คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 647 นางมาเพื่อตบหน้า
ตอนที่ 647 นางมาเพื่อตบหน้า
หลินซื่อเฉวียนเห็นว่าสายตาของฉินหลิวซีไม่ถูกต้องนัก หัวคิ้วขมวดขึ้น หันมองไปรอบๆ พบว่าชาวบ้านเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นึกขึ้นได้ว่าไม่ควรให้ฉินหลิวซีเอ่ยมากไปกว่านี้ มิเช่นนั้นชื่อเสียงของโรงหมอตระกูลหลินต้องได้รับความเสียหายอย่างแน่นอน
เขากำลังจะเอ่ยปาก สตรีผู้นั้นก็เอ่ยขึ้นก่อน “ใช่ ห้าวันก่อนสามีของข้าบอกว่าปวดท้อง จึงมาตรวจที่โรงหมอแห่งนี้ เขาบอกว่าสามีข้ากินเห็ดพิษเข้าไป”
ฉินหลิวซีหยิบห่อเข็มออกมาจากข้างเอว เปิดออกพร้อมเอ่ยถาม “เช่นนั้นพวกเจ้ากินแล้วหรือไม่”
“กินแล้ว สามีของข้าเป็นนายพราน ขึ้นเขาล่าสัตว์เก็บเห็ดกินบ้าง แต่นี่ก็ไม่ใช่กินครั้งแรก รู้ว่าสิ่งใดกินได้กินไม่ได้” สตรีผู้นั้นเอ่ยต่อ “ข้าจึงนึกว่าเขาเก็บเห็ดกินไม่ได้สักดอกปะปนกินลงไปด้วย เช่นนั้นน้ำแกงถั่วเขียวนั่นก็คงล้างพิษได้แล้ว แต่ความเป็นจริงไม่ใช่ สามีข้ายังบอกว่าปวดท้อง พวกเราจึงกลับมาตรวจอีก บอกว่าพิษยังกำจัดไม่หมดทำให้เป็นลำไส้อักเสบ จ่ายยามาอีกครั้ง แต่ว่า รักษาจนกลายเป็นเช่นนี้ ท่านหมอ สามีของข้าเป็นอะไร โอ้ ไยเจ้าจึงยังใช้เข็มเล่า”
“เจ็บขนาดนี้แล้ว ไม่ใช่เข็มหยุดความเจ็บปวด เขาจะรอดไปได้อย่างไรเล่า” ฉินหลิวซีเอ่ย พร้อมหยิบเข็มออกมาแทงลงไปบนจุดเสินเจว๋ จุดเทียนซู จุดต้าฉางซู ตามตำแหน่งฝังเข็มของชายผู้นั้น
หลินซื่อเฉวียนมองตำแหน่งเหล่านั้น ดวงตาวาววับขึ้นมาเล็กน้อย พ่นลมหายใจออกมา
เป็นจุดฝังเข็มรักษาโรคลำไส้อักเสบ
แต่เวลาต่อมา หัวใจเขาก็เกร็งขึ้นมาอีกครั้ง อีกฝ่ายลงเข็มแม่นยำ บ่งบอกว่าอีกฝ่ายรู้วิชาการแพทย์ เพียงแต่อายุน้อยไปบ้างสักหน่อย
หลินซื่อเฉวียนสับสนอยู่บ้าง อายุน้อยเพียงนี้ ต่อให้รู้ ก็คงไม่ได้เก่งกาจอะไรกระมัง แต่เห็นนางใช้เข็มอย่างชำนาญ นึกย้อนไปถึงการซักถามของนางก่อนหน้านี้ เขารู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
ขณะกำลังคิด ฉินหลิวซีก็ฝังเข็มไปในจุดซานหยินเจียวและจุดกงซุน หมุนเข็มเบาๆ ยกขึ้นและปักลงไปตื้นเขิน ดีดปลายเข็มทำให้มันสะบัดเบาๆ
หลิวซื่อเฉวียนขมวดคิ้ว เอ่ย “เจ้าเพียงจับชีพจรก็ใช้เข็มไปเรื่อยแล้ว เกิดทำให้คนป่วยไม่สบาย…”
“ไปเรื่อยหรือ” ฉินหลิวซียิ้ม เอ่ย “วาจานี้ของท่านหมอหลินข้าไม่เห็นด้วย คนเป็นหมอ จะต้องระมัดระวัง ไม่มีคำว่าไปเรื่อยคำนี้ ไม่มั่นใจในอาการป่วยของเขาแล้วข้าใช้เข็ม นั่นเป็นการไม่เคารพต่อชีวิต ดังนั้นวาจานี้ของท่าน กำลังดูหมิ่นข้าหรือ”
หลินซื่อเฉวียนสีหน้ามืดลง เจ้าเด็กกำเริบเสิบสาน
