คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 741 ข้าก็มีช่วงเวลาที่ถูกขู่ตบปากเช่นกัน
ตอนที่ 741 ข้าก็มีช่วงเวลาที่ถูกขู่ตบปากเช่นกัน
ฉินหลิวซีไม่ได้เอาเหตุการณ์ที่เจอหน้าประตูเมืองมาใส่ใจ ในยุคสมัยนี้ลำดับชั้นนั้นแตกต่างกันไปตามภูมิหลังและอำนาจของตระกูล ในสายตาของผู้มีอำนาจบางคน คนธรรมดาอย่างเช่นพวกเขาก็ย่อมไม่ต่างอะไรกับมด
เพียงแต่ฉินหลิวซีคิดไม่ถึงว่าตอนที่เตรียมจะออกจากเมืองเอ้อ กลับได้พบปะกับนายหญิงใหญ่หลิวผู้นี้ และการพบปะนี้ก็ไม่ถือเป็นเรื่องดี
ฉินหลิวซีได้รับการไหว้วานจากหรงอันจวิ้นจู่ให้ไปตรวจอาการป่วยที่ตระกูลหลิว และเมื่อมาถึงตระกูลหลิวจึงได้รู้ว่าคนไข้ก็คือนายหญิงใหญ่หลิวซึ่งบังเอิญพบที่หน้าประตูเมืองนั่นเอง
ดังคำที่เอ่ยไว้ก่อนหน้านี้ สามารถดูนิสัยของเจ้านายได้จากบ่าวรับใช้ ซึ่งไม่ผิดเลยจริงๆ คนที่อยู่รอบตัวนายหญิงใหญ่หลิวไม่เพียงหัวสูง แต่ละคนหยิ่งผยอง และที่นางมีความมั่นใจเช่นนี้เนื่องจากว่านางเกิดในจวนปั๋ว ผู้เป็นบิดา หลิวหยางปั๋วเป็นหนึ่งในสหายในวัยเด็กของฮ่องเต้ แม้ว่าตำแหน่งจะลดลงจากบรรพบุรุษมาเป็นตำแหน่งปั๋ว แต่หลิวหยางปั๋วก็ย่อมดีกว่าชังผิงปั๋วที่ล้มลง เขากุมอำนาจที่แท้จริง และดำรงตำแหน่งรองเจ้ากรมครัวเรือนในราชสำนัก อีกเพียงแค่ก้าวเดียวก็จะได้เป็นเสนาบดีแล้ว ซ้ำยังได้รับความไว้วางใจอย่างลึกซึ้งจากฮ่องเต้
ตระกูลบิดาของนายหญิงใหญ่หลิวแซ่หู นางเป็นบุตรสาวภรรยาเอกคนโตเพียงหนึ่งเดียวในตระกูล ได้รับความโปรดปรานเป็นอย่างมาก การแต่งเข้ามาในตระกูลหลิวนั้นเป็นการแต่งกับตระกูลที่ต่ำกว่า เพียงเพราะนางถูกใจรูปงามของนายท่านน้อยหลิว ดังนั้นจึงอยากจะครอบครองนายท่านน้อยหลิวเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะแต่งงานมาแล้วห้าปี นางก็ไม่อนุญาตให้นายท่านน้อยหลิวรับอนุ ก่อนหน้านี้เคยมีสาวใช้ไม่ดูตาม้าตาเรือต้องการมายั่วยวนนายท่านน้อยหลิว ก็ถูกนางตีจนตายทั้งเป็น
นายหญิงใหญ่หลิวไม่ได้สนใจคำครหาว่าเป็นสตรีขี้อิจฉา นางสนใจเพียงแต่ว่าตนเองมีความสุขสบายหรือไม่ ใครทำให้นางรู้สึกไม่สบาย นางก็จะทำให้คนนั้นไม่มีความสุข!
