คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 663 ลงมือดั่งประกาศิตฮ่องเต้
ตอนที่ 663 ลงมือดั่งประกาศิตฮ่องเต้
ฉินหลิวซีเดินเข้ามาในตรอก เห็นคนกลุ่มหนึ่งยืนออกันอยู่ที่หน้าร้านของตัวเอง ทำให้คนเดินถนนตกใจจนไม่กล้าเดินผ่านไปทางนี้ สีหน้านางยิ่งดูไม่ดีขึ้นอีก
จ้องตากับสายตาของใครหลายคนในที่นั้น นางก้าวเท้าช้าลงจนหยุดลงที่หน้าร้าน “ออกันอยู่ตรงนี้เป็นผีเฝ้าประตู ต้องการข่มขวัญใคร?”
ทุกคนขมวดคิ้ว
หว่านไป๋ในชุดเสื้อสีเขียวไว้ผมหางม้ายืนขึ้น สังเกตฉินหลิวซีอย่างละเอียดพลางถามขึ้น “เจ้าคือเจ้าอาวาสน้อยปู้ฉิวแห่งอารามชิงผิงหรือ”
ฉินหลิวซีถามกลับ “เป็นเจ้าที่เอาคนมายืนบังหน้าร้านข้างั้นหรือ”
เฉินผีเดินออกมา ถลึงตาใส่หว่านไป๋ทีหนึ่ง “ทำไมท่านยังไม่ไปอีก?” จากนั้นเขาเดินไปข้างหน้ารับกล่องยาจากเถิงเจามาถือ เอ่ยกับฉินหลิวซี “นายท่าน คนพวกนี้เป็นคนคุ้มกันของตระกูลเฉวียนที่มาขอรับการรักษา”
ฉินหลิวซีกวาดตามอง “คนที่มาขอรับการรักษา? ท่าทางแบบนี้ ข้านึกว่ามาหาสถานที่ประลองยุทธ์ แต่ละคนยืนมุงกันอยู่ตรงนี้ คนอื่นแทบไม่กล้าเดินผ่าน เจ้าเกรงอำนาจใครหรือว่าได้รับผลประโยชน์อะไรถึงได้ให้พวกเขามายืนออกันอยู่ตรงนี้”
เฉินผีถูกต่อว่าจนหน้าสลด เริ่มไล่คนคุ้มกันที่อยู่หน้าประตู “ไปไปไป ไปกันให้หมด นักพรตกลับมาแล้ว ไม่ต้องมาคอยแล้ว”
คนคุ้มกันส่งเสียงพร้อมเพรียง “ขออภัย นายท่านของเราอยู่ข้างใน พวกเราไม่สามารถอยู่ห่างกายได้”
ฉินหลิวซีโกรธขึ้นมา เอ่ยโดยไม่สนหน้าไหน “อย่างนั้นก็ลากคนพากลับไป”
คนคุ้มกันหน้าเปลี่ยนสี
เฉินผีถลึงตามองพวกเขาอย่างอย่างอารมณ์เสีย รีบเข้าไปไล่คน นายใหญ่ของบ้านไฟลุกแล้ว แถมยังลามมาไหม้ตัวเขาอีก เขาจึงไม่สนใจแล้วว่าคนข้างในเป็นใคร
หว่านไป๋โกรธจนทนไม่ไหว “เปิดร้านทำการค้า เจ้าไล่ลูกค้าอย่างนี้หรือ พวกเรารอมาตั้งแต่เช้า จากจวนตระกูลฉินมาที่นี่ รอมาครึ่งค่อนวัน เจ้าไม่ถามเหตุผลที่มาที่ไปก็ไล่คน แบบนี้เกินไปแล้ว?”
“เจ้าเป็นใครกัน” ฉินหลิวซีเหลือบตามอง นางขมวดคิ้ว ทั้งตัวมีแต่ยาพิษ เจอหน้ากันก็เห่าไม่หยุด อย่างกับหมาบ้า!
“น้องสาว” เมื่อหวังอวี้เชียนออกมา เขาเห็นสภาพการณ์ตึงเครียดตรงหน้า รู้สึกหน้าชาขึ้นมา รีบเดินเข้ามาทักทายฉินหลิวซี ยิ้มให้เกินพอดี “น้องสาว เจ้ากลับมาแล้ว”
ฉินหลิวซีมองกลับไป
หวังอวี้เชียนเอ่ย “ข้ามาเป็นเพื่อนคุณชายเฉวียนที่มาขอรับการรักษา เมื่อเช้าไปที่บ้านแล้ว แต่เจ้าออกจากบ้านไปแล้ว ท่านอาหญิงจึงบอกทาง พวกเราจึงได้มารอเจ้าที่นี่ สุดท้ายก็รอจนได้พบ”
เสียงอ่อนโยนทุ้มต่ำนั่นทำให้หว่านไป๋ไม่พอใจอย่างยิ่ง “คุณชายหวัง น้องสาวท่านผู้นี้ท่าทางใหญ่โตไม่ธรรมดา เปิดร้านไล่ลูกค้า”
หวังอวี้เชียนย่นคิ้ว “แม่นางหว่าน ร้านนี้อาจไม่ได้เปิดทำการค้ากับทุกคน เปิดเล่นๆ ก็มีถมไป การค้าจะทำไม่ทำไม่สำคัญ ที่สำคัญที่สุดคือความสุขของตัวเอง อีกอย่างน้องสาวข้าเป็นหมอฝีมือล้ำเลิศ ยิ่งไม่ต้องง้อใคร อยากรักษาก็รักษา”
หว่านไป๋ถูกปาดหน้า นางตกตะลึงนิ่งไป เห็นชัดๆ ว่าเขาเข้าข้างคนผิด เท้าเหม็นยังบอกว่าหอม “เจ้า เจ้า!”
