คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 69 ดวงตามีแต่ความโลภ ตอนที่ 70 นังเด็กวางท่าใหญ่โต
- Home
- คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า
- ตอนที่ 69 ดวงตามีแต่ความโลภ ตอนที่ 70 นังเด็กวางท่าใหญ่โต
ตอนที่ 69 ดวงตามีแต่ความโลภ / ตอนที่ 70 นังเด็กวางท่าใหญ่โต
ตอนที่ 69 ดวงตามีแต่ความโลภ
สะใภ้หวังเลือกพูดเรื่องดีๆ เพื่อปลอบใจฮูหยินฉินผู้เฒ่า
“…ซีเอ๋อร์บอกแล้วว่า ท่านนักพรตชื่อหยวนเคยทำนายดวงชะตาให้พวกท่านพ่อ บอกว่าพวกเขาจะได้พบผู้มีพระคุณช่วยเหลือจนเดินทางไปถึงซีเป่ยได้อย่างปลอดภัยนะเจ้าคะ”
ดวงตาขุ่นมัวของนางฉินผู้เฒ่าพลันเป็นประกายขึ้นมา ก่อนจะคว้าจับมือของนางไว้ “จริงหรือ เจ้าไม่ได้หลอกข้าใช่หรือไม่”
สะใภ้หวังยิ้ม “ข้าจะหลอกท่านได้อย่างไรเล่า เยี่ยนเอ๋อร์ก็อยู่ที่นั่นด้วย ข้าเป็นแม่เขานะเจ้าคะ มีหรือจะไม่อยากให้เขาอยู่ดีมีสุข”
นางฉินผู้เฒ่าได้ยินเช่นนั้นก็หันไปมองหน้าสะใภ้หวังที่ดูแก่ชราลงอย่างเห็นได้ชัดพลางทอดถอนใจ นางโบกมือ “ทำให้เจ้าลำบากใจแล้ว”
หากจะพูดถึงความทุกข์ ทุกคนในตระกูลฉินต่างก็ทุกข์กันทั้งนั้น แต่สะใภ้หวังเป็นคนที่ทุกข์ที่สุดในบรรดาลูกสะใภ้ทั้งหมดแล้ว นางเป็นสะใภ้คนโตซึ่งมีความรับผิดชอบในฐานะสะใภ้คนโต อย่างไรก็ตามนางก็ยังเป็นมารดาด้วย และนางก็มีบุตรชายอยู่แค่คนเดียว ปกติก็ปฏิบัติกับเขาราวไข่มุกล้ำค่า แต่เด็กคนนี้กลับต้องติดตามบิดาไปยังซีเป่ยที่ทุรกันดารยากลำบากนั้นด้วย
เพียงเพราะเขาเพิ่งจะอายุสิบสองเท่านั้น
ลองถามดูหน่อยเถิดว่ามารดาคนไหนจะทำใจได้?
อย่าได้เห็นว่าสะใภ้หวังทำเหมือนไม่เป็นไร ดูรอยดำคล้ำใต้ดวงตานั้นสิ ไม่รู้ว่านางไม่ได้พักผ่อนดีๆ มานานแค่ไหนแล้ว!
