คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 772 อายุไม่มาก แต่ปากกล้าไม่น้อย
ตอนที่ 772 อายุไม่มาก แต่ปากกล้าไม่น้อย
บ่าวรับใช้ทั้งสองกังวลว่าวิชาแพทย์ของฉินหลิวซีจะยังไม่ดีพอ แต่ผู้เฒ่าอวี๋กลับไม่มีความกังวลเลยแม้แต่นิด ตาทั้งสองข้างของเขายังไม่พร่ามัว มองออกว่าดีหรือไม่ดี
เป็นเรื่องจริงที่ฉินหลิวซีกับเขาพบกันโดยบังเอิญ แต่สิ่งที่นางแสดงออกมาตลอดทาง กลับทำให้เขารู้สึกดี นางไม่รู้แม้แต่สถานะของตัวเขาเองด้วยซ้ำ แต่ความสามารถของนาง ตั้งแต่ที่นางได้แอบกดจุดบริเวณเอวบรรเทาอาการปวดให้ตัวเองอย่างเงียบๆ เขาก็ได้เห็นแล้ว
กล่าวตามตรง หากฉินหลิวซีต้องการจะลงมือกับเขา ก็มีโอกาสเยอะแยะไป ตั้งแต่ที่นางเข้าใกล้ตัวเอง จนกระทั่งมาถึงบ้านร้างแห่งนี้ หากนางมีจิตใจที่คิดร้ายจริงๆ เขาก็คงอยู่บนเส้นทางแห่งความตายแล้ว
“ท่านเจ้าอาวาสน้อยไม่ต้องสนใจบ่าวรับใช้ทั้งสองของข้า ลงมือได้เลย ทุกครั้งที่อาการปวดเอวกำเริบขึ้นมา ข้าต้องทนทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก หากรักษาหายได้ เช่นนั้นก็เป็นโชคดีในวัยชราของข้าแล้ว”
ผู้เฒ่าอวี๋ยิ้มพลางลุกขึ้นยืน เอ่ย “แต่ว่าข้าสงสัยว่าการเจาะเลือดที่จุดเหว่ยจงบริเวณข้อพับขาด้านหลังนั้นมีวิธีการอย่างไร”
ฉินหลิวซีเลิกคิ้วพลางเอ่ย “ท่านไม่กลัวว่าข้าจะทำร้ายท่านหรือ”
ผู้เฒ่าอวี๋หัวเราะพลางส่ายหน้า “หากเจ้าคิดจะทำร้ายขึ้นมาจริงๆ มีโอกาสตั้งแต่อยู่ที่เชิงเขาแล้ว”
ฉินหลิวซีหัวเราะเบาๆ กล่าวว่า “ท่านเป็นขุนนางที่ดีที่ใส่ใจใต้หล้า เป็นโชคดีของราษฎร มิเช่นนั้นข้าก็คงไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่น”
ผู้เฒ่าอวี๋ดวงตาเป็นประกาย “หืม? เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าเป็นขุนนาง”
“ท่านลืมไปแล้วหรือ ข้าเป็นนักพรตเต๋าก็พอดูโหงวเฮ้งเป็น” ฉินหลิวซีส่งสัญญาณบอกให้มู่เหนียนถอดรองเท้าและถุงเท้าให้เขา พับขากางเกงขึ้นพลางกล่าวว่า “ตำแหน่งการงานที่จุดกวนลู่ของท่านรุ่งเรืองอุดมสมบูรณ์ เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้าง ไม่เพียงแต่หน้าผากนูน จุดกลางหว่างคิ้วก็สะอาดสะอ้าน นอกจากนี้แม้ว่าท่านจะอายุกว่าหกสิบปีแต่ยังมีร่างกายที่ดีเยี่ยม เรียกได้ว่าเป็นผู้ที่มีความสง่างาม คิดว่าตอนที่ท่านยังหนุ่ม เดินไปตามทางก็ได้รับการโปรยดอกไม้ถุงเงินจากบรรดาสาวงามไม่น้อย”
