คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 631 รู้ตัวว่าตนเองเป็นตัวร้าย
ตอนที่ 631 รู้ตัวว่าตนเองเป็นตัวร้าย
ในพื้นที่ว่างเปล่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวไปมา
เงาดำค่อยๆ ปรากฏชัดขึ้น โบกมือให้ฉินหลิวซี เอ่ยประจบประแจง “ศิษย์น้อง เราเจอกันอีกแล้ว”
ฉินหลิวซีดีดปลายเท้า มือเตรียมท่าทางสะบัดยันต์
ซาหยวนจื่อขยับตัวหลบทันใด ยิ้มเบาๆ “เฮ้ย วิธีเดิม หากใช้อีกละก็ ศิษย์น้อง พวกเราควรประนีประนอมพูดคุยกันดีๆ ก่อน”
“ให้ข้าพูดคุยกับคนสมองไม่ปกติอย่างเจ้าน่ะหรือ ผู้ใดเป็นศิษย์น้องของเจ้ากัน” ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงหยัน “อีกอย่าง วิธีเดิมแล้วอย่างไร ได้ผลก็พอแล้ว”
หมายความอย่างไร
ซาหยวนจื่อก้มลงมอง เห็นคนกระดาษคนหนึ่งเกาะอยู่กึ่งกลางกายเขา โบกสะบัดกรงเล็บ เสียงตูมดังขึ้น เกิดไฟลุกขึ้นมา
ให้ตายสิ
ไยเจ้าเด็กคนนี้ถึงชอบเล่นแบบนี้ ย่างนกหรือ
ซาหยวนจื่อกระโดด มือเท้าชุลมุนปัดเพื่อดับไฟ รู้สึกเจ็บเล็กน้อย ทว่าไม่เห็นประกายที่ปรากฏขึ้นในดวงตามืดมิดของฉินหลิวซี นางขยับปลายนิ้วเบาๆ
ฉินหลิวซีไม่รอให้เขาตั้งตัวได้ค่อยต่อสู้ พอดีเพิ่งขู่กรรโชกเอากระดิ่งจินกังมาจากปรมาจารย์ไท่เฉิงโดยที่ยังไม่ได้ทดลองใช้ สั่นกระดิ่งในมือ ท่องคาถาจินกังขึ้น แสงของฟ้า แสงของดิน แสงของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว ส่องสว่างทอดไปสิบทิศ กระดิ่งมีสายฟ้าผ่า ชี่ทั้งห้าร้อนแรงสะกดวิญญาณ เพี้ยง”
ติง
เสียงใสของกระดิ่งแท้ๆ แต่ในหูของซาหยวนจื่อนั้นกลับดังลั่นคล้ายเสียงกลองใหญ่ดังอยู่ใกล้หู เสียงทะลุทะลวงอยู่ในหูอย่างไรอย่างนั้น โจมตีส่วนลึกของจิตวิญญาณ ทำให้หูและดวงตาของคนพล่ามัวมึนชา
เขารีบร่ายคาถาปิดรับความรู้สึก ขณะเดียวกันก็ยิ้มร้าย เอ่ย “ศิษย์น้อง เจ้าคงไม่คิดว่าการมาครั้งนี้ของข้าจะไม่มีการเตรียมตัวใดๆ เลยกระมัง”
สองมือเขายกขึ้น ทำพิธีเซ่นธงห้าทิศ เรียกผีน้อยๆ ห้าทิศออกมา รุมล้อมฉินหลิวซีไว้
“เล่นผีหรือ” ฉินหลิวซียิ้มเย็น “คิดว่าใครเล่นผีไม่ได้กัน”
นางเผายันต์หนึ่งแผ่น พับก้อนเงินก้อนทองหนึ่งก้อนและเผามัน ร่ายคาถา เรียกเฮยอู๋ฉังที่คุ้นเคยมา
“ใต้เท้า” เฮยอู๋ฉังสวมหมวกคลุมยาวสีดำ คารวะฉินหลิวซีด้วยท่าทางนอบน้อม
ฉินหลิวซีพยักหน้าสบายๆ “เหล่าเฮยมาพอดี ขอยืมไม้ไว้ทุกข์เจ้ามาใช้สักหน่อย”
เฮยอู๋ฉังรีบส่งอาวุธของตนเองมาให้ ยังมองไปทางซาหยวนจื่ออีกด้วย สายตาทุ้มลึก คนผู้นี้เต็มไปด้วยความผิดบาป ทว่ามีแสงสีทองอยู่รอบตัวเขาเล็กน้อย ไม่รู้เกิดจากสาเหตุใด
ซาหยวนจื่อมองท่าทีราวกับสหายกันของเฮยอู๋ฉังและฉินหลิวซีด้วยความมึนงง ก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว
ยมโลกเกิดเป็นครอบครัวของนางขึ้นมาหรืออย่างไร จะเรียกผีก็เรียกผีเถิด นางเรียกเฮยอู๋ฉังมา นี่ไม่ใช่ระดับเริ่มต้นกับผู้ปกครองหรอกหรือ
อีกทั้ง ไม้ไว้ทุกข์นั่นบอกว่าจะใช้ก็ใช้หรือ
เดิมทีผีจากห้าทิศก็ไม่กล้าขยับเขยื้อนเพราะการมาของเฮยอู๋ฉัง กระทั่งฉินหลิวซียืมไม้ไว้ทุกข์มา พวกเขาต่างคุกเข่าร้องขอชีวิตในทันใด
ซาหยวนจื่อโมโห มีความเป็นผีร้ายสักหน่อยหรือไม่ ยังไม่เริ่มสู้ก็ยอมแพ้แล้วอย่างนั้นหรือ
ทรุดตัวลงและขอโอกาส
เหล่าผีร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลกลับตัวกลับใจ พวกเขาไม่ได้ต้องการช่วยเหลือคนผิด แต่พวกเขาถูกบีบบังคับ
ซาหยวนจื่อ “!”
