คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 738 หลอกล่อ ติดกับแล้ว?
ตอนที่ 738 หลอกล่อ ติดกับแล้ว?
ผีหมอนถูกฟาดด้วยกำไลหินเก้าตา ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ดวงวิญญาณอ่อนแอลงเล็กน้อย
ไม่พูดสักคำก็ตีกันแล้ว หรือจะสู้ตายกับนางดี?
แกรก แกรก
เมื่อได้ยินเสียงหินกระทบกันอยู่ในมือนาง ผีหมอนก็คุกเข่าลงตัวตรงอีกครั้ง ยอมรับผิดอย่างจริงใจว่า “เป็นข้าน้อยที่อวดเก่งต่อหน้านายท่าน นายท่านสั่งสอนถูกแล้ว!”
ทุกคน “…”
ดีจริงๆ ข้าคิดว่าผีร้ายตนนี้ก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรแล้ว!
ที่แท้นี้ก็เป็นความรู้สึกที่ได้แรงสนับสนุนพึ่งพาผู้มีฝีมือ ช่างวิเศษจริงๆ!
ดวงตาของนักพรตเฒ่าแทบจะเปล่งประกายออกมา คนมีความสามารถเช่นนี้ ควรจะเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดโดยตรงของอารามหลงหู่ของพวกเขา!
ฉินหลิวซีมองผีหมอนพลางเอ่ย “เจ้าเป็นตัวอะไร ไยจึงได้อยู่ในหมอนหยกทำร้ายผู้คนเช่นนี้”
ผีหมอนรีบตอบทันที “ตอนที่ข้าน้อยยังมีชีวิตอยู่เป็นแม่เล้าในหอคณิกา เดิมทีหมอนหยกนี้เป็นทรัพย์สินส่วนตัวของข้า ข้าเป็นลมเสียชีวิตไปกะทันหัน รู้สึกไม่เต็มใจจึงได้เข้าไปอยู่ในหมอนหยก เป็นผีหมอน”
หรงอันจวิ้นจู่ดวงตามืดมน โกรธจนสั่นไปทั้งตัว
เดี๋ยวก็เป็นแม่เล้า เดี๋ยวก็เป็นลมตาย นางก็ว่าบุตรสาวซึ่งปกติท่าทางสง่างามมีเกียรติเหตุใดจึงได้กระโดกกระเดก มีเล่ห์เหลี่ยมมารยา ที่แท้ก็เป็นคนเลวทรามสกปรกผู้นี้ที่สอนนาง
“ตีเขาให้ตาย รีบตีเขาให้ตาย!” หรงอันจวิ้นจู่โกรธจนดวงตาแดงก่ำ
ลู่สวินเอ่ยว่า “แม่เล้าไม่ได้เป็นสตรีหรอกหรือ”
ผีหมอนกระแอมพลางเหลือบมองเขา เอ่ย “มองดูก็รู้ว่าเจ้าเป็นเด็ก ยังไม่เคยเสียพรหมจรรย์เลยกระมัง ใครบอกแม่เล้ามีแต่สตรี บุรุษก็มี และข้าก็เคยเป็นทั้งแม่เล้าดูแลหอ ทั้งยังเคยเป็นนางคณิกา ขึ้นอยู่กับว่าอยากให้เป็นอะไร บรรดาคณิกาในหอ เมื่อข้าสวมชุดกระโปรงแต่งหน้ายังดูมีเสน่ห์กว่าสตรีเสียอีก มีบุรุษบางคนก็ชอบข้ามากกว่า”
เข้าใจแล้ว เจ้ายังแสร้งทำเป็นสตรีปลอมได้อีกด้วย!
ฉินหลิวซีสบถอย่างเย็นชา “ไม่แปลกใจเลยที่ผู้ชายก็ไม่ใช่ผู้หญิงก็ไม่เชิง ที่แท้ก็เป็นทั้งชายและหญิง”
หลายคนมองไปที่นาง คำพูดรุนแรงเช่นนี้ ใช่คำพูดที่เจ้ากล่าวออกมาได้หรือ
ลู่สวินกลับหน้าแดงพลางลูบจมูก
เด็กชายวัยยี่สิบกว่าปี ไม่มีอะไรจะอวดได้เลยจริงๆ!