ไม่ใช่เพราะมีเรื่องในใจ คิดถึงบุตรชายจนนอนไม่หลับหรอกหรือ
สะใภ้หวังจะร้องไห้ขึ้นมาทันที แต่ก็ยังฝืนยิ้มออกมา “ดังนั้นท่านแม่ก็อย่าได้คิดมากเลย ท่านรักษาสุขภาพไว้ให้ดีดีกว่า พวกเรายังต้องพึ่งพาท่านให้เป็นเสาหลักยึดเหนี่ยวจิตใจนะเจ้าคะ”
นางฉินผู้เฒ่ายิ้มขื่น “ยังจะมาเสาหลักยึดเหนี่ยวจิตใจอะไรกัน ข้าไม่มีประโยชน์แล้ว สู้เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งก็ยังไม่ได้”
สะใภ้หวังคิ้วกระตุกเล็กน้อย
“เจ้าพูดถูกแล้ว หากจะพูดว่าใครช่วยได้ ก็ต้องเป็นนักพรตชื่อหยวนแล้ว เขาไม่ใช่ขุนนาง ทั้งยังรู้จักกับตระกูลฉินของเรามานาน ทั้งยังเป็นอาจารย์ของนังหนูซีด้วย ให้เขาช่วยหาคนไปเบิกทางให้ย่อมดีกว่าพวกเราออกหน้าเองอยู่แล้ว” นางฉินผู้เฒ่าเอ่ยถึงตรงนี้แล้ว “นังหนูซีได้บอกหรือไม่ว่าจะต้องอยู่บนเขานานแค่ไหน พวกเราไปหาท่านนักพรตชื่อหยวนที่อารามกันดีหรือไม่”
สะใภ้หวังรีบเอ่ย “ท่านแม่ ท่านไม่ต้องร้อนใจไปหรอกเจ้าค่ะ ตอนนี้ร่างกายของท่านยังอ่อนแอ จะออกเดินทางได้อย่างไร ในบ้านก็ยังวุ่นวาย น้องสะใภ้สามก็ยังต้องการคนดูแล ข้าเชื่อว่าซีเอ๋อร์จะต้องเอ่ยเรื่องนี้กับอาจารย์ของนางแน่ เด็กคนนั้นเป็นเด็กฉลาดนะเจ้าคะ”
“ฉลาดก็ฉลาดอยู่หรอก แต่นางแล้งน้ำใจ”
“ต่อให้นางเย็นชาแล้งน้ำใจ ก็ไม่มีทางไม่สนใจพวกเราหรอก เรื่องนี้ท่านก็เห็นแล้ว อีกอย่างนางยังให้หลี่ต้ากุ้ยซื้อของมาให้ตั้งมากโดยไม่ได้เอาเงินไปจากข้าเลยสักอีแปะ” สะใภ้หวังเอ่ยเรื่องที่ฉินหลิวซีทำลับหลังทั้งหมดออกมา
นางฉินผู้เฒ่ามีสีหน้าประหลาดใจทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น “รอให้ตระกูลฉินดีขึ้นภายหลัง ตอนที่นางแต่งงานออกเรือนจะต้องมีสินเดิมให้นางไม่น้อย”
สะใภ้หวังเพียงยิ้มแต่ไม่ได้รับคำ ในใจกลับรู้สึกแปลกประหลาด ฉินหลิวซีเป็นคนลึกลับ เกรงว่าพวกนางคงต้องทำความรู้จักไปอีกสักระยะ
หลังจากออกจากห้องของนางฉินผู้เฒ่าแล้ว สะใภ้หวังก็เดินกลับไปที่คลังเก็บของช้าๆ นางยังไม่ทันจะได้เข้าไปในลานบ้าน ก็ได้ยินเสียงเร่งร้อนเป็นกังวลของเสิ่นหมัวหมัวออกมาเสียก่อน และ…
สะใภ้หวังเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น และได้เห็นสะใภ้เซี่ยพาเด็กๆ ไปหยิบเอาผ้าไหมผืนที่ดีที่สุดจำนวนหนึ่งไม่ผิดไปจากที่คิด สีหน้าของนางเข้มขึ้นทันที “น้องสะใภ้รอง นี่เจ้ากำลังทำอันใดอยู่หรือ”
สะใภ้เซี่ยแข็งทื่อไปทันที แล้วก็แย้มยิ้มออกมา “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าก็เพียงได้ยินว่าพ่อบ้านหลี่ซื้อผ้าและไหมพวกนี้มา ข้าคิดว่าช่วงนี้ท่านแม่ก็ป่วยอยู่ ก็เลยว่าจะเย็บเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ท่านอารมณ์ดีขึ้นบ้าง ผ้าพวกนี้ดูเหมือนจะมีคุณภาพธรรมดาทั่วไป แต่ก็ยังพอรับได้ ให้ข้าเอาไปก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ”