การเซ่นไหว้ของเขากลายเป็นป้อนอาหารหมาแล้วหรือ
เหล่าผีปิดหน้าคิดในใจ ดึงดันไปก็ไร้ประโยชน์ อีกฝ่ายเรียกมาได้แม้กระทั่งท่านเฮย เป็นคนที่พวกเขาล่วงเกินได้หรือ
ฉินหลิวซีกลับไม่สนใจการกลับตัวกลับใจนี้ ยกไม้ไว้ทุกข์ที่มีกระดิ่งแขวนอยู่ หมุนตัวรวดเร็ว “ดูข้าแสดงการตีผี”
กรุ๊งกริ๊ง กรุ๊งกริ๊ง
เสียงกระดิ่งใสๆ ดังขึ้น สำหรับผีแล้วกลับเป็นดั่งเสียงเอาชีวิต โดยเฉพาะยามไม้ไว้ทุกข์นั่นตีลงมาที่ร่างกาย ร่างวิญญาณของพวกเขาปรากฏรอยแส้ เสียงดังสนั่น วิญญาณจางลง
เหล่าผีอยากหนี แต่มองเห็นเฮยอู๋ฉังที่ยืนราวกับไร้ตัวตนอยู่ด้านข้างกำลังเล่นโซ่ตรวนวิญญาณในมือจึงไม่กล้าขยับแม้เพียงนิด
“ใต้เท้า อย่าตีเลย ท่านเฮย พวกเรายินดีต่อแถวไปเกิด ไม่กล้าทำชั่วอีกแล้ว”
เฮยอู๋ฉังนิ่งไม่ขยับ หากไม่ปล่อยให้บรรพบุรุษน้อยผู้นี้ได้ตีจนพอใจ ใครจะกล้าเอ่ยปากเล่า
เขาเหลือบมองซาหยวนจื่อที่ดูโง่เขลา ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าคนผู้นี้ประหลาด คิดในใจว่าควรเรียกยมทูตขึ้นมา ดูว่าคนผู้นี้มีบุญถึงสามชาติหรือไม่
ซาหยวนจื่อกำลังคำนวณถึงโอกาสชนะของตน หากหนีตอนนี้จะมองว่าเขาไร้ความสามารถหรือไม่
ฉินหลิวซีตีจนพอใจแล้ว คืนไม้ไว้ทุกข์ให้กับเฮยอู๋ฉัง เอ่ย “เสร็จแล้ว เอาตัวพวกเขาไปเถิด”
เฮยอู๋ฉังยิ้มรับ มองไปยังซาหยวนจื่อ “ผู้นี้เล่า”
ซาหยวนจื่อขนลุกชันขึ้นมา สีหน้าตึงเครียด
ถูกเทียนซือจับจ้องยังหลบๆ ซ่อนๆ ได้ แต่ว่าหากถูกยมทูตในนรกจับจ้อง อีกทั้งยังเป็นเจ้าหน้าที่ผีชั้นสูงอีก แน่นอนว่านั่นย่อมเป็นฝันร้าย
ดวงตาฉินหลิวซีมีประกายพาดผ่าน เอ่ย “เจ้าไม่ต้องสนใจ”
เฮยอู๋ฉังได้ยินเช่นนั้นก็พาเหล่าผีกลับไปอย่างมีความสุข
ผ่านพ้นอันตรายแล้ว
ซาหยวนจื่อกระอักกระอ่วนขึ้นมา จะต่อสู้ต่อไปอย่างไรดี
ความรู้สึกเช่นนี้ราวกับว่าเขาถอดกางเกงแล้ว อีกฝ่ายกลับสาดน้ำมา ทุกสิ่งทุกอย่างมอดดับลง
“เอ่อ ศิษย์น้อง ในเมื่อเป็นครอบครัวเดียวกัน พวกเรามาคุยกันดีๆ หรือไม่” ซาหยวนจื่อเอ่ยตาปริบๆ
ฉินหลิวซี “เจ้ามีสำนึกรู้ตัวสักนิดบ้างหรือไม่”
“อะไรหรือ”
“รู้ว่าตนเองเป็นตัวร้าย” ฉินหลิวซีหยิบกริชกิเลนของตนออกมาแล้วตวัดโจมตีออกไป คนดีต่อสู้กับตัวร้าย สู้กันก็ถูกต้องแล้ว จะมาพูดคุยถึงชีวิตอย่างนั้นหรือ