สตรีผู้นั้นจ้องมองใบหน้าสามีตนเอง ความจริงในใจลึกๆ ของนางเองก็ไม่สบายใจ อย่างไรท่านหมอผู้นี้ก็อายุยังน้อยนัก นางเพียงจับชีพจรก็ลงเข็ม เกิดนางทำเล่นๆ ไปจริงๆ เล่า
สตรีผู้นั้นนึกกลัวขึ้นมา แต่ยังหุบปากไม่เอ่ยวาจาอย่างรู้ความ เพียงมองสามี เห็นว่าหลังลงเข็มแล้ว ใบหน้าเจ็บปวดของบุรุษผู้นั้นค่อยๆ คลายลง อดดีใจไม่ได้ เอ่ยถาม “ท่านพี่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง”
ชายผู้นั้นเอ่ยเสียงแผ่ว “ไม่ปวดมากแล้ว” เขามองไปทางฉินหลิวซี “เอ่ยถาม “ท่านหมอน้อย ข้าเป็นอะไรหรือ”
ผู้คนที่รุมล้อมอยู่รอบๆ เห็นภาพนี้ยิ่งพูดคุยกันเสียงดังขึ้น หมอน้อยผู้นี้ฝังเข็มแล้ว ชายผู้นั้นที่เดิมเจ็บจนพูดไม่ออกกลายเป็นไม่เจ็บเพียงนั้นแล้ว คงไม่ใช่หน้าม้ากระมัง
หากไม่ใช่หน้าม้า เช่นนั้นโรงหมอตระกูลหลินแห่งนี้รักษาคนจนแย่จริงๆ น่ะหรือ
หลินซื่อเฉวียนได้ยินได้ยินความคิดเห็นสงสัยต่างๆ นานา สีหน้าก็ยิ่งไม่น่ามองยิ่งขึ้น อดกลั้น เอ่ย “ที่นี่ไม่เหมาะทำการรักษา ท่านหมอน้อยผู้นี้ หากไม่รังเกียจย้ายคนไข้เข้าไปตรวจโดยละเอียดด้านในเถิด”
ฉินหลิวซียังไม่ทันตอบกลับ สตรีผู้นั้นก็เอ่ยขึ้นเสียงดัง “ทำไมหรือ เมื่อครู่ไล่พวกเราออกมา ตอนนี้กลับจะให้เข้าไป เพราะรู้สึกอายที่ท่านหมอน้อยผู้นี้เปิดโปงความหน้าซื่อใจคดของพวกเจ้าหรือ พวกเราไม่เข้าไป รักษามันอยู่ตรงนี้แหละ ให้ทุกคนได้รู้ไปเลย โรงหมอตระกูลหลินของพวกเจ้ามีจรรยาบรรณแบบใด ท่านหมอน้อย ว่ามาเลย สามีของข้าเป็นลำไส้อักเสบนั่นจริงหรือไม่”
ดวงตาของหลินซื่อเฉวียนเผยความมาดร้ายและหมดความอดทน
ฉินหลิวซีเอ่ย “จะบอกว่าลำไส้อักเสบก็ไม่ผิด”
ใบหน้าของหลินซื่อเฉวียนผ่อนคลายลง ผู้ช่วยด้านหลังเขาส่งเสียงหยัน “สกุลหลินของเขาไม่มีทางวินิจฉัยพลาด ทว่ามีบางคน หยิบยกคำของผู้อื่นมาเป็นคำของตนเอง”
“แต่เขาไม่ได้เป็นลำไส้อักเสบเพราะกินเห็ดพิษ แต่เป็นไส้ติ่ง”
สีหน้าของหลินซื่อเฉวียนพลันเปลี่ยน “ได้อย่างไรกัน เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นโรคลำไส้อักเสบเฉียบพลัน เขาเป็นนายพราน ล่าสัตว์บนเขามาเป็นเวลาหลายปี ชอบเก็บเห็ดมากิน หากเก็บเห็ดพิษมาปะปนมาหนึ่งดอก ทำให้เป็นลำไส้อักเสบขึ้นมา”
“เห็ดพิษทำให้คนประสาทหลอน ขอถามท่านหมอหลิน ผู้ป่วยมีอาการเช่นนี้หรือไม่” ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเรียบ “และเขาก็ไม่ได้เป็นโรคลำไส้อักเสบเฉียบพลัน แต่เขาเป็นลำไส้อักเสบเรื้อรัง อย่างที่ท่านบอก เขาชอบกินเห็ด และมักล่าสัตว์อยู่บนเขาบ่อยครั้ง เช่นนั้นจึงสันนิษฐานได้ว่าเขากินอาหารไม่เป็นเวลา ท่านน้า เป็นเช่นนี้หรือไม่”
