คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 722 หนี้บุญคุณใหญ่หลวง
ตอนที่ 722 หนี้บุญคุณใหญ่หลวง
เฉวียนจิ่งตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เป็นเวลาสามวันผ่านไปแล้ว ลืมตาขึ้นมา ร่างกายอบอุ่นเพราะแสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามายังร่างกาย
เขาเท้าสองแขนก่อนจะดันตัวลุกขึ้น ทว่าร่างกายกลับโงนเงน เวียนศีรษะจนรู้สึกภาพตรงหน้ามืดลง จำต้องหยุดนิ่งตั้งสติ
“นายน้อย ท่านตื่นแล้ว รีบนอนลงเถิดขอรับ” เฉวียนอันเดินเข้ามาจากด้านนอก ในมือยกถาดถาดหนึ่งเข้ามา รีบวางเอาไว้บนโต๊ะ มาถึงข้างกายเขาก็ประคองให้เขานอนลง
เฉวียนจิ่งจับข้อมือของเขาไว้ สัมผัสถึงความอุ่นนั้น เอ่ยถามอย่างงุนงง “ข้ายังไม่ตายหรือ”
“เฮ้ยๆ นายน้อยท่านอย่าได้เอ่ยคำโชคร้ายนี้อีก หากท่านพักผ่อนให้ดี การผ่านเคราะห์กรรมครั้งใหญ่แล้วไม่ตายจะต้องมีโชคดีตามมาอย่างแน่นอน” เฉวียนอันท้วงติง เอ่ยไปเอ่ยมาพลันยิ้มออกมา กระบอกตาแดงขึ้นมา
สวรรค์รู้ ภาพน่าตกใจในคืนนั้นทำให้เขาต้องตื่นกลัวจนดวงจิตแทบบินหนีไป โชคดีฉินหลิวซีกลับมาทันเวลา และคุณชายเองก็ต่อสู้ดิ้นรน มิฉะนั้นคงได้กินเลี้ยงอย่างแท้จริงแล้ว
เฉวียนจิ่งยิ้มโง่เขลา เขาไม่ตายจริงๆ หรือ
เขารีบจะก้าวลงพื้น รับรู้ถึงร่างกายของตนเอง ทว่าเพียงเคลื่อนไหวกลับเวียนศีรษะ ร่างกายของเขาโงนเงนอีกครั้ง ภาพตรงหน้ามืดลงอีกคราว ก้นกระแทกลงกับเตียง
“เวียนหัวมาก”
“ข้าบอกแล้วให้ท่านนอนลงท่านก็ไม่ฟัง ต้องเวียนศีรษะอยู่แล้ว ท่านอาเจียนเอาเลือดพิษในตัวท่านออกมาจนสะอาดแล้ว เสียเลือดมากเกินไป เจ้าอาวาสน้อยบอกแล้วท่านต้องค่อยๆ บำรุง ดื่มน้ำแกงบำรุงหยินสร้างเลือดให้มาก เดี๋ยวก็ดีขึ้นขอรับ” เฉวียนอันยกถาดย้ายมาใกล้ เอ่ย “นางบอกว่าวันนี้ท่านคงจะฟื้นแล้ว เป็นเช่นนี้จริงด้วย ข้าให้คนครัวตุ๋นน้ำแกงไก่เออเจียว[1]ไว้ให้ ท่านดื่มก่อนเถิด”
เฉวียนจิ่ง “เออเจียว…ไม่ต้องกระมัง”
“อยากรีบหาย น้ำแกงต่างๆ ก็ไม่อาจเลี่ยงได้” เฉวียนอันหยิบถ้วยน้ำแกงขึ้นมา ใช้ช้อนคนให้เย็น เหลือเพียงไม่ได้ป้อนถึงปากเขา