เมื่อผู้เฒ่าอวี๋ถูกหยอกล้อด้วยคำพูดเหล่านี้ ก็ลูบเคราพลางยิ้มอย่างภาคภูมิใจแล้วจึงเอ่ย “นักพรตหญิงอย่างเจ้า รู้จักพูดจาหยอกล้อ แต่กลับตัดสินได้อย่างชี้ขาด ตอนที่ข้ายังหนุ่ม ก็เป็นชายในฝันของสตรีหลายคน”
“รูปร่างงดงามเช่นนี้ หูขาวกว่าใบหน้า โหงวเฮ้งเช่นนี้มีอำนาจบารมี หน้าที่การงานสูงส่งมีชื่อเสียงกว้างไกล” ฉินหลิวซีเอ่ยอีกว่า “และบนตัวของท่านก็มีแสงสีทองแห่งบุญกุศลคอยปกป้อง ต้องเป็นตอนที่ท่านอยู่ในตำแหน่งได้ปกป้องราษฎรและทำผลงานที่ยิ่งใหญ่ จึงได้มีบุญกุศลนับหมื่นนี้”
ผู้เฒ่าอวี๋รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เขาก้มหน้าลง สบตากับนาง ในดวงตาของสาวน้อยมีความเคารพยำเกรง หัวใจเขาสั่นสะเทือน รู้สึกได้ถึงหน้าที่ที่ศึกษาเล่าเรียนมาเพื่อทำประโยชน์รับใช้ราษฎรขึ้นมาอีกครั้งอย่างมีความสุข
สิ่งที่เขาต้องการจากการเป็นขุนนาง ก็คือสายตาเช่นนี้ไม่ใช่หรือ
มู่ซินกับมู่เหนียนสองพี่น้องมองหน้ากัน สายตาที่มองไปยังฉินหลิวซีอ่อนโยนมากกว่าเดิม รู้สึกภาคภูมิใจในตัวของเจ้านายเช่นกัน
เถิงเจาเหลือบมองพวกเขาทั้งสาม ในใจคิดว่า ‘หากท่านอาจารย์อยากจะประจบประแจง ก็สามารถกล่าวยกยอปอปั้นจนคนหน้าชื่นตาบานได้ ทำเอาคนเหล่านี้ปลื้มปิติ แทบจะลอยกันอยู่แล้ว!’
ผู้เฒ่าอวี๋เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ดังนั้นเจ้าที่มองออกว่าข้ามีสง่าราศีเป็นขุนนางก็คิดอยากจะซื้อน้ำใจข้า จึงช่วยรักษาให้ข้างั้นหรือ”
ฉินหลิวซีแกว่งนิ้วชี้ปฏิเสธ “เป็นเพราะเห็นท่านมีบุญกุศลติดตัว บุญกุศลอันยิ่งใหญ่ เป็นความเมตตาอันยิ่งใหญ่เช่นกัน เมื่อมีเมตตาที่ยิ่งใหญ่ จึงจะได้มา และอารามชิงผิงของพวกเราก็ทำการกุศลเช่นกัน ควบคู่กับการรักษาด้วยวิชาแพทย์ ช่วยท่าน ก็เป็นบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน”
ผู้เฒ่าอวี๋เลิกคิ้ว “หมายความว่าหากข้าเป็นคนใจดำอำมหิต แม้ว่าจะตำแหน่งสูงส่ง เจ้าก็ไม่ช่วยอย่างนั้นหรือ”
“เหตุใดต้องช่วย” ฉินหลิวซีเอ่ย “เรื่องที่กินแรงโดยไม่ได้อะไร ไม่มีใครเต็มใจที่จะทำ ข้าเป็นนักบวชก็จริง แต่ก็ไม่ใช่พระภิกษุที่เห็นทุกสรรพสิ่งเท่าเทียมกัน ข้าไม่ช่วยคนใจดำอำมหิต เพราะรับผลที่จะตามมาไม่ไหว”
“แล้วหากคนผู้นั้นบังคับให้เจ้าช่วยล่ะ อย่างเช่นใช้คนที่เจ้าเป็นห่วงมาบีบบังคับ”
ท่าทางของฉินหลิวซีเปลี่ยนไป แสยะยิ้มพลางเอ่ย “ท่านรู้หรือไม่ มีคำกล่าวที่ว่าทางที่ดีที่สุดอย่าได้ไปล่วงเกินนักพรตกับหมอที่มีความสามารถ และช่างบังเอิญที่ข้าเป็นทั้งนักพรตและหมอลัทธิเต๋า!”
