คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 799 น้องชายไม่เอาไหนเกิดเรื่องแล้ว
ตอนที่ 799 น้องชายไม่เอาไหนเกิดเรื่องแล้ว
……….
ฉินหลิวซีเดินออกมาจากห้องเต๋า เห็นเว่ยเสียเอนกายอยู่ใต้ต้นไม้ด้านนอก เมื่ออีกฝ่ายเห็นใบหน้าของนางก็ขมวดคิ้วแน่น
“คราวนี้ออกไปเผชิญภัยพิบัติครั้งใหญ่มาหรือ” เขาไม่เคยเห็นสีหน้าของนางดูแย่ขนาดนี้มาก่อน
ฉินหลิวซีเอียงศีรษะ เอ่ยว่า “ประมาณนั้น ต่อไปเกรงว่าข้าจะไม่มีเวลามาที่ร้านแล้ว หากมีผู้ที่อยากจะมาขอยันต์ให้พวกเขาไปที่อารามชิงผิง หากขอรับการรักษา ถ้าไม่ใช่โรคประหลาดอะไร ก็ให้พวกเขาไปหาหมอคนอื่น หากต้องการตัวข้าจริงๆ ค่ารักษาหนึ่งหมื่นตำลึงขึ้นไป”
เว่ยเสีย ‘หนึ่งหมื่นตำลึง นี่มันปล้นกันชัดๆ!’
แต่เขาก็รู้ว่าการที่ให้ฉินหลิวซีออกโรง ราคานี้นับว่าคุ้มค่า สิ่งที่เขาสนใจคือเรื่องที่นางจะทำ
“ท่านจะไปทำอะไรหรือ”
“ข้าออกไปครั้งนี้ อาจารย์ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ไม่เพียงแต่บาดเจ็บภายใน ซ้ำยังได้รับผลสะท้อนกลับของคาถาอีกด้วย ตบะถดถอยกว่าเดิม ร่างกายของเขาจะปล่อยให้ล่าช้าไม่ได้ ข้าจะต้องหลอมยาสร้างรากฐานให้เขาโดยเร็วที่สุด และก่อนหน้านั้นก็อยากจะกลั่นยาหุยชุน ดังนั้นจึงต้องค้นหาสมบัติล้ำค่าที่จำเป็นกลับมา”
เงินนั้นสำคัญ แต่ก็มีความสำคัญน้อยกว่าวัตถุดิบยาที่หายากเป็นอย่างมากเหล่านั้น และยิ่งไม่สำคัญเท่ากับร่างกายของตาเฒ่า
เมื่ออยู่ต่อหน้าชะตาชีวิตของตาเฒ่าผู้นี้ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นเพียงของปรุงแต่ง
เว่ยเสียขมวดคิ้ว เงียบไปครู่หนึ่ง อยากจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่ก็รู้สึกว่าไม่ควรพูดเรื่องอัปมงคลในช่วงเวลานี้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกลูกหลงจากนาง
“ดูแลตัวเองบ้าง ร่างกายของตัวท่านเองก็จะทรุดแล้ว จะต้องทำทุกอย่างเลยหรือ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
ฉินหลิวซีเลิกคิ้วพลางมองเขา “ตายจริง คนปากพล่อยอย่างเจ้าก็สามารถพูดคำพูดดีๆ ได้ด้วย อยากจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ใหม่แล้วหรือ”
เว่ยเสียสะบัดแขนเสื้อด้วยความโกรธแล้วกลับไปที่ด้านหน้า คนผู้นี้ไม่คู่ควรกับคำพูดห่วงใย
ฉินหลิวซีฉีกยิ้ม ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจากด้านหลังห้องเต๋า หันไปมอง หลานซิ่งเดินออกมา ในมือถือขวดหยกหล่อเลี้ยงวิญญาณ
“ตกลงกันแล้วหรือ”
“พวกเราคุยกันแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือเสี่ยวโย่วต้องดูแลรักษาวิญญาณให้ดีขึ้นก่อนจึงจะพูดถึงเรื่องอื่นได้ ส่วนจะสามารถกลับคืนสู่ร่างเดิมของเขาได้หรือไม่นั้น ก็ต้องฝากให้เป็นหน้าที่ของท่านอาจารย์แล้ว” หลานซิ่งหยุดไปครู่หนึ่ง ถามอีกว่า “ในเมื่อมีผู้ที่ยึดร่างสามารถมีสองดวงวิญญาณในร่างเดียวได้ หากข้าเต็มใจ สามารถเอาดวงวิญญาณของเขามาใช้ร่างร่วมกันได้หรือไม่”
“เจ้าเป็นเพียงแค่คนธรรมดา ไหนเลยจะรองรับสองดวงวิญญาณได้ ดั่งคำเอ่ยที่ว่าเสือสองตัวอยู่ในถ้ำเดียวกันไม่ได้ เพียงระยะสั้นนั้นไม่เป็นไร แต่หากเวลาผ่านไปนานแล้วย่อมเกิดการสูญเสีย ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น หากเจ้าอยากจะอยู่กับเขา ขวดหยกหล่อเลี้ยงวิญญาณนี้เจ้าก็เก็บไว้เถิด”
หลานซิ่งดวงตาเป็นประกาย “ได้หรือ”
หากข้าบอกว่าไม่ได้ ข้าเกรงว่าเจ้าจะตามติดข้าทั้งวัน สะบัดก็ไม่หลุด น่ารำคาญจะตาย
เมื่อหลานซิ่งเห็นว่านางพยักหน้า ก็กอดขวดหยกหล่อเลี้ยงวิญญาณอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็วิ่งออกไป ไม่นานก็กลับมา มอบตั๋วเงินหนึ่งหมื่นตำลึงให้ฉินหลิวซี
ฉินหลิวซี “?”