เฉวียนจิ่งรับไม่ไหว รับมาด้วยความกลัดกลุ้มแล้วกลืนลงไปในคำเดียว ก่อนจะยื่นถ้วยคืนไปให้ เอ่ยว่า “พิษนี้ของข้า ถอนแล้วหรือ”
“นายน้อยรู้สึกร่างกายเป็นอย่างไรบ้างขอรับ”
เฉวียนจิ่งขยับมือเท้า เอ่ย “ไม่มีกำลัง แต่ความรู้สึกหนักเหนื่อยของการถูกพิษ ไม่เหลือแล้ว ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย”
“เช่นนั้นก็ถูกแล้ว” เฉวียนอันปรบมือ เอ่ย “ไม่มีแรงเพราะท่านเสียเลือดมากเกินไป จึงเวียนศีรษะไร้เรี่ยวแรง แต่ร่างกายท่านเบาขึ้น นั่นเป็นเพราะถอนพิษออกไปแล้ว ท่านเจ้าอาวาสน้อยบอกแล้ว กู่หนอนไหมทองอยู่ในร่างกายของท่าน ใช้ชีวิตร่วมกับท่าน ยังจะช่วยกำจัดพิษที่เหลือยู่ในร่างกายของท่านให้สะอาด จนกระทั่งไม่มีอันตราย แต่เพราะก่อนหน้านี้ร่างกายสูญเสียจึงยังต้องบำรุงให้ดี”
“กู่หนอนไหมทอง…” เฉวียนจิ่งก้มหน้ามองตนเอง เอ่ย “เจ้าเล่าให้ข้าฟัง เรื่องตอนที่ข้าถอนพิษ”
เฉวียนอันนึกถึงเรื่องในคืนนั้นก็หวาดกลัวขึ้นมาอีก เล่าให้เขาฟังอย่างละเอียด เมื่อเล่าจบจึงเอ่ย “ท่านเจ้าอาวาสน้อยบอกว่า ยมทูตมาแล้ว รออยู่ด้านนอก บอกว่าเขาทัดดอกไม้ นายน้อย ยมทูตยังมีทัดดอกไม้ด้วยหรือ”
เฉวียนจิ่งกลับมีภาพในหัวแวบขึ้นมา ปรากฏภาพคนคนหนึ่ง ไม่ใช่กระมัง
“อย่างไรนายน้อยท่านไม่ใช่ก้าวเท้าข้างเดียวเข้าไปในประตูผี แต่เป็นสองเท้าก้าวเข้าไปแล้ว ขาดแต่เพียงประตูผีปิดลงเท่านั้น เป็นเจ้าอาวาสน้อยดึงท่านกลับมาได้” เฉวียนอันเอ่ยออกมาอย่างตกตะลึง “นางอายุยังน้อย ความสามารถไม่ธรรมดา นายน้อย ตระกูลเฉวียนของเราติดหนี้บุญคุณใหญ่หลวงแล้ว”
เฉวียนจิ่งส่งเสียงอืมขึ้นมา เอ่ย “ดังนั้นตอนนี้กู่หนอนไหมทองยังอยู่ในร่างกายของข้าหรือ”
“ใช่ขอรับ นายน้อยตอนนี้ท่านเรียกได้ว่าเก็บของล้ำค่าได้ ได้ยินว่ากู่หนอนไหมทองอยู่ในร่างกาย ชนะพิษนับร้อย ยังทำให้ร่ำรวยด้วย”
เฉวียนจิ่งกลับไม่อาจสัมผัสได้ว่ามันอยู่ส่วนใด กระทั่งไม่อาจสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวของมัน แมลงกู่ มหัศจรรย์เช่นนี้
“ไม่ต้องคิดร่ำรวยไม่ร่ำรวยแล้ว ข้าทำสัญญาเลือดกับมัน เป็นร่างกายเดียวกัน ในเมื่อมันปกป้องข้า แน่นอนว่าข้าจะเห็นมันเป็นดั่งคนในครอบครัวเป็นดั่งชีวิต” เฉวียนจิ่งเอ่ยขึ้นมาหนึ่งประโยค
