คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 736 จะต้องหลอกนางไปอารามให้ได้
ตอนที่ 736 จะต้องหลอกนางไปอารามให้ได้
ซานหยวนรู้สึกว่าเขาคงต้องตายอยู่ที่นี่แล้ว มือผีบีบคอเขาแน่นขึ้นเรื่อยๆ อากาศในอกและปอดของเขาเริ่มน้อยลงทุกที ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีม่วง สองตาเหลือกขึ้นข้างบนอย่างช่วยไม่ได้
แต่ในสายตาของหรงอันจวิ้นจู่และคนอื่น เขาก็แค่บีบคอตนเอง ร่างลอยคว้างกลางอากาศ
ทว่าภาพที่เห็นนั้นยิ่งน่ากลัวกว่า
หรงอันจวิ้นจู่ตกใจจนหน้าซีด แทบอยากจะเป็นลมทันที แต่สายตาบุตรสาวงี่เง่าของนางยังเหมือนอยู่ในภวังค์ เรียกหาโจวหลางอย่างหมกหมุ่นคลั่งไคล้
ใบหน้าของนักพรตเฒ่าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขาลุกขึ้นจากพื้น หยิบเข็มทิศออกมา ดวงตาของเขาแสดงท่าทีไม่เต็มใจ แต่ก็โยนมันใส่ผีร้ายอย่างเด็ดเดี่ยว “อาวุธวิเศษใต้หล้า แก่นแท้ของแปดทิศ แสงทองปรากฏขึ้นในชั่วขณะ ปกป้องแท่นพิธี กำจัดความชั่วร้าย!”
ตอนที่เข็มทิศกระทบโดนผีร้าย แสงสีทองจางๆ ก็ปรากฏขึ้น เขาพ้นลมเยาะหยัน จำต้องโยนซานหยวนออกไปและยกมือสกัดกั้น
ตึก
เข็มทิศหล่นลงพื้นและแยกออกเป็นสองส่วน
นักพรตเฒ่าพ่นเลือดออกมาอีกครั้ง สายตาของเขาโศกเศร้าเล็กน้อย ของสำคัญในการทำมาหากินของเขาก็ไม่มีแล้ว
“ซานหยวนหนีเร็ว”
ผีร้ายพ่นลมออกมาด้วยโทสะ “ทำให้ข้าเจ็บ แล้วยังคิดจะหนีหรือ ใครก็อย่าคิดหนี”
ไอผีอันมืดมนกวาดไปทางซานหยวน ห่อหุ้มตัวเขาไว้และม้วนไปกลางอากาศ ก่อนจะตกลงสู่พื้นอย่างแรง
“ซานหยวน!” นักพรตเฒ่าตื่นตระหนก
คราวนี้แย่แล้วจริงๆ ตายด้วยกันแน่
ซานหยวนเองก็คิดเช่นเดียวกัน หากเขารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เขาคงจะให้ตาเฒ่าได้ดื่มสุราก่อนตายสักกา
เขารอให้ความเจ็บปวดมาถึงอย่างสงบ แต่รออยู่นานแล้วก็ยังไม่ถึงจุดสิ้นสุดเสียที เขาถูกผีร้ายนั่นม้วนขึ้นไปสูงขนาดนั้นเลยหรือ
เมื่อลืมตาขึ้น ซานหยวนก็เห็นใบหน้าที่ดูดี แต่มีแววเย็นชาเล็กน้อย
ฉินหลิวซีปล่อยมือที่จับสาบเสื้อเขาทันที
ปัง
ซานหยวนล้มลงกับพื้นบนทางเล็กที่ปูด้วยหินกรวดพอดี เขาสูดปากด้วยความเจ็บปวด อดขึงตามองนางด้วยความโกรธไม่ได้
ในเรือนสงบลงเล็กน้อย ต่างก็มองดูชายหนุ่มที่ตกลงมาจากฟ้า เกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่นี้พวกเขาตะโกนเสียงดังแค่ไหนก็ยังไม่มีใครมา ราวกับถูกปิดกั้นจากโลกภายนอก คนผู้นี้มาจากไหนกัน
ฉินหลิวซีหันกลับมา และหันไปมองผีร้ายตนนั้น เมื่อเห็นว่าเขาแต่งตัวอย่างไร นางก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง และมีความรู้สึกเหมือนเคยรู้จัก
นางเคยเห็นภาพเช่นนี้ที่ไหน นางยกมือขึ้นเพื่อเปรียบเทียบหน้าเขา ก่อนจะเอ่ย “เป็นการแต่งตัวแต่งหน้าของท่านยายเฮยซาน เสี่ยวเชี่ยนหรือไม่”
ผีร้าย “?”
