คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 790 บังเอิญจริง ข้าก็ต่อสู้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน
- Home
- คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า
- ตอนที่ 790 บังเอิญจริง ข้าก็ต่อสู้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ตอนที่ 790 บังเอิญจริง ข้าก็ต่อสู้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน
……….
ฉินหลิวซีรีบไปยังสถานที่ที่มีเสียงร้องขอความช่วยเหลือ เมื่อไปถึงก็ชนเข้ากับชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่สองคน เมื่ออีกฝ่ายเห็นนางก็ตกตะลึง จากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก
“เจ้าเป็นใคร”
“ข้าเป็นบรรพบุรุษของเจ้า!” ฉินหลิวซีมองเห็นบาปชีวิตที่ล้อมรอบกายพวกเขา สองฝ่ามือตบไปที่หน้า จากนั้นก็ดีดร่องรอยพลังหยินเข้าใส่ แล้วจัดการมัดพวกเขาไว้
ชายฉกรรจ์ที่นอนอยู่บนพื้น “?”
เจ็บหน้ามาก ร่างกายรู้สึกหนาว อ๊ากกก มีผี!
ฉินหลิวซีเข้าไปในบ้านไม้แล้ว ทันทีที่เห็นก็มีสีหน้ามืดครึ้ม
ในห้องมีสตรีสิบกว่าคน ล้วนกำลังตั้งครรภ์ ทุกคนล้วนมีสีหน้าซีดขาว มีความหวาดกลัว แม้ว่าจะเห็นสตรีที่กำลังดิ้นรนครวญครางด้วยความเจ็บปวดอยู่บนพื้น แต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่สะทกสะท้าน
วันหนึ่งพวกนางก็จะเป็นเช่นนี้
มีสตรีเพียงสองคนที่ทำอะไรไม่ถูกพากันกรีดร้องของความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครเข้ามา
“สักวันพวกเจ้าก็ต้องได้คลอด” สตรีผู้หนึ่งตะโกนดุ
บางคนเลิกคิ้ว แสยะยิ้ม “คลอด ทำไมต้องคลอด ตายแล้วจะได้จบสิ้นกันไป”
การปรากฏตัวของฉินหลิวซี ทำให้คนในห้องตกใจ คนผู้นี้เป็นใคร ไม่ใช่บรรดาพระภิกษุที่เชิงเขา และยิ่งไม่ใช่พวกสัตว์เดรัชฉานในวิหารบนภูเขา
ฉินหลิวซีกวาดสายตามองพวกนาง จนไปถึงสตรีที่กำลังกุมท้องร้องด้วยความเจ็บปวดอยู่บนพื้น เมื่อเห็นสีแดงที่ส่วนล่างของร่างกายนาง เลือดออกแล้ว กำลังจะคลอดแล้ว?
นางเม้มริมฝีปาก ดูเหมือนว่างานทำคลอดจะมีมาอยู่บ่อยๆ
“เจ้า เจ้าเป็นใคร”
บรรดาสตรีเห็นว่าร่างกายนางสะอาดสะอ้าน มัดผมหางม้า สีหน้าเย็นชา ใบหน้างดงาม สวมชุดสีเขียว ดูไม่ออกว่าเป็นบุรุษหรือสตรี
“ข้าเป็นใครไม่สำคัญ แต่ตอนนี้สถานการณ์ของนางกำลังวิกฤต พวกเจ้าไม่ช่วยหรือ” ฉินหลิวซีเอ่ยว่า “เด็กจะคลอดแล้ว”
ทันทีที่นางกล่าวจบ สตรีที่อยู่บนพื้นผู้นั้นกลับคว้ามือของนางไว้ทันที ส่ายหน้าพลางเอ่ย “ไม่ ข้าไม่คลอด ขอร้องท่าน ฆ่าข้าเถิด ฆ่าข้าเลยเถิด”
ฉินหลิวซีตกตะลึง
มีคนเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “คลอดออกมา เด็กก็ถูกเอาไป จากนั้นยังไม่ทันได้อยู่ไฟ ก็ต้องตั้งท้องต่อโดยไม่รู้ว่าพ่อของเด็กคือใคร เป็นวัฏจักรวนเวียนอยู่ซ้ำๆ ตั้งครรภ์ คลอด แล้วก็ตั้งครรภ์ ไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน ตายเสียดีกว่าอยู่”