เพิ่งเอ่ยจบ หัวใจเขาพลันรู้สึกแปลก เปิดเสื้อออกดู ผิวหนังบริเวณหัวใจมีความเคลื่อนไหวเบาๆ
เขาตกใจโดยไม่อาจห้ามได้ ยกมือขึ้นมาสัมผัส สมองมึนชา จิตวิญญาณคล้ายได้รับเสียงสะท้อน มีความสุขหรือ
นี่คือกู่หนอนไหมทองหรือ
เฉวียนจิ่งยิ้มบางๆ
เฉวียนอันให้เขาดื่มน้ำแกงอีกถ้วย จากนั้นก็วางลง จึงเอ่ยด้วยใบหน้าจริงจัง ถาม “นายน้อย หว่านไป๋และเหนียงจื่อผู้มีพิษนั่น ท่านคิดจะจัดการอย่างไรขอรับ”
เฉวียนจิ่งหุบยิ้ม เอ่ย “จับตัวได้แล้วหรือ”
“ขอรับ ยังเกือบสังหารคนของเรา หากไม่ใช่เพราะยาถอนพิษของท่านเจ้าอาวาสน้อยร้ายกาจ เกรงว่าคงตายไปแล้วขอรับ” เฉวียนอันกัดฟันด้วยความโกรธ
พิษเป็นสิ่งยุ่งยาก เหมือนวันนั้นที่เขาส่งหว่านไป๋กลับไป แต่นางกลับเรียกอาจารย์ของนางกลับมาพร้อมกัน ยังใช้พิษกับคนของเขา จึงทำให้ตัวเขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย
หากเป็นเมื่อก่อน เฉวียนจิ่งยังมีความรู้สึกขอบคุณต่อหว่านไป๋ อย่างไรนางก็ดูแลอาการป่วยของเขามานาน แต่เขาจ่ายค่ารักษาไปมากพอแล้ว ถือว่าจบกันแล้ว
หว่านไป๋กลับไม่ยอมหยุดอ้างว่าทำเพื่อเขาด้วยการบุกมาเช่นนั้น นั่นไม่เท่ากับการสังหารเขาหรอกหรือ
อะไรนะ สังหารโดยไม่ตั้งใจหรือ
สังหารโดยไม่ตั้งใจก็คือสังหาร
นึกถึงตอนนางป้อนยาถอนพิษให้เขากลืนลงไป ตนเองเป็นราวกับปลาที่อยู่บนเขียงปล่อยให้คนถอดเกล็ดแล่เนื้อ ใบหน้าของเฉวียนจิ่งพลันทะมึนลงไม่น้อย
เฉวียนจิ่งหลุบตา เอ่ยเสียงเย็น “กำจัดไปเงียบๆ เถิด”
เฉวียนอันตกใจ เอ่ย “หว่านไป๋นั่นไม่เป็นไร เหนียงจื่อผู้มีพิษแม้ไม่ใช่คนดีอะไร แต่นายน้อย นางเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดของมู่ซื่อจื่อนั่นนะขอรับ”
“เพียงมารดาผู้ให้กำเนิดเท่านั้น ดูเหมือนว่าเฉิงเอินโหวและครอบครัวของเขาจะสนใจมารดาผู้ให้กำเนิดที่มีพื้นเพมาจากป่าเขียว[2]มากนัก ฮูหยินเฉิงเอินโหวก็ยิ่งไม่สนใจ พวกเขายังจะเป็นศัตรูกับตระกูลเฉวียนเพราะนางได้หรือ” เฉวียนจิ่งเอ่ยเสียงเย็น