คนเราเมื่อดวงตามีแต่ความโลภแล้วก็มองอะไรอื่นไม่เห็นทั้งสิ้น
สีหน้าสะใภ้หวังเย็นชา “น้องสะใภ้รองมีใจกตัญญูก็เป็นเรื่องที่ดี เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าไปหาท่านแม่ด้วยกันกับข้า ให้ท่านแม่ดูว่าชอบลายพวกนี้หรือไม่แล้วค่อยตัดสินใจ”
ตอนที่ 70 นังเด็กวางท่าใหญ่โต
พอได้ยินว่าจะต้องไปหาฮูหยินฉินผู้เฒ่า สะใภ้เซี่ยก็ขลาดกลัวขึ้นมาทันที
นางไม่ได้โง่เสียหน่อย นางย่อมรู้ว่าที่สะใภ้หวังเสนอขึ้นมาเช่นนี้ไม่ได้ต้องการจะให้หญิงชราดูหรอกว่าจะชอบผ้าลวดลายนี้หรือไม่ แต่ต้องการให้หญิงชราสั่งสอนนางต่างหาก
เดิมทีฮูหยินฉินผู้เฒ่าก็เหนื่อยล้าทั้งกายใจเพราะเรื่องภายในบ้านอยู่แล้ว ถึงตอนนี้ก็ยังป่วยอยู่ ลองนึกภาพว่าหากวุ่นวายไปถึงหญิงชราเพราะแค่เรื่องผ้าไม่กี่ชิ้นนี้จริงๆ หญิงชราผู้ชาญฉลาดจะไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องใดขึ้นที่นี่หรือ
ถึงตอนนั้นนางก็คงจะถูกดุด่าเละเทะไม่มีชิ้นดี
“ดูพี่สะใภ้ใหญ่เอ่ยเข้าสิ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่จำเป็นต้องไปถามท่านแม่หรอกกระมัง ค่อยทำให้ท่านประหลาดใจตอนนั้นไม่ดีกว่าหรือ” สะใภ้เซี่ยหยัน
สะใภ้หวังเอ่ย “จะเอาอกเอาใจท่านแม่ก็ควรให้ถูกใจท่านด้วยสิ”
เมื่อเห็นว่านางไม่ยอมท่าเดียว หน้าตาของสะใภ้เซี่ยก็บูดบึ้งขึ้นเล็กน้อย นางจะเอาผ้าพวกนี้ไปแล้วจะอย่างไรหรือ
สะใภ้เซี่ยต้องการจะก่อกวนสร้างปัญหาเหมือนเมื่อก่อน สะใภ้หวังกลับไม่เปิดโอกาสให้ นางหันไปมองเสิ่นหมัวหมัว “ให้ฉีหวงเอาผ้าพวกนี้กลับไปไว้ที่คลัง ถึงอย่างไรคุณหนูของนางก็เป็นคนสั่งให้คนเอากลับมา จะได้รู้ด้วยว่าซีเอ๋อร์ได้สั่งความไว้หรือไม่ว่าจะให้จัดการอย่างไร”
“เจ้าค่ะ”
สะใภ้เซี่ยกลับอึ้งงันไป “พี่สะใภ้ใหญ่ นี่มันหมายความว่าอย่างไร นังหนูซีเป็นคนสั่งให้คนเอาผ้าพวกนี้กลับมาอย่างนั้นหรือ”
“ก็ใช่น่ะสิ” สะใภ้หวังถอนใจ ไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นทำอย่างไรถึงได้นำเอาของพวกนี้กลับมาบ้านได้โดยไม่มีคนรู้ ความรอบคอบเช่นนี้ทำให้ผู้ใหญ่อย่างนางต้องอับอายแล้ว
ทันใดนั้นสะใภ้เซี่ยก็รู้สึกว่าผ้าในมือของนางร้อนลวกมือจนต้องวางลง
สะใภ้หวังเห็นเช่นนั้นก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยไม่เป็นที่สังเกต
ฉีหวงเข้ามาอย่างรวดเร็ว นางได้ฟังเรื่องพฤติกรรมของสะใภ้เซี่ยจากเสิ่นหมัวหมัวมาในระหว่างทาง จึงนึกดูถูกอีกฝ่ายอยู่ในใจ ดังนั้นตอนที่นางมาถึงจึงมองสะใภ้เซี่ยด้วยสายตาเฉยเมย และเพียงแต่คารวะต่อสะใภ้หวังเท่านั้น