ทันใดนั้นฉินหลิวซีก็ทะลุกำแพงไอผีของเขาและเข้ามาในบริเวณเรือน สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก ทั้งร่างเขากำลังตะโกนบอกให้หนีไปให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นพลังหยินที่เขาดูดซับมามากมายและพลังตบะทั้งหมดก็จะสูญเปล่า
รังสีอันน่ากลัวจากร่างของอีกฝ่ายน่ากลัวมากจนทำให้เขาอยากคุกเข่าลง
แต่คนผู้นี้เอ่ยอะไร ใครคือท่านยายเฮยซาน เสี่ยวเชี่ยนคือใครกัน
นักพรตเฒ่าเดินเข้ามาอย่างเงียบๆ ลากซานหยวนออกไปข้างๆ แล้วมองฉินหลิวซีด้วยดวงตาเป็นประกาย
ยอดเยี่ยม คนคนนี้เปล่งแสงแห่งธรรมทั่วร่าง ต้องพาตัวนางกลับไปที่อารามของเขาได้ ถ้านางเข้าอารามเขา อารามหลงหู่ของพวกเขาจะไม่รุ่งเรืองได้หรือ
คนผู้นี้จะช่วยทำให้อารามหลงหู่ของพวกเขามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วแผ่นดินอย่างแน่นอน!
ฉินหลิวซีไม่รู้ว่าตนเองถูกนักพรตอัปลักษณ์นั่นหมายตาเข้าแล้ว เพียงแต่มองไปยังผีร้ายตนนั้นก่อนจะเอ่ย “เหตุใดเจ้าไม่พูดคำพูดยั่วยุประจำของพวกผีร้ายเล่า”
ถ้าไม่พูดนางก็ลงมือไม่ได้สิ ชาวบ้านเขาไม่ได้เชิญนางมาขับไล่ผีร้ายเสียหน่อย
ผีร้าย นี่มันคนโง่หรือ?
เขาใจกล้าขึ้นมาบ้าง ตะโกนออกไปอย่างอวดดี “คนโง่อย่างเจ้าโผล่มาจากไหน มายุ่งเรื่องชาวบ้าน!”
“ไม่ถูก เจ้าควรพูดว่านักพรตตัวเหม็นยุ่งเรื่องชาวบ้าน!” ฉินหลิวซีรีบพุ่งเข้าไปและยิ้มอย่างชั่วร้าย “ข้าพอใจ แล้วเจ้าจะทำอย่างไรได้”
อะไรนะ?
ผีร้ายมองดูนางดึงสร้อยหินเก้าตาออกมา ก่อนจะฟาดไปที่เขาทันที อ๊าก
ผีร้ายกรีดร้องอย่างน่าอนาถ ร่างวิญญาณแตกสลาย เขากระโดดหนีจากฉินหลิวซี และซ่อนตัวอยู่ในเรือนเล็กๆ ที่เขาเคยใช้หล่อเลี้ยงวิญญาณ
สวรรค์ นั่นมันกลิ่นอายของเทพเฟิงตู เหตุใดนางจึงมีหินเก้าตา นางเป็นลูกนอกสมรสของเทพราชาหรือ
เทพชั่วร้ายเช่นนี้มาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร
เทพเฟิงตู หุบปากไปเลย ใครมันจะทำเวรทำกรรมให้กำเนิดสัตว์ร้ายแบบนี้ออกมาได้!
ดวงตานักพรตเฒ่าและซานหยวนเต็มไปด้วยประกายแสงสีทอง แค่การโจมตีครั้งเดียว ครั้งเดียวก็ทำให้ผีร้ายนั่นต้องหนีได้แล้ว
เยี่ยมมาก เยี่ยมมากจริงๆ!
อาจารย์และศิษย์มองหน้ากันด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้า พวกเขาต้องหลอกลวง…ไม่ใช่ เชิญนางไปที่อารามให้ได้!
ลู่สวินกระโดดลงมาจากหลังคา “ฆ่าตายไปแล้วหรือ”
“ไม่นะ หนีเข้าไปหลบอยู่ข้างในแล้ว” ฉินหลิวซีชี้ไปที่เรือนเล็กๆ
หรงอันจวิ้นจู่มองพวกเขาและพยายามจับมือสาวใช้เพื่อยืนขึ้น “พวก พวกท่านเป็นใคร เหตุใดเจ้าจึงบุกเข้ามาในจวนของข้า?”