ฉินหลิวซีเหลือบมองหวังอวี้เชียนเหมือนจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม ข้าจะไม่รู้ตัวได้อย่างไรว่าความสามารถทางการแพทย์ของข้าล้ำเลิศ?
หวังอวี้เชียนยิ้มประจบเหมือนสุนัขรับใช้
ฉินหลิวซีไม่ได้ให้ความสนใจพวกเขาอีก แต่กลับมองชายหนุ่มตัวผอมบางจนหนังติดกระดูก ห่อหุ้มร่างกายด้วยเสื้อคลุมตัวใหญ่ พลังแห่งความตายกระจุกตัวอยู่ที่หน้าผาก อยู่ได้อีกไม่กี่วันแล้ว
เฉวียนจิ่งเห็นฉินหลิวซี เขาตกใจเมื่อรู้อายุอีกฝ่าย แต่ไม่รู้ว่าจะดูอ่อนเยาว์ถึงเพียงนี้ แม่นางผู้นี้คงอายุไม่เกินยี่สิบปี
“ท่านนี้คือเจ้าอาวาสน้อยปู้ฉิวแห่งอารามชิงผิง?” สองมือเฉวียนจิ่งวางซ้อนกัน แสดงความเคารพต่อฉินหลิวซี “ข้าน้อยเฉวียนจิ่ง คือคนที่เดินทางมาขอรับการรักษา ได้พบเจ้าอาวาสน้อยแล้ว”
สายตาของฉินหลิวซีตกอยู่ที่มือของเขา นิ้วทั้งสิบเป็นสีเขียวคล้ำ ปรากฏสีเทาดำบนเล็บนิ้วมือ คนผู้นี้ถูกพิษ จนเลือดก็กลายเป็นสีดำแล้วอย่างนั้นหรือ
“น้องสาว คุณชายเฉวียนอยากมาขอรับการรักษาด้วยใจจริง ตั้งแต่มาถึงเมืองหลีจนถึงวันนี้ เขารอคอยมาโดยตลอด” หวังอวี้เชียนเอ่ยอย่างระมัดระวัง
ฉินหลิวซีเอ่ย “พลังแห่งความตายปกคลุมใบหน้าคุณชายเฉวียนจนหมด แต่กลับยืนต่อหน้าข้าอย่างมีชีวิตชีวา ข้างกายมีคนมีความสามารถคอยรักษาชีวิตอยู่ แล้วเหตุใดลำบากลำบนเดินทางไกลมาถึงที่นี่ มาเสียเที่ยว ทรมานตัวเองเปล่าๆ”
หว่านไป๋ได้ฟังวาจาร้ายกาจ อดทนไม่ไหวตวาดออกมาด้วยความโมโห “ปากเจ้าร้ายถึงเพียงนี้ ยังออกบวชได้…อะอึก”
ขณะที่นางกำลังเอ่ย อยู่ๆ เสียงก็หายไป
หว่านไป๋ตกใจ อ้าปากพูดแล้วพูดอีกแต่กลับไม่มีเสียงหลุดออกมาแม้แต่คำเดียว ตาเหลือกมองฉินหลิวซีด้วยความตกใจ เจ้าทำอะไรข้า
ทุกคนต่างตกตะลึง
“เงียบสักที” ฉินหลิวซีแคะหูพลางเอ่ย “ข้าเป็นคนหูไม่ค่อยดี ก็เลยไม่อยากฟังเสียงเหมือนหมาเห่าดังข้างหูไม่หยุดสักที คุณชายเฉวียนไม่ต้องตกใจไป”
เฉวียนจิ่งคารวะนาง เอ่ยเสียงแหบๆ “เป็นเพราะข้าไม่เข้มงวดกับคนในปกครอง” จากนั้นเขาจึงหันไปเอ่ยเป็นเชิงขอโทษกับหว่านไป๋ “แม่นางหว่านรอคอยเป็นเพื่อนข้าลำบากท่านแล้ว ไม่สู้กลับไปที่พักดื่มชา พักผ่อนรอ”
หว่านไป๋เบิกตาโต อ้าปากอยากจะเอ่ยออกมา แต่ยังคงไม่มีเสียงหลุดออกมาจากลำคอ ร้อนรนจนรอบตาแดงก่ำ แล้วยังหันไปมองฉินหลิวซีราวกับจะบอกว่า เจ้าโดนข้าฉีกเป็นชิ้นแน่!