“คุณหนูใหญ่บอกว่า ตอนนี้ฮูหยินใหญ่เป็นนายหญิงในบ้าน เรื่องของใช้ทั้งหมดให้ฮูหยินใหญ่เป็นคนจัดการแบ่งปันจัดสรรเจ้าค่ะ”
“นังหนูซีไปหาวิธีการนอกรีตนอกรอยแบบไหนถึงได้ของพวกนี้มา นางเป็นแค่เด็กสาวคนหนึ่ง อย่าได้ไปหลอกหลวงคนอื่นมาจะดีกว่า” สะใภ้เซี่ยไม่พอใจ อดเสียดสีออกมามิได้
สีหน้าสะใภ้หวังเข้มขึ้น “น้องสะใภ้รอง เจ้าเองก็เป็นอาสะใภ้ของนาง เอ่ยสิ่งใดออกมาน่ะ”
ฉีหวงเหลือบไปมอง “คำพูดนี้ของฮูหยินรองทำให้ข้ารู้สึกขบขันจริงๆ วิธีการนอกรีตนอกรอยหรือ ท่านคงไม่ได้คิดว่ามีลมหอบพัดมาหรอกกระมัง ไหนเลยจะมีเรื่องดีแบบนั้นได้ ก็แค่มีพ่อค้าคนหนึ่งที่ได้รับความช่วยเหลือจากคุณหนูใหญ่ จึงได้ให้สินค้าคุณภาพดีมาในราคาถูก ซื้อมาด้วยเงินจริงๆ และเป็นคนผู้นั้นที่รู้คุณ ไม่เหมือนกับคนบางคนที่เป็นหมาป่าเนรคุณไม่รู้จักดีชั่ว”
สะใภ้เซี่ยโกรธจัด “เอ๊ะ นังเด็กนี่พูดจาเสียดสีใครกัน เจ้าว่าใครเป็นหมาป่าเนรคุณ!”
ฉีหวงกลับไม่สนใจนางและย่อตัวลงคำนับสะใภ้หวังอีกครั้ง “ฮูหยินใหญ่ ในเมื่อคุณหนูใหญ่บอกเอาไว้แล้ว ท่านก็จัดการแบ่งได้เลยเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่เคยพูดไว้ว่านางยินดีจะให้ ก็แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น หากนางไม่ยินดีจะให้ ต่อให้ใครเอาไป นางก็จะหาวิธีให้คนผู้นั้นคายออกมาได้เองอยู่ดีเจ้าค่ะ”
นางเอ่ยจบก็โค้งคำนับเล็กน้อยแล้วจากไป
“นังเด็กนี่ว่างท่าใหญ่โต โอหังนัก พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านเห็นแล้วหรือไม่ ท่านไม่สั่งสอนนางบ้างหรือ” สะใภ้เซี่ยมองท่าทางเย่อหยิ่งของฉีหวงแล้วก็รู้สึกคล้ายกับเห็นท่าทางว่างท่าของฉินหลิวซี
สะใภ้หวังเอ่ยเรียบๆ “นางเป็นสาวใช้ของซีเอ๋อร์ นางเองก็โตแล้ว ย่อมรู้ว่าจะอบรมสั่งสอนคนของตนอย่างไร ข้าจะไม่ล้ำเส้นนาง น้องสะใภ้รอง เจ้ากลับไปก่อนเถิด เมื่อจัดสรรของเรียบร้อยแล้ว ข้าจะให้คนส่งไปให้เจ้าเอง”
“พี่สะใภ้!”
สะใภ้หวังเองก็รู้สึกรำคาญ สีหน้านางเย็นชาลงเล็กน้อย “น้องสะใภ้รอง ช่วงนี้ธาตุไฟข้าค่อนข้างจะมาก”
สะใภ้เซี่ย “…”
ภายใต้สายตาเย็นชาของสะใภ้หวัง นางเองก็ไม่กล้าเอ่ยอะไรอีก ได้แต่เอ่ยทิ้งท้ายด้วยคำพูดแปลกๆ ไว้ “หากพี่สะใภ้ธาตุไฟมากก็หาอันใดดื่มดับไฟไปเถิด อย่ามาลงที่ข้าก็แล้วกัน”
เสิ่นหมัวหมัวมองนางจากไปด้วยความรู้สึกสงสารฮูหยินของตนในใจ “ฮูหยินใหญ่ ฮูหยินรองนี่ช่าง…”
นางไม่สนใจใดๆ ทั้งสิ้นว่าสถานการณ์ที่บ้านจะเป็นอย่างไร ยังจะก่อกวนสร้างความวุ่นวายอีก
สะใภ้หวังลูบปลายคิ้ว “นิสัยนางเป็นเช่นนี้ หากเปลี่ยนไปสิถึงจะแปลก ช่างเถิด ไปเรียกเสวี่ยเอ๋อร์มาช่วยจัดการดีกว่า”