ความหมายที่แท้จริงของคำพูดนี้ก็คือหากทำให้ข้าขุ่นเคือง ข้าจะฆ่าเขาให้ตาย!
ผู้เฒ่าอวี๋ตกตะลึง ทันใดนั้นก็ระเบิดหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะนั้นดังออกไปไกล สามารถฟังออกถึงความสุขที่แฝงอยู่ในนั้น
มู่ซินและคนอื่นๆ พูดไม่ออกเล็กน้อย แม้ว่าจะอายุยังน้อยแต่กลับปากกล้าไม่เบาเลย
ฉินหลิวซีปลดถุงเข็มที่พกติดตัวออกมากาง กล่าวว่า “กลับมาเข้าเรื่องกันดีกว่า ตามหลักแล้วท่านมีตำแหน่งสูงส่ง รอบตัวก็มีหมอที่มีชื่อเสียงไม่น้อย ไม่มีใครเคยเจาะเลือดจุดเหว่ยจงให้ท่านหรือ”
“เคยฝังเข็มมาก่อน แต่รักษาตามอาการไม่ได้รักษาที่ต้นเหตุ ทุกครั้งที่อาการกำเริบ การฝังเข็มช่วยบรรเทาอาการได้ แต่หลังจากนั้นก็…การเจาะเลือดนี้ ยังไม่เคยลองเลย”
ฉินหลิวซีส่ายหน้า เอ่ย “จุดที่เรียกว่าเหว่ยจงบริเวณที่เอวหลังล่าง ความจริงแล้วเป็นจุดของกระเพาะปัสสาวะทั้งสองที่อยู่ด้านหลังรวมกันเป็นหนึ่งเดียว มันอยู่ที่ทางแยกนี้” ขณะที่นางเอ่ยไปก็กดที่จุดเส้นลมปราณไล่ลงไปเบาๆ ที่ตำแหน่งข้อพับขาด้านหลังบริเวณจุดเหว่ยจงไปด้วย “และอาการปวดหลังล่าง ส่วนใหญ่เกิดจากการอุดตันของเส้นลมปราณของกระเพาะปัสสาวะ ความเจ็บปวดเกิดจากการอุดตัน ดังนั้นจึงต้องเจาะมัน ใช้เข็มฝังที่จุดนี้สามารถเสริมความแข็งแกร่งเส้นลมปราณของกระเพาะปัสสาวะทั้งหมดได้ โดยเฉพาะการเจาะเลือด สามารถระบายเส้นลมปราณและเลือดบริเวณหลังล่างได้”
มู่เหนียนถามว่า “เช่นนั้นต้องใช้มีดหรือไม่”
ฉินหลิวซีหัวเราะ เอ่ย “ใช้เข็มก็พอ รักษาด้วยมีดเข็มเจาะเลือด”
นางหยิบมีดเข็มเงินที่สั้นกว่านิ้วก้อยออกมาจากถุงเข็ม ใช้ฝ้ายชุบเหล้าเช็ดเพื่อเจาะเลือด กล่าวว่า “ท่านผู้เฒ่า ท่านสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกั้นไว้”
ผู้เฒ่าอวี๋ทำตาม
ฉินหลิวซีแตะที่จุดฝังเข็มนั้น เมื่อรู้สึกว่าเขากั้นลมหายใจแล้วก็แทงเข็มในมือลงไปอย่างรวดเร็ว ฉึก มีสายเลือดไหลออกมาจากจุดฝังเข็ม นางกดลงเล็กน้อย มีเลือดไหลออกมามากขึ้น
