีกฝ่ายรับปากว่าจะมอบชีวิตให้นาง นางก็มอบยาล้ำค่าใช้วิชาแพทย์เข้าช่วยเหลือเด็กคนนั้นแล้ว
แต่ถ้าจะบอกว่าไม่โลภ เขากลับต้องใช้ทองถึงหนึ่งหมื่นตำลึงจึงสามารถเชิญตัวอีกฝ่ายไปรักษาคนได้
“เลือกที่รักมักที่ชัง!” ฉีเชียนพึมพำออกมาหนึ่งประโยคด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย
“หืม?” ฉินหลิวซีเหลือบตามองมา
ฉีเชียนเอ่ย “ข้าว่าท่านหมอฉินไม่ยุติธรรม ท่านปฏิบัติต่อสีเจิงผู้นั้นอย่างใจกว้างและมีเมตตา หรือว่าเพราะนางเป็นสตรีใช่หรือไม่”
“ก็ใช่น่ะสิ” ฉินหลิวซีโน้มตัวเข้าไปใกล้และขยิบตาอย่างเจ้าเล่ห์ “ถ้าคุณชายฉีเป็นหญิงสาวและน่าเวทนาเช่นนี้ ข้าก็จะใจกว้างและมีเมตตาต่อท่านเหมือนกัน”
ฉีเชียนผงะถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว เขาเบนสายตาไปทางอื่น ใบหูแดงก่ำ เอ่ยถาม “ยาที่ท่านหมอฉินป้อนให้เด็กคนนั้นมีชื่อว่าอะไรหรือ ไม่ทราบว่าท่านหมอพอจะตัดใจให้ข้าได้บ้างหรือไม่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องเงินเราสามารถตกลงกันได้”
ฉินหลิวซีวางถ้วยชาลงก่อนจะส่งเสียงอ้อราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้ “นี่ก็ดึกแล้วสมควรพักผ่อนได้แล้ว คุณชายฉี ข้าอายุยังน้อย ร่างกายก็อ่อนแอ คงจะไม่อดนอนเป็นเพื่อนท่านแล้ว”
บังเอิญเห็นเฉินผีออกมาพอดี จึงได้เรียกเขาแล้วเดินเข้าห้องที่เจ้าบ้านจัดเตรียมไว้ให้นานแล้ว
ฉีเชียน “…”
หั่วหลางที่เห็นสองคนสนทนากันโดยไม่กล้าส่งเสียงใดๆ อยากจะยิ้มแต่ก็ไม่กล้า เขาจึงได้แต่ต้องอดกลั้นไว้
ฉีเชียนราวกับรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง เหลือบมองมา “จัดการคนเรียบร้อยแล้วหรือ”
หั่วหลางรีบยืนขึ้นทันที เขาประสานมือตอบ” นายท่านวางใจได้ ข้าจัดการวางคนไว้แล้ว ทุกคนจะผลัดเวรกันเฝ้ายามขอรับ”
ฉีเชียนพยักหน้าก่อนจะเอ่ย “ระแวดระวังหน่อย ไม่แน่พวกเขาอาจจะชักนำความวุ่นวายมาก็ได้”
“ไม่ต้องห่วงขอรับ”
สีเจิงเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเรียบร้อยและเดินออกมาได้ยินคำนั้น นางชะงักฝีเท้าไปเล็กน้อยพลางเม้มปากมองไป
ฉีเชียนมองนางด้วยสีหน้าเย็นชาและไร้น้ำใจ เอ่ย “หากเป็นเช่นนั้นจริง ข้าจะโยนพวกเจ้าออกไป”
เขาไม่ได้มีเมตตาเหมือนฉินหลิวซีสักหน่อย
สีเจิงกำหมัดแน่น โค้งคำนับพลางเอ่ย “หลังจากข้าคุยกับคุณชายแล้ว ข้าจะให้บ่าวรับใช้ของข้าพาน้องชายข้าไป”
เฉินผีเดินออกมา จากนั้นก็เอ่ยว่า “คุณชายหลับแล้วและบอกว่าแม่นางสีไม่ต้องเข้าไป ให้พักผ่อนเสีย”
สีเจิงตะลึงไปทันทีและหันไปมองห้องที่อยู่ด้านหลังเขา ก่อนจะคารวะและหมุนกายกลับไป
เฉินผีเดินออกไปข้างนอกอีกครั้ง อิงหนานที่ได้รับสัญญาณจากเจ้านายของตนจึงเดินตามออกไป “เฉินผีน้อย ดึกแล้วเจ้าจะไปไหนหรือ”
“ไปขออะไรจากท่านลุงชาวนาหน่อยน่ะ”
“พี่ว่าง พี่ไปเป็นเพื่อนเจ้า”
เฉินผียิ้ม “คุณชายบอกข้าไว้ว่าถ้าท่านว่างพอดี ข้ามีเรื่องให้ท่านช่วย!”