“เฉวียนซง ส่งแม่นางไป๋กลับ” เฉวียนจิ่งไอออกมาสองที ออกคำสั่งคนของตัวเอง แล้วเอ่ยว่า “เจ้าและคนอื่นๆ ถอยออกจากตรอกไปรอที่หน้าปากทางก็พอ”
“ครับ”
เฉวียนซงรีบเดินไปหาหว่านไป๋ “แม่นางไป๋ เชิญ”
ไป จะไปได้อย่างไร เสียงข้าหายไปจะทำอย่างไรเล่า หว่านไป๋ไม่ขยับ จ้องฉินหลิวซีอย่างเอาเป็นเอาตาย
ฉินหลิวซีหันกลับมามองด้วยสายตาเยือกเย็นพลางเอ่ย “ที่เฟยฉางเต๋า พูดจาไม่ดีจะถูกท่านปรมาจารย์ลงโทษ แม่นางผู้นี้ไม่ทำตามข้อห้าม ทำบาปกรรมที่ปาก”
ปรมาจารย์ ข้าเป็นแพะรับบาปตลอดแหละ!
ม่านตาหว่างไป๋หดลง ปลายนิ้วสั่นระริก สายตานางน่ากลัวยิ่งนัก เหมือนเหล็กเจาะน้ำแข็ง
“ออกไป อีกชั่วยามอาคมหุบปากจะคลายเอง” ฉินหลิวซีหันหลังให้แล้วเดินเข้าไปด้านใน
ในใจหว่านไป๋ยังไม่ยินยอม แต่เห็นสายตาไม่เห็นด้วยของเฉวียนจิ่งที่มองมา ได้แต่กระทืบเท้าเดินจากไป
หวังอวี้เชียนกลืนน้ำลาย ในใจยินดียิ่ง น้องสาวข้า ไม่เคยเห็นนางลงมือ หว่านไป๋พูดฉอดๆ กลายเป็นใบ้ไปเสียแล้ว นึกว่าใช้ยาพิษ ไม่คิดเลยน้องสาวเล่นอาคม
เขาแอบรู้สึกยินดีที่ไม่ได้ไปบังคับขู่เข็ญอะไรนางได้ และยังสำรวจตัวเองอย่างละเอียดว่าในสองวันนี้ตัวเองกำแหงอ้าปากพูดจาอะไรอวดดีออกมาหรือไม่
อีกอย่างอาคมหุบปากอะไรนี่ ร้ายกาจกว่ายาพิษเสียอีก ไม่ต้องสั่งให้ฝ่ายตรงข้ามปิดปาก ลงอาคมครั้งเดียวก็เรียบร้อย
อาคมของลัทธิเต๋า ร้ายกาจสมคำร่ำลือ
หากร่ำเรียนใช้อาคมเป็นแล้ว นอกจากเป็นใบ้ ทำให้คนหายตัวได้หรือไม่นะ หวังอวี้เชียนสองตาเป็นประกาย
เฉวียนจิ่งเองก็รู้สึกตกใจ เขาเคยรู้มาบ้างว่าพวกลัทธิเต๋ามีวิชาทำนายทายทัก แต่ไม่เคยเห็นอาคมเช่นนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหน้ากัน ไม่ว่าจะทำเพราะต้องการระบายความโกรธหรือข่มขวัญฝ่ายตรงข้าม เพื่อเชือดไก่ให้ลิงดู หรือเพื่อเปิดเผยความสามารถของตน เป้าหมายของนางก็สำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ลงมือดั่งประกาศิตฮ่องเต้ หญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย
“ตกใจอะไร อยากรับการรักษาไม่ใช่หรือ ตามมาเถิด” หลังจากฉินหลิวซีนั่งลงที่โต๊ะยาว ก็ให้เฉวียนจิ่งนั่งลงใกล้ๆ “ยื่นมือออกมา”
เฉวียนจิ่งนึกว่าจะช่วยพยุง จึงยื่นมือออกไป ฉินหลิวซีคว้ามือเขาไว้ได้ อีกมือหนึ่งไม่รู้เอามีดเล็กๆ มาจากไหน นางเงื้อมือขึ้นลงมีด
“คุณชาย!” คนรับใช้ใกล้ชิดรีบถลาเข้าไป
เฉวียนจิ่งตกใจดูมือตัวเองที่ถูกบาดเข้าที่ปลายนิ้ว เลือดสีดำหยดลงในชามกระเบื้อง นี่คือการรักษาแบบเต๋าอย่างนั้นหรือ ไม่รักษาแบบปกติงั้นหรือ