มู่ซินและมู่เหนียนมองจนตาแทบจะถลนออกมา เข็มเล็กๆ เช่นนี้แทงลงไป กลับสามารถปล่อยเลือดออกมามากขนาดนี้ได้ สมกับเป็นมีดเข็มจริงๆ
และสิ่งที่ทำให้พวกเขาตกตะลึงก็คือนางยังทำการสอนในสถานการณ์จริงไปด้วย
“การเจาะเลือดที่จุดเหว่ยจง พวกเราไม่สามารถเจาะที่ขาของเขาในแนวตรงได้ แต่ต้องเจาะทางด้านข้างของจุดฝังเข็ม เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ทิ่มจุดฝังเข็มในแนวตรงจนเลือดพุ่งออกมา เมื่อถึงเวลานั้นก็จะกระเด็นโดนตัวเอง ก็จะเป็นปัญหาไม่ใช่หรือ” ฉินหลิวซีแทงจุดฝังเข็มอีกสองจุด กดเบาๆ เอ่ยกับลูกศิษย์ทั้งสองอีกว่า “การเลือกจุดฝังเข็มต้องแม่นยำ ลงเข็มให้เร็ว การลงเข็มอย่างรวดเร็วต้องฝึกอย่างขยันขันแข็ง มิเช่นนั้นหากแทงไม่แม่น ก็จะเจาะได้เพียงรูเข็มเล็กๆ เท่านั้น เลือดไม่ออกมา แทงคนไข้จนกลายเป็นรูพรุน จากที่ไม่เจ็บก็จะเจ็บเอา เมื่อเจาะเลือดออกมาแล้วค่อยใช้ฝ้ายเช็ดเล็กน้อยจะช่วยให้รูเข็มที่ไหลช้าไหลได้ดีขึ้น”
นางกล่าวพลางสาธิตให้ดูอีกครั้ง เช็ดเข็มเงินเล่มนั้น แล้วเลือดก็เริ่มไหลออกมา”
ผู้เฒ่าอวี๋และคนอื่นๆ ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
เถิงเจาถือโอกาสถามขึ้นมาสองคำถาม ฉินหลิวซีเจาะเลือดขาอีกข้างหนึ่งพลางตอบคำถามของเขา “เลือดที่อุดตันส่วนใหญ่จะเป็นสีเข้ม ระบายทิ้งไม่มีผลเสีย เมื่อเลือดที่ไหลออกมาเป็นสีแดงสด และไม่ไหลแล้ว ก็นับว่าเรียบร้อยแล้ว”
มู่เหนียนพยุงเจ้านายของตัวเอง ก้มหน้ามองดูเด็กๆ รู้สึกเหมือนกำลังเล่นพ่อแม่ลูก
เขารับใช้เจ้านายมาหลายปี ได้พบท่านหมอมาก็ไม่น้อย เป็นครั้งแรกที่ได้พบท่านหมอที่ยังเป็นเด็ก ซ้ำเขายังเอ่ยได้อย่างสมเหตุสมผลทุกอย่าง
ได้เปิดหูเปิดตาแล้วจริงๆ
ผู้เฒ่าอวี๋เองก็รู้สึกขบขันเล็กน้อย ใครจะไปคิดว่าเพียงแค่รถพังก็จะได้พบผู้วิเศษเช่นนี้
“เร็ว รีบเข้าไปเร็วเข้า” มีเสียงคนเอะอะ เดินมาทางด้านบ้านไม้หลังนี้
มู่ซินสีหน้าสงบนิ่ง จับที่บริเวณเอวของตัวเองอย่างเงียบๆ ยืนขวางอยู่ข้างหน้าผู้เฒ่าอวี๋และคนอื่นๆ