“ข้าได้ยินเรื่องกฎของท่านจากฉังคงมานานแล้ว ท่านช่วยปัญหาใหญ่ ข้าย่อมต้องให้ค่าน้ำมันตะเกียง ซ้ำยังมีขวดหยกหล่อเลี้ยงวิญญาณนี้ ย่อมไม่ใช่สิ่งของธรรมดา หนึ่งหมื่นตำลึงนี้ข้าก็พึ่งได้ยินที่ท่านคุยเรื่องค่ารักษากับเถ้าแก่ใหญ่เมื่อครู่นี้ ข้าก็เลยให้ตามนั้น” หลานซิ่งมองนางอย่างระมัดระวังพลางถามว่า “น้อยไปหรือไม่ หากไม่พอ ข้าจะไปเอามาอีก”
ฉินหลิวซีพูดไม่ออก “พวกเจ้าร่ำรวยกันขนาดนั้นเชียวหรือ”
มีแต่นางคนเดียวที่ยากจน!
“ก็เป็นเพราะบรรพบุรุษ พอจะมีมรดกมั่งคั่งอยู่บ้าง” หลานซิ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
เอาเถิด ล้วนไม่ได้ขาดแคลนเงิน แต่ขวดหยกหล่อเลี้ยงวิญญาณนี้ไม่สามารถมอบให้เขาได้
ฉินหลิวซีชี้ไปที่มือของเขา เอ่ยว่า “ขวดหยกหล่อเลี้ยงวิญญาณนี้เป็นเครื่องราง เมื่อดวงวิญญาณของหลานโย่วดีขึ้นแล้ว ข้าจะต้องขอคืน”
“ข้ารู้ ต่อให้ท่านมอบให้ข้า ข้าก็ใช้ไม่เป็น” หลานซิ่งถือขวดหยกหล่อเลี้ยงวิญญาณอย่างทะนุถนอม ราวกับกำลังปฏิบัติต่อสมบัติอันล้ำค่าบางอย่าง เอ่ยว่า “เมื่อหลานโย่วอยู่ในนี้ ข้าก็จะพกติดตัวไว้”
ฉินหลิวซีเห็นท่าทางเขาเช่นนั้น ในใจคิดว่าเจ้าใบหน้าเย็นชาเช่นเดิมจะดีกว่า
เพื่อหลานโย่วแล้ว หลานซิ่งจึงพักอาศัยอยู่ที่เมืองหลีเป็นการชั่วคราว
ฉินหลิวซีกลับไปที่บ้านฉินด้วยร่างกายที่เหนื่อยล้าไปทั้งตัว ความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของนาง ไม่เพียงแต่ทำให้ฉีหวงเห็นแล้วรู้สึกปวดใจ แม้แต่ลูกศิษย์ทั้งสองก็ล้วนมีสีหน้าเป็นกังวล และยากที่ปีศาจโสมน้อยจะใจกว้างสักครั้ง เสียสละผลโสมแดงที่พึ่งออกผลให้หนึ่งผล
ฉินหลิวซีอาบน้ำยาสมุนไพร แล้วกินผลโสมแดง จากนั้นเมื่อศีรษะถึงหมอนก็หลับไป
วิธีที่ดีที่สุดในการฟื้นฟูคือการนอนหลับ
วั่งชวนหมอบอยู่บนหน้าต่างมองเข้าไปข้างใน ถอนหายใจพลางเอ่ยว่า “ศิษย์พี่ ท่านอาจารย์คงเหนื่อยมากจริงๆ เจ้าค่ะ”
เถิงเจาดึงคอเสื้อของนางไปที่เรือนโอสถ เอ่ยว่า “ดังนั้นอย่าส่งเสียงดัง วันนี้ท่องเพลงน้ำแกงสมุนไพรแล้วหรือยัง เรียนรู้แผนภาพจุดฝังเข็มทั้งหมดแล้วหรือ”
วั่งชวน “…”
หลังจากฉินหลิวซีนอนหลับ ความจริงแล้วก็เพียงแค่หลับไปวันเดียวก็ลุกขึ้นมาแล้ว จากนั้นนางเข้าไปในห้องเล็กๆ ที่เก็บวัตถุดิบยาหายากในเรือนโอสถ ตรวจสอบวัตถุดิบยาที่มีอยู่ในตอนนี้ จากนั้นก็ส่งข้อความไปหาเผ่าหวงเซียน ซื้อวัตถุดิบยา บางอย่างไม่มี นางก็พาเฮยซาไปขุดหาที่ภูเขาลึกและป่ารกร้างด้วยตัวเอง
ยุ่งๆ เช่นนี้ ก็ยังไม่ลืมไปฝังเข็มให้นักพรตเฒ่าชื่อหยวนที่เส้นเลือดมังกร ในชั่วพริบตาก็มาถึงช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงในเดือนสิบ นางไปส่งยาหุยชุนที่พึ่งกลั่นออกมาสดๆ ใหม่ๆ ที่เส้นเลือดมังกร