เปลือกตาของอิงหนานเขม่นเล็กน้อย เขารู้สึกได้ถึงลางไม่ดี
เขาตามเฉินผีไปหาลุงชาวนาที่กำลังพักผ่อน ทั้งยังไปเคาะบ้านชาวนาหลังอื่นด้วยเพื่อหาของบางอย่าง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตงิดใจ
เขากลับมาอยู่ข้างกายเจ้านายตนด้วยท่าทางขวัญเสียเล็กน้อย แม้แต่ตอนที่ฉีเชียนเอ่ยถามเขาก็ยังต้องถามถึงสองครั้ง อิงหนานจึงจะได้สติ
“เกิดอะไรขึ้น”
อิงหนานอ้าปากแล้วกลืนน้ำลายอีกครั้งก่อนจะเอ่ย “นายท่าน ท่านรู้หรือไม่ว่าเฉินผีออกไปข้างนอกเพื่อหาสิ่งใด”
ฉีเชียนไม่ถาม เขาเพียงแต่รอให้อิงหนานเอ่ยออกมาเอง
สีหน้าของอิงหนานดูโศกเศร้า “เป็นของสำหรับเซ่นไหว้บวงสรวงจำพวกกระดาษสีเหลืองพวกนั้น!”
สวรรค์ ตอนที่เขาเห็นว่าเฉินผีต้องการของพวกนี้ ความรู้สึกแรกของเขาคือมันผิดปกติแล้ว ทำไมเขาต้องมาทำอะไรอัปมงคลในตอนกลางคืนดึกดื่นแบบนี้ด้วย
ฉีเชียนประหลาดใจ กระดาษสีเหลืองหรือ
ตอนที่ 62 ช่วยข้าขุดหลุม
ตอนเที่ยงคืนสีเจิงเดินออกจากเรือนหลังเล็กนั้นและจูงม้าเตรียมจะขึ้นขี่ ทันใดนั้นก็มีเสียงหยันดังขึ้นจากด้านหลัง
“ตกกันลงแล้วว่าชีวิตเจ้าเป็นของข้า นังหนูนี่เชื่อถือไม่ได้ วางแผนจะแอบหนีไปคนเดียวหรือ”
สีเจิงหันกลับมาด้วยสีหน้าเขินอายเล็กน้อย แต่ก็เดินเข้าไปหาฉินหลิวซีและคุกเข่าลง “คุณชาย บ่าวไม่ได้คิดจะหนี แต่จะไปจัดการธุระบางเรื่อง”
“ยกตัวอย่างเช่น ไปเก็บศพบ่าวรับใช้ของเจ้าหรือ” ฉินหลิวซียิ้ม “ลูกหลานทหารใจกล้าดีจริง”
สีหน้าของสีเจิงเปลี่ยนไปสองสามครั้ง และมองหน้าฉินหลิวซีด้วยความประหลาดใจ อีกฝ่ายรู้ได้อย่างไร
“อยากรู้ว่าข้ารู้ได้อย่างไรหรือ” ฉินหลิวซียิ้มหยอกเย้า “ข้าเดาเอา แต่เห็นได้ชัดว่าทายถูกแล้ว”
สีเจิง “…”
คุณชายน้อยผู้นี้ช่างทำให้คนรู้สึกคันไม้คันมือจริงๆ
“ไปกันเถิด” ฉินหลิวซีเองก็เดินไปที่ม้าอีกตัว
“คุณชาย?”