ดังนั้นแม้ว่านายน้อยหลิวจะไม่พอใจนาง แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยอะไรมาก เนื่องจากบิดาของภรรยาสามารถพูดคุยต่อหน้าฮ่องเต้ได้ และบรรดาพี่ชายของนายหญิงใหญ่หลิวนั้นก็ไม่ใช่คนที่จะไปล่วงเกินได้ง่ายๆ
ตระกูลหลิวไม่สามารถต่อต้านได้!
ความมั่นใจที่บิดาและพี่ชายตระกูลเดิมมอบให้ ทำให้นายหญิงใหญ่หลิวเป็นคนเย่อหยิ่งเผด็จการ และตอนนี้ในที่สุดนางก็ตั้งครรภ์ แต่เมื่อใกล้จะคลอดแล้ว ร่างกายก็เริ่มรู้สึกไม่สบาย กลางคืนนอนไม่หลับ กินไม่ได้ หายใจไม่สะดวก เมื่อทรมานเช่นนี้ น้ำหนักจึงลดลงอย่างรวดเร็ว
ฮูหยินหลิวเกรงว่าลูกสะใภ้จะมีปัญหาระหว่างการคลอดบุตรแล้วถูกตระกูลญาติที่เกี่ยวดองด้วยคิดบัญชี ในงานเลี้ยงเมื่อเร็วๆ นี้จึงได้เอ่ยปากกับหรงอันจวิ้นจู่ หรงอันจวิ้นจู่จึงได้เป็นเส้นสายให้
นายหญิงใหญ่หลิวก็ไม่ได้ปฏิเสธ บุตรนั้นสำคัญ แต่ตัวเองสำคัญกว่า นางไม่อยากต้องสละชีวิตตัวเองเพียงแค่ให้กำเนิดสิ่งเล็กน้อยเช่นนี้
ในใจฉินหลิวซีพอรู้อยู่บ้าง แต่เมื่อได้พบกับนายหญิงใหญ่หลิว นางก็ตกใจ อาจเป็นเพราะสภาพครรภ์ไม่ดี ตัวนางเองซูบผอมเป็นอย่างมาก พยุงท้องขนาดใหญ่ ราวกับเด็กในท้องได้ดูดพลังงานทั้งหมดของนางไป
เนื่องจากความผ่ายผอม ทำให้ใบหน้านางดูร้ายกาจอย่างเห็นได้ชัด เวลาดวงตาหงส์ทั้งสองข้างแฝงไว้ด้วยความมุ่งร้ายเหลือบมองไปที่ผู้อื่น ทั้งเย่อหยิ่ง ทั้งดูหมิ่น หยิ่งผยองเป็นอย่างมาก
วั่งชวนเพียงแค่เหลือบมองนาง ก็ไปหลบอยู่ด้านหลังฉินหลิวซี ก่อนจะก้มหน้าลง
เถิงเจาเห็นดังนั้นจึงพานางออกไป
นายหญิงใหญ่หลิวยิ้มเยาะเบาๆ เอ่ย “เด็กที่ยังไม่โตเต็มที่ผู้นี้ก็คือหมอลัทธิเต๋าผู้เก่งกาจที่จวิ้นจู่เอ่ยถึงหรือ มาตรวจโรคก็พาเด็กมาด้วย จะรอดหรือ”
หรงอันจวิ้นจู่ขมวดคิ้ว สีหน้าดูไม่พอใจเล็กน้อย
เมื่อฮูหยินหลิวเห็นว่าลูกสะใภ้ปากเสียอีกแล้วจึงรีบคลี่คลายสถานการณ์ กล่าวเอาใจหรงอันจวิ้นจู่ว่า “คนที่จวิ้นจู่แนะนำย่อมดีอยู่แล้ว ซ้ำยังเป็นเจตนาดี ภรรยาฉู่เกอต้องรู้สึกขอบคุณจึงจะถูก”
นายหญิงใหญ่หลิวไม่กล้าชวนทะเลาะต่อหน้าหรงอันจวิ้นจู่ จึงเอ่ย “ข้าย่อมต้องรู้สึกขอบคุณจวิ้นจู่อยู่แล้ว”
หรงอันจวิ้นจู่เอ่ยเสียงเรียบว่า “เราทุกคนต่างก็เคยผ่านมาแล้ว รู้ดีว่าการตั้งครรภ์นั้นลำบากเพียงใด ก็ไม่อยากให้ภรรยาของฉู่เกอทรมาน หวังว่าเจ้าจะสบายตอนคลอดบุตรสักหน่อยจึงได้เป็นเส้นสายให้ แต่จะตรวจพบอะไรหรือไม่ จะรักษาได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับโชคชะตา”
ล้วนเป็นคนที่เติบโตในเมืองหลวง นายหญิงใหญ่หลิวย่อมฟังออกถึงความไม่พอใจในคำพูดหรงอันจวิ้นจู่ ในใจก็รู้สึกไม่พอใจอยู่บ้างเช่นกัน มองฉินหลิวซีพลางเอ่ย “นักพรตน้อยลองบอกมาเถิดว่าข้าป่วยเป็นอะไร”
ฉินหลิวซียิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ย “ป่วยเป็นอะไรในใจนายหญิงใหญ่รู้ดี โรคนี้ข้ารักษาให้ไม่ได้จริงๆ ขอโทษด้วย”
ทุกคนตกตะลึง นี่ยังไม่ทันได้ตรวจเลยว่าเป็นอะไร ก็บอกว่ารักษาไม่ได้แล้วหรือ
นายหญิงใหญ่หลิวแสยะยิ้ม กล่าวว่า “นักพรตน้อยอารมณ์ร้ายไม่เบาเลย คงไม่ใช่เพราะโกรธสิ่งที่ข้าเอ่ยไปเมื่อครู่หรอกกระมัง”
ฉินหลิวซีลุกขึ้นยืน กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “นายหญิงใหญ่ตั้งครรภ์นี้ได้อย่างไร ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าท่านแล้ว ตอนนี้ที่สภาพครรภ์ไม่ดี ก็เป็นเพราะกรรมตามสนองเท่านั้น!”
เพล้ง
ทันใดนั้นนายหญิงใหญ่หลิวก็กวาดถ้วยชาที่อยู่ด้านข้างลงบนพื้น เอ่ยด้วยความโกรธว่า “เจ้ากล้าดีอย่างไรมาเอ่ยอะไรไร้สาระ ใครก็ได้ ตบปากให้ข้าที!”
ฉินหลิวซีรู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่านางก็มีช่วงเวลาที่ถูกขู่ตบปากด้วยเช่นกัน นี่ก็คือความหยิ่งผยองของบุตรสาวผู้สูงศักดิ์จากตระกูลขุนนางใช่หรือไม่
หรงอันจวิ้นจู่ตกใจกับคำพูดของฉินหลิวซี ตอนนี้เมื่อเห็นนายหญิงใหญ่หลิวโกรธจะให้คนมาตบปาก ก็ลุกขึ้นยืนทันที พุ่งเข้าไปหา “ข้าก็อยากรู้ว่าใครกล้าบังอาจ! ฮูหยินหลิว นี่คือวิธีปฏิบัติต่อแขกของตระกูลท่านหรือ”
ฮูหยินหลิวแทบอยากจะเป็นลม นี่มันเรื่องอะไรกัน
“จวิ้นจู่อย่าโกรธไปเลย ลูกสะใภ้ข้าเพียงแค่โมโหไปเพียงชั่ววูบเท่านั้น ท่านเห็นแก่ที่นางกำลังตั้งครรภ์ทั้งยังลำบาก อภัยให้นางสักครั้งเถิด” ฮูหยินหลิวเดินไปอยู่ข้างกายนายหญิงใหญ่หลิว ดึงมือนางแล้วจึงเอ่ยว่า “ภรรยาฉู่เกอ รีบขอโทษจวิ้นจู่เร็วเข้า”
นายหญิงใหญ่หลิวสะบัดมือนางออกด้วยความโกรธ มองหรงอันจวิ้นจู่พลางเอ่ย “จวิ้นจู่ ข้าไม่ได้อยากเอาความโกรธไปลงที่ท่าน เมื่อครู่ท่านก็ได้ยินแล้วว่านางกล่าวว่าอย่างไร เป็นนางที่พูดจาหยาบคายก่อน”
“เป็นข้าที่พามา เจ้าจะอาละวาดใส่นาง ก็เท่ากับตบหน้าข้า ทำไมหรือ หน้าของข้า เจ้าอยากตบก็ตบได้หรือ” หรงอันจวิ้นจู่สายตาเกรี้ยวกราด เอ่ยว่า “ข้าได้ยินแม่สามีของเจ้าบอกว่าสภาพครรภ์เจ้าไม่ดี หมอก็หาสาเหตุไม่ได้ จึงได้อยากแนะนำผู้ที่มีความสามารถให้แก่เจ้า กลับคิดไม่ถึงว่าเจตนาดีของข้าจะทำให้เสียเรื่องแล้ว และเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ถือเสียว่าข้ายุ่งมากไป เป็นคนดีแล้วไม่ได้ดี ขอตัวก่อน!”