สตรีผู้นั้นพยักหน้าเร็ว เอ่ย “นายพรานต้องล่าสัตว์ได้ก่อนลงเขาเสมอ หากโชคดี ล่าได้ของดีก็จะแลกเงินมาได้มาก โชคไม่ดี เฝ้ารออยู่สองสามวันก็ล่าอะไรไม่ได้ แต่จะลงเขามามือเปล่าไม่ได้อย่างแน่นอน”
นางมองไปยังสามี เอ่ย “สามีของข้า บิดามารดาที่บ้านแข้งขาไม่ดี ต้องกินยาเป็นประจำ ยังมีลูกอีกสี่คน ครอบครัวกินข้าวแปดปาก อาศัยเพียงท่านพี่ล่าสัตว์หาเลี้ยงครอบครัวเป็นหลัก เพราะเป็นเช่นนี้ เพียงขึ้นเขา สามีของข้าจะต้องได้อะไรถึงจะลงเขา ทุกครั้งที่กลับมาข้าจะเตรียมอาหารแห้งให้เขา เมื่อกินหมดแล้ว ก็จะหาเก็บเห็ดบนเขาเพื่อให้อิ่มท้อง แม้จะเก็บเห็ดได้ก็ใช่ว่าจะกินได้ทั้งหมด เพราะบางชนิดยังสามารถขายได้เงิน ดังนั้นอดมื้อกินมื้อ สำหรับท่านพี่ข้าแล้วนับว่าเป็นเรื่องปกติ”
นางเอ่ยไปเอ่ยมา น้ำตาพลันร่วงลงมา เอ่ย “ชีวิตยากลำบาก ครอบครัวอยู่ครบพร้อมหน้าพร้อมตานั้นสำคัญกว่าสิ่งใด ดังนั้นเมื่อเขาป่วยเราจึงรีบพาเขามารักษาที่โรงหมอตระกูลหลิน ต่อให้ค่ารักษาสูงเพียงใด เราก็มาเพราะชื่อเสียงของเขา เพราะไม่มีเงินก็หาใหม่ได้ เกิดท่านพี่เป็นอะไรไปจริงๆ โลกของเราคงล่มสลาย ใครจะรู้ว่าจะอาการเขาหนักขึ้นเรื่อยๆ”
ผู้คนหลายคนถอนหายใจ แต่ละครอบครัวมีความยากลำบากเป็นของตนเอง
ฉินหลิวซีฟังแล้วจึงเอ่ย “นี่ถูกแล้ว เขากินอาหารไม่ครบถ้วน อีกทั้งยังมักกินเห็ดอยู่บ่อยครั้ง และในฤดูนี้ในป่าในเขามีความชื้นมาก การกินเห็ดที่มีความชื้นจนเกินไปจะทำให้พลังงานไม่ดีเข้าสู่ร่างกาย ความร้อนความชื้นเข้าอุดตันในลำไส้ โลหิตเป็นพิษอุดตันจึงทำให้เป็นไส้ติ่งเรื้อรัง ปวดท้องจนทนไม่ไหว”
“เป็นไปไม่ได้”
“ท่านสามารถตรวจชีพจรดูอีกครั้งได้ ชีพจรของเขาเต้นช้าและจมลึก น้ำในกระเพาะไม่สมดุล พลังชี่นิ่ง ช่องท้องด้านล่างขวาเจ็บเมื่อกด ทั้งหมดเกิดจากความเสียหายในลำไส้เป็นเหตุ และยาที่ท่านจ่ายมาก่อนหน้านี้ เพียงคลายความเจ็บปวดเท่านั้น ไม่อาจรักษาจากต้นตอได้ เขาจึงเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ อาการหนักขึ้นเรื่อยๆ” ฉินหลิวซีเบี่ยงตัวหลบให้ บ่งบอกให้เขาเดินเข้ามา
หลินซื่อเฉวียนไม่ได้อยากจับชีพจร แต่เมื่ออยู่ภายใต้การจับจ้องของผู้คน เขาจำเป็นต้องสีหน้าทะมึนเดินเข้าไป ย่อตัวลง จับชีพจรอีกครั้ง สีหน้ายิ่งไม่น่ามองมากขึ้น กดลงไปอย่างที่ฉินหลิวซีบอก ต่อให้ฝังเข็มไปแล้ว ชายผู้นั้นก็ยังเจ็บจนต้องส่งเสียง เกร็งตัวขึ้น
สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนแปลง ดวงตามีความตื่นตระหนก
ใบหน้าของหลินซื่อเฉวียนแดงขึ้นมา มองไปยังฉินหลิวซี เม้มริมฝีปากแน่น
วินิจฉัยผิดแล้วจริงๆ
ลางสังหรณ์ไม่สงบก่อนหน้านี้นั้นถูกแล้ว เด็กคนนี้มาเพื่อตบหน้าสกุลหลินจริงๆ