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนเห็นว่านางผอมลงมาก สีหน้าก็ดูเย็นชากว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด จึงเอ่ยว่า “เจ้าอย่าทรมานร่างกายตัวเองมากเกินไป ต้องพักผ่อนสักหน่อย”
ฉินหลิวซี “อืม” ยื่นยาหุยชุนไปให้ “กินเข้าไป”
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนมองไปที่เม็ดยาที่ส่งกลิ่นหอมของยา ไม่กล้าบอกให้นางเก็บเอาไว้ รับมาแล้วกลืนลงไปอย่างว่าง่าย จากนั้นก็เริ่มปรับลมปราณเคลื่อนย้ายมหาจักรวาล
เมื่อยาลูกกลอนที่ไม่รู้ว่าเพื่อนำมาปรุงแล้วต้องสิ้นเปลืองสมบัติล้ำค่าไปมากมายเท่าไหร่เข้าสู่กระเพาะ ใช้มหาจักรวาลนำทางพลังยาให้เดินทางผ่านเส้นลมปราณทั้งร่างกาย ราวกับอยู่ในบ่อน้ำพุร้อน
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของตาเฒ่าเริ่มมีสีแดงระเรื่อ ฉินหลิวซีก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เดินออกไป
ซาหยวนจื่อกำลังเล่นตราพุทธะ พลิกดูซ้ำไปซ้ำมา
“เจ้าดูรู้เรื่องด้วยหรือ” ฉินหลิวซีแย่งมาจากมือของเขา เห็นว่าด้านบนสลักด้วยตัวอักษรสันสกฤตโบราณที่ซับซ้อน ดูอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ด้านล่างตราพุทธะมีอักขระของลัทธิเต๋าอยู่บ้าง ซึ่งเป็นยันต์ต่อสู้ทำลายล้าง
ตราพุทธะนี้ เป็นเครื่องรางที่ปลุกเสกทั้งพุทธและลัทธิเต๋า
“เคยเห็นมาก่อนหรือไม่” ฉินหลิวซีถามเขา
ซาหยวนจื่อเอียงศีรษะเล็กน้อย ส่ายหน้า
ฉินหลิวซีเลียริมฝีปาก ไม่เคยเห็นมาก่อน นั่นเป็นเครื่องรางที่ได้รับการหล่อหลอมโดยชื่อเจินจื่อหรือว่าได้เป็นรางวัลจากการเป็นลูกน้องกันแน่ หากเป็นอย่างที่สอง เช่นนั้นซื่อหลัวก็เก่งกาจกว่าที่นางคิดไว้จริงๆ
วัดใหญ่ทั้งสามแห่งที่ซ่อนกระดูกพุทธะใหญ่ทั้งสามไว้ เกรงว่าจะต้องไปหาสักหน่อย ให้พวกเขาจัดการ ส่วนชิ้นที่อยู่ในมือของนางเองนั้น ฉินหลิวซีนึกบางอย่างขึ้นมาได้ ลดสายตาลง
นางโยนตราพุทธะใส่อ้อมแขนของซาหยวนจื่อ ทันใดนั้นก็รู้สึกใจสั่นและเจ็บปวด นางสายตาเฉียบคม เดินเข้าไปในห้อง หยิบเหรียญเต่ามาสองสามเหรียญแล้วโยนหลายครั้งเพื่อทำนาย
ผลคือลางร้าย
เป็นลางร้ายอันใหญ่หลวงเกี่ยวกับสายเลือดของนาง
ฉินหลิวซีคิดอยู่ครู่หนึ่ง กัดปลายนิ้ว หยิบยันต์ออกมาวาดยันต์ถามเทพ มือทั้งสองข้างร่ายคาถา หลับตาลงเบาๆ
ในขณะที่นางหลับตาอยู่ นางเห็นเด็กที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือดผ่านทางคาถา
ฉินหลิวซีลืมตา ลุกขึ้นในทันที
“มีอะไรหรือ”
“น้องชายที่ไม่เอาไหนของข้าผู้นั้นเกิดเรื่องแล้ว ท่านอย่าลืมฝึกบำเพ็ญ อย่าคิดมาก ข้าขอตัวก่อน” ฉินหลิวซีเอ่ยจบก็แหวกช่องว่างกลางอากาศแล้วจากไป