ผีหมอนประจบประแจงต่อว่า “ท่านไต้ซือ ข้าก็ไม่ได้ทำร้ายนางจริงๆ เพียงแค่นึกสนุกขึ้นมา ครั้งนี้ท่านปล่อยข้าไปเถิด ข้าน้อยจะปรับปรุงตัวเป็นผีตนใหม่อย่างแน่นอน”
“ผิดแล้ว เจ้าทำร้ายนาง” ฉินหลิวซีส่ายหน้าพลางเอ่ย “เจ้าไม่ได้เอาชีวิตนาง แต่หากเป็นผู้ที่รักษาพรหมจรรย์ เมื่อฟื้นขึ้นมาแล้วนึกเรื่องนี้ขึ้นได้ จะยอมรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายได้อย่างไร แม้ว่านางจะไม่คิดสั้น แต่สิ่งนี้ก็จะกลายเป็นความทรงจำที่ไม่อาจทนได้สำหรับนาง มีความลับที่ไม่กล้าบอกใครเช่นนี้ นางจะใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ไม่ได้ไร้กังวลเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป ในกรณีร้ายแรงก็จะด้อยค่าตัวเอง สูญเสียความมั่นใจ สุดท้ายก็จะซึมเศร้า เช่นนี้เจ้ายังกล้าบอกว่าไม่ได้ทำร้ายนางจริงๆ อีกหรือ”
ผีหมอนสำลัก
หรงอันจวิ้นจู่ร้องไห้ “บุตรที่น่าสงสารของข้า”
ซานหยวนครุ่นคิด ในขณะที่อาจารย์ที่อยู่ข้างๆ ถอนหายใจอย่างเป็นกังวล “การที่เอ่ยเช่นนี้ได้ ทำให้รู้สึกว่าหลอกได้ยาก เป็นปัญหาแล้ว!”
“ความผิดของเจ้าจะถูกตัดสินโดยยมบาลผู้พิพากษา สิ่งที่เจ้าควรสมได้รับ ก็รับไปเสียเถิด” ฉินหลิวซีกล่าวอย่างไม่แยแส
ผีหมอนตื่นตระหนก
เมื่อเห็นว่าพื้นที่ว่างเปล่าบิดเบี้ยว มีเงาดำปรากฏขึ้นกลางอากาศ เขาตกใจกลัวเป็นอย่างมาก
ฉินหลิวซีมองไปยังเฮยอู๋ฉัง เอ่ยว่า “เหล่าเฮย รบกวนท่านแล้ว”
“นายท่านวางใจได้” เฮยอู๋ฉังเหลือบมองดูหินเก้าตาของมหาเทพในมือนางด้วยความอิจฉาเล็กน้อย สะบัดโซ่ตรวนวิญญาณ ผูกมัดผีหมอนที่อยากจะหลบหนีไปโดยไม่สนใจว่าเขาจะร้องขอความเมตตาอย่างไร ก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว
ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ
เวลากลับมาดำเนินต่อไป
“ไปในที่ที่เขาสมควรไปแล้ว จวิ้นจู่วางใจได้ ไม่มีอะไรแล้ว” ฉินหลิวซีจึงเอ่ยว่า “ไปเอาชาดแดงมา ข้าจะวาดยันต์สองสามยันต์กำจัดพลังหยินในห้องนี้ก็พอแล้ว”
หรงอันจวิ้นจู่ “ท่านไม่ได้หลอกข้า?”
“ข้ามีความจำเป็นต้องหลอกท่านหรือ”
หรงอันจวิ้นจู่มองไปรอบๆ เห็นว่าแตกต่างจากเมื่อก่อนอยู่บ้างจริงๆ แต่ทันใดนั้นก็นึกถึงบุตรสาวของตัวเอง กล่าวว่า “ท่านอาจารย์ แล้วบุตรสาวของข้าล่ะ ตามที่ท่านกล่าวเมื่อครู่ นางจะไม่…”
ฉินหลิวซีเอ่ย “ข้าจะฝังเข็มปรับหยินหยางให้นาง จากนั้นก็มอบยันต์สกัดวิญญาณแก่นาง ให้นางท่องพระสูตรหัวใจบริสุทธิ์ของปรมจารย์เต๋าหนึ่งบท ร่ายอาคมเล็กน้อย จะทำให้นางลืมเรื่องเหล่านี้”
“ทำเช่นนี้ก็ได้หรือ”
ฉินหลิวซีพยักหน้า กล่าวว่า “แต่ข้าไม่รู้ว่าคุณหนูจะมีความสงบนิ่งแค่ไหน บางทีวันหนึ่งนางอาจนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ เมื่อถึงเวลานั้นก็จะรู้สึกว่ามันเป็นเพียงความฝันเท่านั้น”
“เช่นนั้นท่านรีบร่ายคาถาเถิด” หรงอันจวิ้นจู่รู้สึกขอบคุณอย่างยิ่ง
ฉินหลิวซียื่นหมอนหยกไปให้ก่อน “สิ่งนี้ทำลายทิ้งได้”
หรงอันจวิ้นจู่โยนมันลงกับพื้นแตกกระจาย จากนั้นก็เรียกคนเข้ามาทำความสะอาดอย่างใจเย็น และพามู่ซืออวิ๋นเข้ามา
ทุกอย่างดำเนินไปตามขั้นตอน
นักพรตเฒ่าและลูกศิษย์ถูกเชิญออกจากเรือนเล็ก
ฉินหลิวซีฝังเข็มและวาดยันต์ให้มู่ซืออวิ๋น จากนั้นก็เขียนใบสั่งยาบำรุงชี่และเลือดปรับสภาพหยางของไต มองดูนางหลับไปอย่างสงบ จึงได้เดินออกมา
ด้านนอก หรงอันจวิ้นจู่กำลังพูดคุยกับลู่สวิ๋น อยากจะให้เขาช่วยดึงชื่อออกจากการคัดเลือกสาวงาม
หลังจากเกิดเรื่องเช่นนี้ นางก็ไม่กล้าให้บุตรสาวไปสู้เพื่ออนาคตอะไรเหล่านั้นแล้ว เกรงว่าจะเกิดปัญหาในภายภาคหน้า จะเป็นการสร้างปัญหาให้กับตระกูล
ก็เพียงรายชื่อ ลู่สวิ๋นรับปากแล้ว
เมื่อเห็นฉินหลิวซีออกมา หรงอันจวิ้นจู่รีบลุกขึ้นยืน ถามด้วยความร้อนใจ “ท่านอาจารย์ บุตรของข้าเป็นอย่างไรบ้าง”
“อาบแดดให้มาก ดื่มยาที่สั่งให้ตรงเวลา กินน้ำแกงหรืออาหารบำรุงสักพักหนึ่ง ดูแลรักษาระยะหนึ่งก็ดีขึ้นแล้ว” ฉินหลิวซีเอ่ย
หรงอันจวิ้นจู่รีบคำนับขอบคุณ จากนั้นก็หยิบถุงเงินจากมือของแม่นมคนสนิทแล้วยื่นให้ “ค่าตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ ขอให้ท่านอาจารย์ขอพรให้บุตรของข้าเมื่อยามว่างด้วยเถิด”
ฉินหลิวซีรับมาใส่ในกระเป๋า ยิ้มพลางเอ่ยขึ้นมาหนึ่งประโยค “สวรรค์ประทานพรไม่มีที่สิ้นสุด”
เมื่อเรื่องนี้จบลงแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้อยู่ต่อ
หรงอันจวิ้นจู่ไปส่งถึงหน้าประตูก็ถอยกลับไปดูสถานการณ์ของบุตรสาว เป็นแม่นมคนสนิทที่ส่งพวกเขาออกจากเรือน
ตอนมาปีนหลังคาขึ้นมา ตอนกลับก็ยากที่จะเดินออกไปเช่นนี้ โชคดีที่ตอนนี้ฟ้ามืด ส่งคนออกจากจวน ก็ไม่ต้องกลัวว่าใครจะเห็นเข้า
เมื่อเดินออกมาจากเรือนส่วนตัว ฉินหลิวซีก็เห็นนักพรตเฒ่าและลูกศิษย์ย่อกายนั่งป้อนอาหารยุงอยู่ใต้ต้นไม้ เมื่อเห็นนางก็ลุกขึ้นทันที ยิ้มพลางเดินเข้ามาหา ถามว่า “ข้านับข้อนิ้วคำนวณจึงได้รู้ว่าจะมีคนที่มีวาสนาต่อกันจะปรากฏตัวในการเดินทางคืนนี้ จึงได้ไม่ลังเลที่จะมาไล่วิญญาณชั่วร้าย สุดท้ายก็เป็นไปตามคาดไว้ ที่แท้ผู้ที่มีวาสนาต่อกันก็คือนักพรตน้อย ไม่ทราบว่าอาจารย์ของเจ้าเป็นใคร ได้ไหว้ฝากตัวเป็นศิษย์สำนักไหนแล้วหรือไม่”
ฉินหลิวซียิ้มใบหน้านิ่งพลางเอ่ย “เห็นได้ชัดว่าพวกท่านบังเอิญโชคดี เหตุใดจึงกล้าพูดจาเสียสวยหรู ซ้ำยังบอกว่ามีวาสนาต่อกัน ทำไมหรือ จะหลอกให้ข้าฝากตัวเป็นศิษย์สำนักท่านหรือ”
นักพรตเฒ่าใบหน้าร้อนระอุ “เจ้าและข้าต่างก็เป็นคนลัทธิเต๋าเช่นกัน จะบอกว่าหลอกได้อย่างไร สำนักของพวกเราเป็นสำนักที่มีมาแต่โบราณ เป็นลูกหลานของสำนักที่มีชื่อเสียง มีความรู้ที่ยาวนาน และสมบัติล้ำค่านับไม่ถ้วน…”
“อยู่ที่ไหน”
“หา?”
“อารามเต๋าของพวกเจ้าอยู่ที่ไหน” ฉินหลิวซีถามพลางหรี่ตาลง
นักพรตเฒ่าดีใจมาก นี่คือ ติดกับแล้วหรือไม่