“พวกเจ้า…”
“พวกเขาเอ่ยถูกแล้ว พวกเราก็เป็นเพียงแค่แม่พันธุ์เท่านั้น” คนผู้นั้นกล่าวเย้ยหยัน
บรรดาสตรีพากันก้มหน้าแล้วร้องไห้
“เอื้อออ” สตรีที่อยู่บนพื้นออกแรงกัดลิ้นตัวเองขาด ร่างกายกระตุกไม่หยุด กุมท้องไว้แน่น ดวงตาเหม่อลอย แต่ใบหน้ากลับดูผ่อนคลายหลังจากหลุดพ้น
นางตายแล้ว เต็มใจที่จะกัดลิ้นฆ่าตัวตาย ก็ไม่ยอมที่จะคลอดบุตรในท้องออกมา
เกิดความเงียบขึ้นในห้อง
ฉินหลิวซีมองคนที่ตาไม่หลับ ใบหน้าที่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเขียว จากนั้นก็มองท้องโตของนางที่ยื่นออกมา ลมหายใจค่อยๆ อ่อนลง ไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว
“สหายน้อย ช่วยนางผ่าท้องเถิด อย่างไรเสียเด็กก็เป็นชีวิตหนึ่ง” ไม่รู้ว่าจื้อเฉิงมาถึงหน้าประตูบ้านไม้ตั้งแต่เมื่อใด เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ก็ถอนหายใจ
“ใครบังอาจ!” บรรดาสตรีราวกับแมวถูกเหยียบหาง ต่างพากันดีดตัวขึ้นมา จ้องมองจื้อเฉิงอย่างดุเดือด “ตาเฒ่าหัวโล้น เจ้ากำลังช่วยโจรทำชั่วอยู่หรือ ผ่าท้องเอาเด็กคนนี้ออกมา ก็ถูกเอาไปทำทารกผีไม่ใช่หรือ ตอนนี้ตายอยู่ที่นี่ ก็จะได้ไม่ไปทำร้ายผู้คนแล้ว”
จื้อเฉิงอ้าปาก ก้มศีรษะลง
ในห้องเงียบอีกครั้ง
กระทั่งมีความเคลื่อนไหวดังขึ้น ฉินหลิวซีตอบสนองเป็นคนแรก มองไปยังสตรีที่ตายแล้ว มีบางอย่างพลุกพล่านอยู่ใต้กระโปรงกว้างของนาง
มีเสียงดังขึ้น
ฉินหลิวซีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
บังจื้อเฉิงไว้ จากนั้นนางก็เปิดประโปรงขึ้นดู สีหน้าซับซ้อน อุ้มเด็กที่มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะมีชีวิตอยู่และเต็มไปด้วยเลือดออกมา
“เด็กโลงศพ!” ทุกคนต่างพากันกรีดร้องด้วยความตกใจ ถอยหลังหลายก้าว
เมื่อเห็นเด็กที่เต็มไปด้วยเลือดยังไม่ได้ลืมตา สตรีที่เดิมทีไม่อนุญาตให้ฉินหลิวซีช่วยผ่าคลอดก็กรีดร้อง พลางเอ่ย “เด็กโลงศพ อัปมงคล บีบคอเขาให้ตายเร็วเข้า บีบคอเขาให้ตาย”
ฉินหลิวซีพูดไม่ออก เอ่ยขึ้นว่า “อัปมงคลอย่างไร พ่อกับแม่เขาก็ไม่อยู่แล้ว แม่ของเขาตายก่อนหน้าที่เขาจะเกิด ซ้ำยังเป็นการฆ่าตัวตาย นี่เป็นความผิดเขาหรือ เด็กคลอดออกมา ซ้ำยังมีชีวิตอยู่ เจ้าอยากจะฆ่าเขาเพื่อเพิ่มบาปชีวิตบริสุทธิ์ เจ้าก็มาเอง”
นางอุ้มเด็กไปส่งตรงหน้าสตรีผู้นั้น
สตรีผู้นั้นตกใจจนสีหน้าซีด กรีดร้องพลางถอยหลัง
มีเสียงดังเอะอะมาจากข้างนอก จื้อเฉิงเอ่ยว่า “คนในวิหารบนภูเขามาแล้ว”
ฉินหลิวซีตัดสายสะดือ แล้ววางเขาไว้ในอ้อมแขนของจื้อเฉิง ส่วนตัวเองก็ออกไปต้อนรับ เห็นชายฉกรรจ์หลายคนเดินมาทางนี้อย่างรวดเร็ว
มาได้ทันเวลาพอดี ไฟชั่วร้ายในใจของนางยังไม่มีที่ให้ระบายพอดี!
