คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 767 ตัวอัปลักษณ์ลองส่องกระจกปีศาจดูสักหน่อย
- Home
- คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า
- ตอนที่ 767 ตัวอัปลักษณ์ลองส่องกระจกปีศาจดูสักหน่อย
ตอนที่ 767 ตัวอัปลักษณ์ลองส่องกระจกปีศาจดูสักหน่อย
คางคก?
กิมเซียมซูโกรธจนแทบจะระเบิด คางคกน่าเกลียดเช่นนั้นมีหรือจะรูปลักษณ์งดงามเก่งกาจเหมือนมัน เหตุใดต้องเอามันไปเหมารวมกับตัวอัปลักษณ์เช่นนั้น
มันเป็นถึงกิมเซียมซูสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน…เอาเถิด ไว้เพิ่มอีกสองคำต่อท้ายในภายหลัง!
“อย่ามาพูดจาไร้สาระ ข้าเป็นถึงกิมเซียมซู!” มันร้องเสียงเหมือนกบ หดขาข้างหนึ่งไว้ใต้ท้อง เอ่ยเสียงแข็งว่า “ข้ามีขาเพิ่มขึ้นมาเนื่องจากเกิดการผิดพลาดบางอย่างระหว่างการฝึกบำเพ็ญ”
ฉินหลิวซีแสยะยิ้ม “พอเลย ต่อให้เกิดข้อผิดพลาดแค่ไหนก็ไม่มีทางมีขาเพิ่มมาอีกหนึ่งข้าง เห็นได้ชัดว่าเจ้าเป็นเพียงคางคกที่สวมชุดทอง ปลอมตัว ไม่รู้ว่าได้พบเจอโอกาสอะไรจึงได้สามารถเรียกทรัพย์สินเงินทองได้ หลอกให้คนแซ่จงผู้นี้บูชาเจ้า แต่ความจริงแล้วกลับขโมยพลังชีวิตและโชคลาภของคนในตระกูลพวกเขามาฝึกบำเพ็ญ”
กิมเซียมซูดีดตัวขึ้นด้วยความโกรธ “หากไม่มีข้าเรียกความมั่งคั่งและความมงคล ตระกูลจงจะรวบรวมทรัพย์สินเงินทองนับหมื่นเหล่านี้ได้อย่างไร พลังชีวิตและโชคลาภก็เป็นพวกเขาที่สละให้ข้า นี่เป็นการแลกเปลี่ยนที่ยุติธรรม และเป็นพวกเขาที่เต็มใจเสียสละ”
“กิมเซียมซูที่แท้จริงเป็นสัตว์มงคล มีเจตนาเป็นมงคลในการเรียกทรัพย์สมบัติ แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถปราบปีศาจขับไล่สิ่งชั่วร้าย เป็นประโยชน์ต่อโลกมนุษย์ ไม่เคยได้ยินว่ามันสามารถขโมยพลังชีวิตและโชคลาภของมนุษย์ได้ และการทำเช่นนี้ จะเรียกว่าเป็นสัตว์มงคลได้อย่างไร” ฉินหลิวซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ประการแรกเจ้าไม่ได้มีรูปร่างเป็นกิมเซียมซูสามขา ประการที่สองเจ้าไม่มีความเมตตาเหมือนสัตว์มงคล มีแต่ความโลภและดุร้าย ฝ่าฝืนกฎของสวรรค์ ฝึกบำเพ็ญวิชามาร การกระทำเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นสิ่งชั่วร้าย ไม่อาจปล่อยไว้ได้”
“หุบปาก เจ้าหุบปาก อย่ามาพูดไร้สาระ ข้าจะพ่นพิษใส่เจ้าให้ตาย!”
ก็ไม่รู้ว่ากิมเซียมซูไปถูกเหยียบเอ็นเส้นไหนเข้าจึงได้ร้อนใจร้องโวยวายเสียงดัง ยกเท้าขึ้น พ่นสายน้ำพิษพุ่งไปที่ฉินหลิวซี
ฉินหลิวซี “!”
เจ้าไม่เพียงแต่ไม่ใช่กิมเซียมซูสามขา ซ้ำเจ้ายังเป็นสุนัขชั้นต่ำอีกด้วย!
สุนัขจึงจะยืนฉี่ท่านี้ไม่ใช่หรือ
นางบิดเท้าหลบหลีกพิษกัดกร่อนอย่างคล่องแคล่ว หยิบเข็มเงินออกมาจากที่เอวหนึ่งเล่ม พุ่งไปที่กิมเซียมซูตัวนั้น
เข็มเงินดั่งไรขน บางเบาราวกับเส้นผม ซ้ำยังรวดเร็ว แทงเข้าไปในท้องของกิมเซียมซูตัวนั้นทันที ทำเอามันร้องด้วยความเจ็บปวด
ควันสีขาวที่มีกลิ่นเหม็นลอยคละคลุ้ง ได้กลิ่นแล้วอยากจะอาเจียน รู้สึกวิงเวียนศีรษะ
ฉินหลิวซีเอามือปิดปากและจมูก เมื่อควันสีขาวนั้นจางหายไป กิมเซียมซูตัวเดิมได้กลายเป็นกิมเซียมซูที่มีขนาดใหญ่เท่ากับโอ่ง ท้องพองโตราวกับฆ้อง ดวงตาทั้งสองข้างเหมือนระฆัง ปากกว้างเท่าอ่าง สามเหลี่ยมบนหัวนูนขึ้นสูงกว่าเดิม และผิวทองคำได้กลายเป็นผิวหนังของคางคกธรรมดา มีรอยย่นที่หยาบเป็นอย่างมาก
“เจ้าปรากฏร่างเดิมแล้ว” ฉินหลิวซีมองไปยังกิมเซียมซูยักษ์ปลอมตนนี้ หัวเราะเบาๆ เดิมทีนางอยากจะหยิบกระจกเฉียนคุนปีศาจออกมาให้มันส่อง จะได้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของตัวเอง ตอนนี้ไม่ต้องแล้ว
เทพเฟิงตู ‘นั่นคือกระจกดูดวิญญาณเฉียนคุน กระจกปีศาจอะไรกัน ชั้นต่ำ!’
“เดิมทีข้าไม่ได้คิดจะถือสาเอาความเด็กเหลือขออย่างเจ้า แต่เจ้าดันมาประเคนให้ข้าถึงที่ หยุดพูดไร้สาระ รีบไปตายเสียเถิด!”
มันอ้าปากกว้าง เหวี่ยงลิ้นยักษ์ไปทางฉินหลิวซี มีหนามแหลมคมอยู่บนลิ้น หากโดนเข้าผิวหนังคงฉีกขาด กระทั่งถูกพิษด้วย
ฉินหลิวซีย่อตัวลงแล้วหมุนตัวไปรอบๆ กระโดดขึ้นไปบนโต๊ะบูชาแล้วนั่งยองๆ เมื่อเห็นลิ้นยาวนั่นดวงตาทั้งสองข้างก็ประกาย สิ่งนี้ดี เหมาะสำหรับทำแส้ เรียกว่าแส้ลิ้นคางคกก็แล้วกัน
กิมเซียมซูปลอม ‘เหตุใดจึงรู้สึกถึงเจตนาร้ายอย่างรุนแรง’
มันโก่งหลัง ฉินหลิวซีจึงพึ่งเห็นว่าบนหลังของมันมีรูเล็กๆ เมื่อโก่งหลังรูเล็กๆ ก็จะขยายออก ฟู่ ควันพิษที่เหม็นอย่างไร้ใดเปรียบลอยขึ้นมา
เจ้าคางคกต่ำช้าตัวนี้ หรือว่าจะไปผสมพันธ์กับเผ่าพันธุ์ของหวงเซียน เหตุใดจึงได้พ่นควันพิษที่เหม็นขนาดนี้
หวงเซียน ‘นี่ พวกเราเป็นพันธุ์แท้’
เหม็นเกินไปแล้ว ฉินหลิวซีต้องปิดการรับรู้กลิ่นของตัวเอง ในขณะเดียวกันก็ดึงกระบี่เหรียญทองแดงเจ็ดดาวออกมาจากบนหลัง เขย่งปลายเท้า ถือด้ามกระบี่ไว้ในมือ แทงไปที่กิมเซียมซูปลอม
กิมเซียมซูอ้าปากขนาดใหญ่ ลิ้นยาวที่เต็มไปด้วยหนามตวัดมา ฉินหลิวซีฉีกมุมปาก กำลังรอเจ้าอยู่เลย
ทิศทางการแทงของนางเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน หมุนตัวลอยขึ้น ฟันไปที่ลิ้นยาวอย่างงดงาม
ลิ้นยาวร่วงหล่นลงพื้น
กิมเซียมซูคำรามด้วยความเจ็บปวด ร่างใหญ่ของมันกระแทกไปรอบๆ วิหารอย่างบ้าคลั่ง หลังที่โก่งขึ้นได้พ่นควันพิษและน้ำพิษออกมาไม่หยุด
ขว้างออกไป
เจ้าทึ่มยักษ์ โยนหนึ่งครั้งก็โดนหนึ่งครั้ง หากไม่ใช้ยันต์สายฟ้าก็เปล่าประโยชน์แล้ว
เสียงดังปัง
เนื้อหนังฉีกขาด กระเบื้องบนหลังคาวิหารถูกระเบิดจนกระเด็นออกไปจุดหนึ่ง
กิมเซียมซูทั้งตกใจทั้งโกรธ “มนุษย์ช่างไร้ยางอายสิ้นดี!”
เมื่อรู้ว่ารูปร่างอันใหญ่โตยิ่งทำให้มันเสียเปรียบ ซ้ำยังเสียลิ้นยาวไป ทำให้คำพูดที่กล่าวออกมาไม่ชัดเจนเล็กน้อย มันจึงร่ายคาถาย่อตัวเองให้เล็กลง แยกไม้กระดานมุมหนึ่งออก
แอบๆๆ
คางคกจำนวนนับไม่ถ้วนกระโดดออกมา เสียงร้องฟังแล้วไม่เหมือนคางคก กลับเหมือนเด็กทารกร้องไห้มากกว่า
“กล้าทำลายการใหญ่ของข้า เด็กๆ ทำให้นางจมพิษตายไปเลย”
เมื่อกิมเซียมซูออกคำสั่ง คางคกเหล่านั้นก็พุ่งไปหาฉินหลิวซีและพ่นน้ำพิษ
คางคกเหล่านี้สีดำสนิท แต่ละตัวน่าเกลียดไร้ที่ติ ผิวหนังที่เหี่ยวย่นยิ่งสะดุดตา ฉินหลิวซีขยะแขยงเป็นอย่างมาก
“มาย่างคางคกกันเถอะ” ฉินหลิวซีขี้เกียจที่จะเล่นกับตัวอัปลักษณ์เหล่านี้แล้ว
อะไรนะ
ขณะที่กิมเซียมซูกำลังจะร่ายคาถาปีศาจ ก็เห็นฉินหลิวซีดีดปลายนิ้ว ลูกไฟตกลงกลางฝูงคางคก เกิดเป็นเปลวเพลิงขนาดใหญ่
แย่แล้ว
กิมเซียมซูรู้สึกถึงความรุนแรงและแรงสั่นสะเทือนของไฟ วิ่งหนีออกไปโดยไม่ต้องคิด
“เจ้าจะหนีไปไหน” ฉินหลิวซีขวางอยู่ตรงหน้ามัน ขณะที่มันกำลังจะกระโดดข้ามศีรษะของตัวเองไป นางก็ฟันกระบี่เหรียญทองแดงในมือ
ฉับ
สองสิ่งถูกฟันตกลงบนพื้น
กิมเซียมซูกรีดร้องโหยหวน เจ้าเด็กสารเลว บังอาจ กล้าดีอย่างไรมาตัดตอนมัน!
มันจะกลืนกินนางเข้าไปซะ
กิมเซียมซูหันมาอ้าปากกว้าง เงยหน้าจะกัดฉินหลิวซี
ฉินหลิวซีเงื้อมือขึ้นเตรียมจะโยนลูกไฟเข้าไป แต่เห็นคนตัวน้อยเหม่อลอยอยู่ในปากของมัน นั่นคือดวงจิตของจงปั๋วเหวินที่หายไปไม่ใช่หรือ
ถูกกิมเซียมซูกลืนเข้าไปแล้วจริงๆ
“ปล่อยดวงจิตของเด็กคนนี้ออกมา” ฉินหลิวซีเก็บลูกไฟ
เดิมทีกิมเซียมซูแปลกใจว่าเหตุใดนางจึงหยุด ที่แท้ก็เป็นเพราะเห็นดวงจิตของเด็กคนนั้น หุบปากลง เก็บดวงจิตของจงปั๋วเหวินไว้ที่แท่นดวงจิตของตัวเอง กล่าวว่า “เจ้าฝันไปเถิด เดิมทีวันนี้เป็นวันดีของข้า ผีน้อยตนนี้เป็นดาวเหวินฉวี่ลงมาเกิด โชคลาภเฟื่องฟู ตราบใดที่ข้าพรากพลังชีวิตของเขาไป ข้าก็จะสามารถฝึกบำเพ็ญเป็นกิมเซียมซูที่แท้จริงได้ เป็นเจ้าที่ทำลายการใหญ่ของข้า หากต้องการดวงจิตนี้ของเขา เพียงแค่เจ้าฆ่าตัวตายข้าก็จะปล่อยไป อย่างไรเสียนักพรตอย่างพวกเจ้าก็เสียสละตัวเองเพื่อผู้อื่นอยู่แล้วไม่ใช่หรือ”
“เช่นนั้นก็เป็นเจ้าที่ข่มขู่ข้า คนอย่างข้า สิ่งที่เกลียดที่สุดคือถูกข่มขู่” ฉินหลิวซีหัวเราะในลำคอ ให้ตัวอัปลักษณ์อย่างเจ้าได้ลองส่องกระจกปีศาจสักหน่อย
เทพเฟิงตู ‘กระจกดูดวิญญาณ กระจกดูดวิญญาณ!’
นางหยิบกระจกเฉียนคุนขนาดเท่าฝ่ามือออกมาจากอ้อมแขน ส่องไปที่มันโดยไม่ลังเล “ใต้หล้าไร้ขอบเขต จักรวาลทรงพลัง แสงสีทองนับหมื่นจั้ง[1] สังหารปีศาจ!”
กระจกโบราณเรียบง่าย ส่องแสงสีทอง ปกคลุมกิมเซียมซูไว้ในนั้น มันส่งเสียงร้องโหยหวนในทันที
[1] จั้ง ชื่อหน่วยวัดความยาวหน่วยหนึ่งในมาตราวัดของจีน เท่ากับ 3.3 เมตร