เฉวียนอันคิดในใจว่าเป็นเช่นนี้จริงๆ จวนเฉิงเอินโหวนั้นแทบอยากให้มู่ซื่อจื่อออกมาจากครรภ์ของแม่ใหญ่ จะมาสนใจสตรีในยุทธภพเพียงคนเดียวทำไมกัน หากสนใจ คงรับนางเข้าจวนแล้วกระมัง
เฉวียนจิ่งเอ่ยขึ้นอีก “อย่าว่าแต่พวกเขาไม่สนใจเลย ต่อให้สนใจจริงๆ ก็ไม่กล้าแสดงออก อย่างไรนางก็เป็นสตรีที่ใช้พิษได้ มีคนแบบนี้อยู่ ฝ่าบาทจะวางใจต่อฮองเฮาได้หรือ และเพราะจนถึงตอนนี้ฮองเฮามีองค์หญิงเพียงพระองค์เดียว มิเช่นนั้น…”
เฉวียนอันหัวใจสั่นไหวอยู่ในใจ
เชื้อพระวงศ์ไร้หัวใจ
ฝ่าบาทให้ความสำคัญกับบัลลังก์มังกรของตนที่สุด มีความระแวงที่สุด โดยเฉพาะเมื่ออายุมากขึ้น พระโอรสก็เติบโตขึ้น หัวใจของฝ่าบาทเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยากยิ่ง
บ้านเดิมของฮองเฮามีสตรีอย่างเหนียงจื่อผู้มีพิษสักคน หากจะใช้ยาพิษแบบไร้สีไร้กลิ่น เช่นนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกหรือ
เรื่องที่แม้แต่พวกเขายังเข้าใจ ตระกูลมู่จะไม่เข้าใจหรือ
ดังนั้นหลายปีมานี้จึงไม่เห็นตระกูลมู่ไปมาหาสู่กับเหนียงจื่อผู้มีพิษ มีเพียงเหนียงจื่อผู้มีพิษที่ไปหามู่ซื่อจื่ออยู่บ้าง แต่สองปีมานี้เพื่อหลีกเลี่ยงข้อสงสัยจึงน้อยลงแล้ว
ดังนั้นเฉวียนจิ่งกล้าลงมือกับเหนียงจื่อผู้มีพิษ
คนในยุทธภพและราชสำนักไม่ยุ่งเกี่ยวต่อกัน แต่เมื่อเทียบกับครอบครัวขุนนางผู้มีอำนาจ ต่อให้คนป่าเขียวเหล่านั้นจะมีความสามารถ สู้จำนวนกำลังคนกับพวกเขาได้หรือ
เฉวียนอันเอ่ย “เช่นนั้นข้าจะไปจัดการสักหน่อยขอรับ”
“อืม”
เฉวียนอันช่วยเขาล้างหน้าล้างตา ประคองเขาไปนั่งลงที่เตียงหลัวฮั่น[3] ยกน้ำชาพุทราแดงบำรุงเลือด หยิบหนังสือตำรารบที่เขาชอบอ่านอยู่บ่อยครั้งมาให้ จากนั้นจึงออกไปจัดการธุระ
เฉวียนจิ่งเอนตัวลงบนหมอนอิงใบใหญ่ ไม่รีบหยิบตำรารบมาอ่าน เพียงมองมือที่อาบไปด้วยแสงแดดของตน เขายังถือหอกได้ ลงสนามรบ ปกป้องแผ่นดิน
ดีจริงๆ
[1]น้ำแกงไก่เออเจียว เป็นยาแผนจีนที่เป็นเจลาตินที่สกัดจากหนังลา รสหวาน เข้าสู่เส้นลมปราณปอด ตับ และไต บำรุงเลือด เสริมหยิน ทำให้ชุ่มชื้น ทำให้เลือดหยุดไหล
[2] ป่าเขียว คำนี้ใช้เรียกกลุ่มคนที่รวมตัวกับหลบซ่อนตัวอยู่ในป่าลึกค่ะ
[3]เตียงหลัวฮั่น.ตั่งไม้ยาวสำหรับนั่งคนเดียว