นางหันหลัง กำลังจะดึงฉินหลิวซีออกไป
โกรธจนจะบ้าตายอยู่แล้ว ไม่ว่าฉินหลิวซีจะเอ่ยอะไร หูซื่อผู้นี้ต้องการจะตบปากนาง ไม่เท่ากับตบหน้าตัวเองหรอกหรือ
นางอยากจะเป็นคนดีแต่กลับผิดเช่นนั้นหรือ
จวนหลิวหยางปั๋วเลี้ยงดูบุตรสาวได้ร้ายกาจเสียจริง ซ้ำเขายังอยากจะเกี่ยวดองกับตระกูลมู่ ถุย!
ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าตัวเองไม่มีหลานที่อยู่ในวัยเหมาะสม แม้ว่าบ้านใหญ่จะมี นางก็ไม่อยากได้หลานสะใภ้เช่นนี้ ใครจะไปรู้ว่าจะเป็นสตรีตระกูลหูผู้หยิ่งผยองคนต่อไปหรือไม่
“นางไปไม่ได้ มาพูดให้รู้เรื่องก่อน” นายหญิงใหญ่หลิวกล่าวด้วยความโมโห “ขวางพวกนางไว้”
หรงอันจวิ้นจู่โกรธมากจนอยากจะตัดความสัมพันธ์นี้ รู้ว่าคนผู้นี้หยิ่งผยอง แต่คิดไม่ถึงว่านิสัยตอนนี้จะยิ่งไร้เหตุผลและร้ายกาจมากขึ้นเรื่อยๆ ได้เปิดหูเปิดตาแล้วจริงๆ
ฮูหยินหลิวแทบจะร้องไห้แล้ว นางนึกภาพออกว่าหลังจากวันนี้เกรงว่าบรรดาฮูหยินทั้งหลายจะไม่อยากเกี่ยวข้องกับนางแล้ว ตระกูลหลิวของพวกนางทำบาปทำกรรมอะไรไว้จึงได้แต่งลูกสะใภ้ร้ายกาจผู้นี้เข้ามา
ฉินหลิวซีลูบหรงอันจวิ้นจู่ที่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเบาๆ มองไปยังท้องอันใหญ่โตของนายหญิงใหญ่หลิว กล่าวอย่างมีนัยยะว่า “ท่านอยากให้ข้าเอ่ยจริงๆ หรือ”
นายหญิงใหญ่หลิวหยุดหายใจทันที กำมือทั้งสองข้างไว้แน่น รู้สึกผิดเล็กน้อย
“ครรภ์ของท่านนี้คงไม่รอด ท่านไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองความพยายามอีกต่อไป” ฉินหลิวซีเอ่ยพลางเดินออกไป “ตัวเองทำบาปอะไรไว้ ผลกรรมย่อมตามสนอง”