“คารวะหรงอันจวิ้นจู่ ข้าน้อยลู่สวิน” ลู่สวินโค้งคารวะ
“ลู่สวิน?” หรงอันจวิ้นจู่พึมพำ ดวงตาของนางเบิกกว้าง “ท่านเป็นบุตรชายขององค์หญิงใหญ่ หลานชายของฮูหยินเว่ยใช่หรือไม่”
“ถูกต้องแล้ว”
นั่นก็หมายความว่าเขามาจากทางบ้านตระกูลเว่ย หรงอันจวิ้นจู่หันไปมองเฉินหลิวซีอีกครั้งด้วยสายตากระตือรือร้น “แล้วนี่ใครหรือ”
นางมองไม่เห็นผีร้าย แต่หลังจากที่คนผู้นี่ปรากฏตัวขึ้น ในเรือนก็สงบลง แล้วยังมีกำไลหินเก้าตาที่ไม่ทราบที่มานั่นใช้ขับไล่ผีไปได้ทันทีอีก?
“ท่านนี้คือ…”
“ข้า เป็นนักพรตตัวเหม็นที่ยุ่งเรื่องชาวบ้านคนหนึ่ง” ฉินหลิวซีขัดจังหวะเขา
ดวงตาของหรงอันจวิ้นจู่เป็นประกาย “ท่านก็เป็นนักพรตด้วย? ตอนนี้วิญญาณผีร้ายนั่นแตกสลายไปแล้วหรือไม่”
“ไม่ ตอนนี้ซ่อนอยู่ข้างใน” ฉินหลิวซีชี้ไปที่เรือนเล็กๆ
ใบหน้าของหรงอันจวิ้นจู่ไม่พอใจ “แล้วทำไมท่านไม่ไปจัดการมันเล่า?”
“เพราะข้าไม่ยุ่งเรื่องของคนอื่น”
นี่ นี่มันขัดแย้งกันไม่ใช่หรือ
หรงอันจวิ้นจู่นิ่วหน้า ท่าทางกังวล
ลู่สวินกระแอมเบาๆ และเอ่ยกับหรงอันจวินจู่อ้อมๆ “ในเมื่อท่านเชิญปรมาจารย์มาแล้ว นางจึงไม่อาจบุ่มบ่ามลงมือได้ เพราะถึงอย่างไรท่านก็ไม่ได้เชิญนางมามิใช่หรือ ตอนนี้นางลงมือเพื่อช่วยเหลือ ก็เพราะกลัวว่าสหายนักพรตน้อยท่านนั้นจะถูกฆ่าตายเท่านั้น”
หรงอันจวิ้นจู่ส่งเสียงเย้ยหยันออกมา “ผีร้ายนั่นทรงพลังมาก พวกเขาก็ไม่มีความสามารถถึงเพียงนั้น ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องให้นักพรตน้อยท่านนี้ช่วยเหลือ”
ได้รับความช่วยเหลือจากนักบวชลัทธิเต๋าตัวน้อยคนนี้
นักพรตเฒ่าและซานหยวนรู้สึกละอายใจมาก และตั้งใจที่จะหลอกฉินหลิวซีเข้าอารามของพวกเขาด้วย
ถ้าจับนางได้ อารามผุพังก็มีหวังจะได้เปลี่ยนแปลง!
ลู่สวินเห็นว่านางไม่เข้าใจ จึงได้เตือนนางอีกประโยค “ถ้าอย่างนั้นก็ขึ้นอยู่กับความจริงใจของจวิ้นจู่แล้ว”
หรงอันจวิ้นจู่เข้าใจแล้ว และก้าวเข้าไปเอ่ยกับฉินหลิวซี “ขอเพียงท่านนักพรตน้อยสามารถกำจัดผีร้ายตัวนั้นได้ ข้าจะตอบแทนให้อย่างงาม”
ฉินหลิวซีเหลือบมองนางโดยไม่พูดอะไร จากนั้นจึงหันไปมองคุณหนูมู่ที่พยายามดิ้นรนจะแยกตัวออกไปเพื่อพุ่งกลับเข้าไปในบ้าน เดินเข้าไปมองนางขึ้นๆ ลงๆ
ร่างกายผ่ายผอม ใต้ตาดำคล้ำ ใบหน้าซีดเซียวสายตาไร้แวว แต่เมื่อแววตาขยับกลอกกลับเต็มไปด้วยเสน่ห์ และเป็นเสน่ห์แบบที่เข้าใจเรื่องทางโลกเป็นอย่างดี
ฉินหลิวซียกข้อมือนางขึ้นมาตรวจชีพจร น้ำไตไม่เพียงพอ ชีพจรเบาบางและเร็ว และขาดแก่นหยิน แต่นางก็ยังเป็นสาวพรหมจรรย์อยู่
“ผีร้ายตัวนั้นดูดซับแก่นหยินของเจ้าผ่านความฝันหรือ” ฉินหลิวซีเอ่ยออกมาอย่างมั่นใจ
ลู่สวินงุนงงอยู่บ้าง มันหมายความว่าอย่างไรกัน
แต่ในสมองของหรงอันจวิ้นจู่นั้นมีแต่เสียงอื้ออึง นางแทบยืนไม่อยู่