ซาหยวนจื่อคิดไม่ถึงว่านางจะต่อสู้ต่อ หลบไม่ทัน ถูกอาวุธแปลกประหลาดนั่นเฉือนเข้า รีบเบี่ยงตัวหลบ
“ทำได้ดีนี่ คาถาอาคมไม่ได้สู้กันย่อมไม่รู้ว่าผู้ใดแข็งแกร่งที่สุด ได้เวลาเรียนรู้ซึ่งกันและกัน” เขามองแผลที่บวมขึ้นมา ใช้ลิ้นเลียอย่างชั่วร้าย สองนิ้วพันเกี่ยวร่ายคาถา สัมผัสไปที่บาดแผล
จากนั้นเขาก็หยิบธงนำวิญญาณเก้าหยินออกมา ลูบธงนั้นอย่างรักใคร่ เอ่ย “ให้ศิษย์น้องอย่างเจ้าได้ทดลองถึงอานุภาพของธงนำวิญญาณเก้าหยินนี้”
ฉินหลิวซีใบหน้าเคร่งขรึมทะมึนขึ้น “เจ้ารู้วิชาต้องห้ามนี้ ธงนำวิญญาณนี้เจ้าสร้างมันขึ้นมาเองหรือ”
ธงนำวิญญาณเก้าหยิน ก่อนหน้านี้นางทำลายอารามมนต์ดำแห่งหนึ่ง ผู้วิเศษอะไรนั่นเกือบจะฝึกธงนำวิญญาณเก้าหยินนี้สำเร็จ เพียงขาดไปอีกเดียวเท่านั้น ถูกนางทำลายไปก่อน
แต่ตอนนี้ชายน่าเกลียดในชุดคลุมยาวสีดำกลับมีธงนำวิญญาณเก้าหยินที่ฝึกสำเร็จแล้ว
เป็นเขาที่สร้างมันขึ้นมา หรือว่าผู้ใด
ฉินหลิวซีนึกถึงคู่ปรับผู้บ้าคลั่งผู้นั้นของชายชรา อีกฝ่ายหมกมุ่นอยู่กับการไล่ตามความเป็นอมตะ สิ่งที่เฝ้าศึกษานั้นสุดโต่ง หรือว่านี่ก็เป็นสิ่งที่เขาสร้างมันขึ้นมาหรือ
เพียงนึกถึงว่าธงนำวิญญาณนี้หลอมรวมวิญญาณของเด็กทารกเก้าสิบเก้าคน แววตาของฉินหลิวซียิ่งจมลึก ดวงตาดำขลับจมลึกมองไม่เห็นถึงก้นบึ้ง
ซาหยวนจื่อรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาเล็กน้อย
เขามองไปยังธงนำวิญญาณในมือ ดูเหมือนหลังจากที่เอาเจ้าสิ่งนี้ออกมา ท่าทีของฉินหลิวซีก็เปลี่ยนไป
เปลี่ยนเป็นหนาวเหน็บเสียดลึกถึงกระดูก
เย็นเสียยิ่งกว่าธงนำวิญญาณในมือของเขาหลายส่วน
“สิ่งที่ข้าสร้างมีปัญหาอะไรหรือไม่”
“ปัญหาใหญ่เลยล่ะ หากเจ้าเป็นคนสร้างมันขึ้นมา เช่นนั้นเจ้าก็ไม่คู่ควรที่จะเกิดเป็นมนุษย์” ฉินหลิวซีโจมตีไปอีกครั้ง สะบัดยันต์ห้าสายฟ้าหนึ่งแผ่นออกไป
ซาหยวนจื่อรีบก้าวถอยหลัง หลบเลี่ยงยันต์ห้าสายฟ้า คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะโจมตีออกมาสองครั้งต่อเนื่อง
“ยันต์ห้าสายฟ้าที่ได้มาไม่ต้องเสียเงินใช่หรือไม่” ซาหยวนจื่อมองชุดคลุมดำของตนที่ถูกเผาขาดวิ่น เซ่นธงนำวิญญาณอย่างไม่ทุกร้อน ปากร่ายคาถา “ดวงวิญญาณทารก ไม่รู้ชื่อแซ่ มอบให้เจ้าห้าผี ถึงข้าบูชาศาล หมื่นทารกร้องไห้พร้อมเพรียง หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณแท้จริงของธง เพี้ยง”