“ข้าต้องตามเจ้าไปสิ ถ้าเจ้าหนีไปหรือเกิดตายขึ้นมา แล้วใครจะชดใช้ชีวิตเจ้าให้ข้าเล่า” ฉินหลิวซีตบม้าที่อยู่ข้างกาย ม้าตัวนั้นก็คุกเข่าลงอย่างฉลาดเฉลียวว่าง่าย
ในใจสีเจิงกลับรู้สึกสับสนยากจะเอ่ย นางไม่ใช่คนโง่ ย่อมรู้ดีว่าฉินหลิวซีไม่ได้กลัวว่านางจะหนีไปจริงๆ หรอก แต่กลัวว่านางเองจะเป็นอะไรไปมากกว่ากระมัง
บนโลกใบนี้จะมีคนเช่นนี้ได้อย่างไร
เหมือนแสงอาทิตย์อบอุ่นที่สามารถอบอุ่นหัวใจคนได้อย่างง่ายดาย
“ท่านหมอฉิน” ฉีเชียนเองก็ออกมาด้วย
ฉินหลิวซีเห็นเขาก็เอ่ยขึ้นอย่างโผงผาง “โอ้ คุณชายอายุยังน้อยก็ไตไม่ดีแล้วหรือ ถึงได้ต้องออกมาเข้าห้องน้ำกลางค่ำกลางคืนเช่นนี้”
สีหน้าฉีเชียนเข้มขึ้นทันที กัดฟันเอ่ย “ท่านหมอฉินไม่ต้องกังวล ไตของข้ายังดีอยู่” เขาเหลือบมองความเคลื่อนไหวของคนทั้งหลายแล้วจึงเอ่ย “ในเมื่อท่านหมอฉินนอนไม่หลับ ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็ไปด้วยกันเถิด ถึงหนิงโจวเร็วหน่อยก็ดี”
สีเจิงหันไปมองฉินหลิวซีโดยสัญชาติญาณ นางกำบังเหียนแน่น
ฉินหลิวซีเอ่ย “อย่างนั้นก็ได้ ถึงอย่างไรก็เป็นทางเดียวกัน ข้าก็ขี้เกียจจะวกกลับมาแล้ว ไปปลุกพวกเขาเถิด แล้วให้เขานอนบนรถม้า”
คำพูดท่อนหลังนางหันไปพูดกับสีเจิง
สีเจิงนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า
…
คนทั้งกลุ่มเดินทางในความมืด ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง พวกเขาก็มาถึงเนินป่าที่สีเจิงและพวกของนางถูกลอบสังหาร บัดนี้ใกล้จะรุ่งเช้าแล้ว สรรพสิ่งยังคงเงียบสงบ
ท้องฟ้าที่กำลังจะสว่างเผยให้เห็นความโหดร้ายในป่า ศพเกลื่อนกลาดไปทั่วสถานที่ กลิ่นเลือดยังไม่จางหาย
“ท่านลุง” ผิงจื่อพุ่งตัวเข้าไปคุกเข่าลงตรงหน้าศพหนึ่ง
หั่วหลางอาศัยแสงจากคบเพลิงจึงเห็นว่าเป็นบ่าวรับใช้วัยกลางคนที่ถามสถานการณ์เขาเมื่อวานนี้ แต่หลังจากค่ำคืนผ่านไป เขาก็จากไปเสียแล้ว
สีเจิงก้าวเข้าไปคุกเข่าลงและโขกศีรษะคำนับสามครั้ง
ฉินหลิวซีกวาดตามองรอบๆ นางนับข้อนิ้วมือขวาคำนวณสักพัก จากนั้นก็เดินไปยืนอยู่บนเนินเล็กๆ และโบกมือให้อิงหนานด้วยรอยยิ้ม
“ก่อนหน้านี้เฉินผีบอกว่าเจ้าว่างจนฟุ้งซ่าน มานี่เร็ว มาช่วยข้าขุดหลุมหน่อย!”
อิงหนานมองรอยยิ้มอันชั่วร้ายของนาง “!”
ไม่ ข้าไม่ได้ว่าง ปล่อยข้าไปเถอะ!
ฉีเชียนพอจะเดาอะไรได้ เขาพยักเพยิดสั่งให้คนอีกจำนวนหนึ่งเข้าไปหาฉินหลิวซี และใช้จอบและพลั่วที่ซื้อมาจากชาวนาเริ่มขุดหลุม
ฉินหลิวซีเดินเข้าไปหาสีเจิง “ในยามเร่งด่วนก็ต้องปรับตัวไปตามสถานการณ์ ถ้าต้องการจะเอาเถ้ากระดูกของพวกเขาไปด้วยก็จะต้องเสียเวลา ควรฝังไว้ตรงจุดนี้จะดีกว่า สถานที่ฝังศพตรงด้านโน้นถือเป็นว่าเป็นจุดที่ดี ฝังพวกเขาไว้ที่นี่ชั่วคราว ภายหน้าถ้าเจ้ามีใจอยากจะย้ายหลุมศพกลับไปที่บ้านเกิดก็ได้ หากไม่ย้าย วิญญาณของผู้กล้าก็จะอยู่ตรงนี้ตลอดไปและอำนวยพรให้ทายาทที่ยังเหลืออยู่ด้วย”
สีเจิงเงยหน้าขึ้นมองฉินหลิวซี ดวงตาของนางพร่ามัวด้วยน้ำตา จากนั้นนางคุกเข่าลงด้วยความซาบซึ้งใจที่พร่างพรู
“ลุกขึ้นเถิด วิญญาณผู้กล้าที่ปกป้องบ้านเมืองไม่ควรถูกทิ้งไว้กลางป่าเขาทุรกันดาร และกลับคืนสู่ที่ตายด้วยความงุนงงสับสน ไร้ความสงบสุข” ฉินหลิวซีพยุงนางขึ้นด้วยมือตนเอง
ฉีเชียนที่ยืนอยู่ด้านข้างตกตะลึงไปเล็กน้อยและหันไปมองศพพวกนั้น วิญญาณผู้กล้าที่ปกป้องบ้านเมือง พวกเขาเป็นทหารหรือ