ฉินหลิวซีมองไปยังคนชั่วทั้งสองคนที่ถูกจัดการล้มลงบนพื้นก่อน เนื่องจากมีพลังหยินพัวพันจึงได้สั่นไปทั้งตัว ยกเท้าขึ้นเตะหลายที
ส่วนเตะโดนตรงไหนนั้น ไม่ใช่เรื่องที่นางต้องพิจารณา
ทั้งสองคนร้องครวญคราง กุมเป้าด้วยสีหน้าซีด ขาดแล้ว
ผู้ที่มามีสี่คน ล้วนมีความชั่วร้ายและบาปกรรมติดตัว บางคนยังมีบาปชีวิตอีกด้วย เมื่อเห็นฉินหลิวซีที่เป็นคนแปลกหน้า ก็พากันหน้าเปลี่ยนสีแล้วพุ่งเข้ามา
ไม่ว่าอย่างไรก็สู้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ฉินหลิวซี ‘ช่างบังเอิญจริงๆ ข้าก็คิดเช่นนี้!’
นางหยิบท่อนไม้ข้างบ้านไม้ขึ้นมา ลองชั่งน้ำหนักในมือ เบาไปหน่อย แต่ไม่เป็นไร
นางเขย่งปลายเท้า ออกแรงไปข้างหน้า ท่อนไม้ในมือถูกนางใช้เป็นหอกดาบ ฟันเข้าไปในแนวนอน แทงตรง แทงมุมทแยง ทุกดอกโดนไปที่จุดฝังเข็มของคนเหล่านั้น ทำเอาฝ่ายตรงข้ามเจ็บปวดจนไม่มีแรงเอาคืน พากันล้มลงกับพื้น
ฉินหลิวซีรู้จักร่างกายคนเป็นอย่างดี ลงมืออย่างมีทักษะ ทั้งๆ ที่ไม่มีเลือดออก แต่หลายคนไม่มีใครไม่รู้สึกว่าบนร่างกายเจ็บปวดราวกับใช้มีดกรีดกระดูก เจ็บปวดราวกับถูกบดขยี้
เสียงกรีดร้องดังก้องไปทั่วหุบเขาลึกลับ
พระภิกษุหนุ่มสองคนที่มากับจื้อเฉิงและสตรีหลายคนที่อยากรู้อยากเห็นได้เห็นเหตุการณ์นี้ จะกล่าวอย่างไรดี เห็นว่าคนเหล่านั้นถูกทุบตีอนาถเป็นอย่างมาก แต่ในใจกลับรู้สึกมีความสุขเป็นที่สุดอย่างบอกไม่ถูก
ฉินหลิวซีทุบตีพวกเขาจนลมหายใจรวยริน ระบายไฟโกรธได้เกือบหมดแล้วจึงได้วางมือ
สตรีที่กรีดร้องดังที่สุดผู้นั้นเห็นว่าคนเหล่านั้นยังมีลมหายใจ จึงถามด้วยความโกรธว่า “เหตุใดไม่ฆ่าให้ตาย พวกเขาก็แค่สัตว์เดรัจฉาน”
ฉินหลิวซีเหลือบมองนาง โยนท่อนไม้ไปให้ “เจ้าทำได้ก็มาทำเอง?”
สตรีผู้นั้นตกตะลึง
ฉินหลิวซีเดินเข้าไปในบ้านไม้พลางเอ่ย “เรื่องแก้แค้นเช่นนี้ ควรจะเหลือไว้ให้ตัวเองจึงจะสะใจไม่ใช่หรือ”
ทุกคนเงียบไปครู่หนึ่ง ก็ไม่รู้ว่าใครเริ่มก่อน คว้าก้อนหินที่หน้าประตูหนึ่งก้อนแล้วโยนออกไป คนต่อไปขว้างไปที่ศีรษะ ขว้างไป ด่าไป ร้องไห้ไป มีคนเข้ามาสมทบ
เสียงร้องไห้และเสียงกรีดร้องปะปนกัน
ฉินหลิวซีไม่ได้สนใจ ย่อตัวลงอยู่ตรงหน้าจื้อเฉิง สบตาเขาแล้วฉีกยิ้ม เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ชั่วร้ายยิ่งกว่าพระพุทธรูปมาร “ข้าไม่ใช่คนของศาสนาพุทธ ไม่ได้เมตตาทุกสรรพสิ่ง บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ นี่เป็นเวรกรรมระหว่างพวกเขา”
ส่วนบาปชีวิต ตอนนี้พวกนางที่ความเกลียดชังบังตาไปหมดแล้วจะยังสนใจอยู่หรือ
หากตอนนี้ไม่ให้พวกนางระบายความโกรธนี้ เกรงว่าพวกนางจะเหมือนกับคนเมื่อครู่นี้ ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว!