คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 806 ถึงเวลากำจัดพวกไม่ดูตาม้าตาเรือแล้ว
ตอนที่ 806 ถึงเวลากำจัดพวกไม่ดูตาม้าตาเรือแล้ว
……….
เมื่อฉินหลิวซีจัดการเรื่องนี้เสร็จ ความโกรธที่มีอยู่เต็มท้องก็เบาบางลงไปบ้าง แต่เมื่อนึกถึงยาหุยชุนเม็ดนั้นของตัวเอง นางก็รู้สึกว่ายังไม่พอ เจ้าเด็กสารเลวผู้นี้ทำตัวเองสูญเสียครั้งใหญ่ บัญชีนี้ต้องจำไว้บนศีรษะของเขา
จัดการเขา!
ฉินหลิวซีมาที่หอสมาคมค้าขาย เมื่อพ่อบ้านจ้าวเห็นนางก็รีบมาต้อนรับ ยกมือคำนับพลางเอ่ยว่า “ได้ทราบมาว่าเกิดเรื่องขึ้นกับคุณชายน้อยสาม และได้รับการช่วยเหลือแล้ว นายท่านคาดเดาไว้แล้วว่าท่านอาจจะออกโรง กำลังคิดจะไปดูทางด้านนั้นอยู่พอดีขอรับ”
นางถูกเขาพาเข้าไปในเรือนเล็กอันเงียบสงบ เมื่อเข้ามาที่เมืองอู่ในเดือนสิบ ความจริงอากาศเย็นมากแล้ว แต่กงปั๋วเฉิงกลับนั่งดื่มชาอยู่ที่ศาลา
ช่างไม่กลัวว่าจะถูกลมหนาวพัดจนหน้าชา
เมื่อเห็นนาง ใบหน้าน่าเกรงขามยากนักที่จะแสดงความอ่อนโยน กล่าวว่า “เดาไว้แล้วว่าเจ้าไม่มีทางละเลยน้องชายไม่เอาไหนของเจ้าผู้นั้น”
เขารินชาหนึ่งถ้วยด้วยตัวเองแล้วยื่นไปตรงหน้านาง เมื่อเห็นสีหน้านางดูแย่เป็นอย่างมาก ก็ขมวดคิ้วพลางเอ่ย “เกิดอะไรขึ้น มีปัญหาใดหรือ”
หรือว่าเด็กคนนั้นไม่รอดแล้ว
“คนชั่วตระกูลผู้ว่าการเนี่ยผู้นั้นทำข้าสูญเสียเงินมูลค่ามากถึงหนึ่งแสนตำลึง ความโกรธของข้านี้ซัดเขาไปหนึ่งยกก็ยังไม่พอ ข้าเสียเงินไป พวกเขาก็อย่าคิดว่าจะอยู่อย่างสบาย ต้องให้เขาได้ลองมีชีวิตที่ยากลำบากดูบ้าง” ฉินหลิวซีเอ่ย
กงปั๋วเฉิงตกตะลึง “ไม่ได้แค่ทำร้ายน้องชายไม่เอาไหนของเจ้าหรอกหรือ เหตุใดจึงได้ลามไปถึงเรื่องที่เจ้าสูญเสียเงินเสียได้”
“แน่นอนว่าเป็นเพราะยาเม็ดนั้นที่ข้าให้เขามีมูลค่ากว่าหนึ่งแสนตำลึง” ฉินหลิวซีกัดฟันเอ่ย
กงปั๋วเฉิงเห็นว่าใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเจ็บปวดจึงเข้าใจแล้ว เกรงว่ายาเม็ดนั้นจะประเมินค่าไม่ได้จริงๆ มิเช่นนั้นนางคงไม่แสดงสีหน้าเช่นนี้
เมื่อนึกถึงอาการบาดเจ็บของฉินหมิงเยี่ยน ไม่ได้มีจดหมายรายงานพิธีศพ นั่นก็เป็นเพราะถูกช่วยเหลือไว้แล้ว การที่ช่วยชีวิตไว้ได้ก็เป็นเพราะยานั่นหรือ
“หรือว่าจะมีประสิทธิภาพทำให้ฟื้นจากความตายได้”
“จะกล่าวเช่นนั้นก็ได้กระมัง” ฉินหลิวซีปวดใจเป็นอย่างมาก
ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ ก็สามารถดึงคนกลับมาจากประตูวิญญาณได้ หากไม่ได้ช่วยให้ฟื้นจากความตายแล้วจะเรียกว่าอะไร
กงปั๋วเฉิงตกตะลึง ยาดีเช่นนี้ ต้องเป็นสิ่งที่หายากอย่างแน่นอน
ตระกูลเนี่ย
กงปั๋วเฉิงสีหน้าเย็นชา ทำให้นางต้องสูญเสียยา ก็คือทำให้เขาต้องสูญเสียผลประโยชน์ อย่างไรเสียการที่จะปรุงยาเช่นนี้ออกมาได้ ก่อนอื่นวัตถุดิบยาจะต้องมีมูลค่าเป็นอย่างมาก ซ้ำยังต้องใช้ทักษะการเล่นแร่แปรธาตุกลั่นออกมา มูลค่าไหนเลยจะเพียงแค่หนึ่งแสนตำลึงเงิน?
ยาวิเศษชั้นยอดที่ทำให้ฟื้นจากความตายได้ สำหรับผู้ที่ไม่ขาดแคลนเงิน ต่อให้มูลค่าหนึ่งล้านตำลึงก็ไม่คิดว่าแพง อย่างเช่นเขา
แต่หากสูญเสียไปหนึ่งเม็ด เช่นนั้นต่อให้มีเงินก็ซื้อไม่ได้
เมื่อคิดเช่นนี้ สีหน้าของกงปั๋วเฉิงก็ยิ่งแย่ลง ต่อให้เป็นความสัมพันธ์ของเขากับฉินหลิวซี อยากจะขอยาเช่นนี้ก็ขอไม่ได้ ทว่าก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตา อย่างไรเสียนั่นก็ไม่ใช้ยาอมที่มีเกลื่อนกลาดตามท้องถนน แต่เป็นยาวิเศษที่ช่วยให้ฟื้นจากความตายได้
เขามีเงิน แต่ฉินหลิวซีไม่มีสินค้า ก็เปล่าประโยชน์ไม่ใช่หรือ
เดินทางในยุทธภพ มีใครบ้างที่ไม่มีช่วงวิกฤตความเป็นความตาย
สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือหากไม่มียาเช่นนี้พกติดตัวรักษาชีวิต หากเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ ต่อให้มีเงิน มีวัตถุดิบยา และมีคน ก็ปรุงยานี้ขึ้นมาไม่ทัน ยมทูตจะรอว่าเจ้าสามารถปรุงยานี้ออกมาได้หรือไม่แล้วค่อยมาเอาดวงวิญญาณเจ้าไปอย่างนั้นหรือ
ดังนั้นตระกูลเนี่ยที่สมควรตายนี้ได้ทำลายผลประโยชน์ของเขาด้วยเช่นกัน
ตระกูลเนี่ย ‘นี่มันตรรกะบ้าบออะไร เถียงข้างๆ คูๆ!’
กงปั๋วเฉิงเอ่ยด้วยสีหน้ามืดครึ้ม “พวกไม่ดูตาม้าตาเรือ กำจัดเสียก็สิ้นเรื่อง”
ตระกูลเนี่ยก็ไม่ใช่คนดีอะไร ผู้ว่าการเนี่ยก็เป็นคนโลภคนหนึ่ง ตั้งแต่ที่พวกเขาทำการค้าขายก็ได้รับเงินมาจำนวนไม่น้อย แต่ก็ยังไม่รู้จักพอ ตอนนี้มีบุตรสาวได้เป็นกุ้ยเหรินแล้วก็ยิ่งหยิ่งผยองมากขึ้น
น่าขันสิ้นดี ก็เพียงแค่กุ้ยเหรินน้อยที่พึ่งเข้าวัง ยังไม่ทันได้กระพือปีก พวกเขาก็กล้าทำตัวกร่างแล้ว ช่างไม่เกรงว่ายังไม่ทันได้สยายกางปีกก็ถูกคนหักทิ้งเสียก่อน
กงปั๋วเฉิงเห็นผู้ว่าการเนี่ยขัดหูขัดตามานานแล้ว จึงเอ่ย “ข้าจะกำชับให้คนไปจัดการสักหน่อย”
กงปั๋วเฉิงเหลือบมองนาง “ระยะเวลาสามปีในการคัดเลือกตำแหน่งหัวหน้าสมาคมค้าขายกำลังจะครบกำหนดแล้ว ตระกูลเสิ่นได้มีการเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ มากมาย ปีนี้ได้มีถวายใบชาเหล่าปันจังเป็นเครื่องบรรณาการ ตำแหน่งกิจการราชวงศ์นั้นมั่นคงราวกับขุนเขา ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าพวกเขาก็ได้ส่งบุตรสาวเข้าวังเช่นกัน”
ฉินหลิวซีขมวดคิ้ว “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับข้า”
กงปั๋วเฉิงกระแอมเบาๆ หยิบกาน้ำชามาเติมชาให้นาง เอ่ย “อายุปูนนี้แล้ว ตระกูลเสิ่นต้องการตำแหน่งนี้จึงได้ส่งนักฆ่าในยุทธภพมาสร้างปัญหาตลอดเวลา ชีวิตแก่ชราของข้านี้ เกรงว่าจะรักษาไว้ไม่ได้”
ฉินหลิวซีระวังตัวในทันที
“ยาฟื้นจากความตายของเจ้า ให้ข้าติดตัวสักหน่อยได้หรือไม่”
ฉินหลิวซีดีดตัวขึ้นมา “ข้าก็มีเพียงเม็ดเดียวแล้ว ไม่รู้หรือว่าวัตถุดิบยานี้หายากมากแค่ไหน”
กงปั๋วเฉิงสายตามืดมน “ข้าจำที่เจ้าเอ่ยเมื่อครั้งที่แล้วได้ หากร่ำรวยแล้ว อย่าลืมกัน”
ฉินหลิวซี “!”
เจ้าไม่ต้องการศักดิ์ศรีแล้วหรือ
มีเรื่อง ขอตัวก่อน
กงปั๋วเฉิงเอ่ยขึ้นมาก่อนที่นางจะจากไปว่า “เดิมทีข้าอยากจะแจ้งแก่เจ้าว่าช่วงนี้ได้วัตถุดิบยาดีมาไม่น้อย หนึ่งในนั้นมีเห็ดหลินจือม่วงทองด้วยหนึ่งดอก”
เท้าของฉินหลิวซีถูกตอกตะปูอยู่กับที่ การหลอกล่อของอีกฝ่ายนั้นช่างหอมหวนมากจริงๆ
“เรือจากต่างแดนจะมาถึงในปีหน้า หากไม่มีอะไรผิดพลาด ก็จะนำยาสมุนไพรดีๆ กลับมาไม่น้อย” กงปั๋วเฉิงเอ่ยเสริมอีกหนึ่งประโยค
ฉินหลิวซีเอ่ยว่า “ยานี้ปรุงออกมายาก ท่านเอาไปพกติดตัวไว้ ก็ต้องหาส่วนผสมวัตถุดิบยาคืนมาให้ข้าด้วย”
“ได้”
กงปั๋วเฉิงทำกิจการ แต่ไม่ได้ค้าขายเพียงอย่างเดียว เขาทำกิจการหลายอย่าง เรือเดินสมุทรก็มี คาราวานของเขาได้ยาดีๆ มาไม่เคยเก็บเป็นความลับ ล้วนเก็บไว้ให้ฉินหลิวซี
ฉินหลิวซีมอบยาหุยชุนเม็ดสุดท้ายที่เหลืออยู่ในกระเป๋าไปให้ด้วยความปวดใจ
กงปั๋วเฉิงยื่นมือมารับ มือของนางกำขวดไว้แน่น ถูกเขาตีเบาๆ
ฉินหลิวซีรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงหัวใจที่แตกสลายของตัวเอง เอ่ยว่า “มิสู้ให้ข้าหาผีสองตนมาเป็นองครักษ์ให้ท่าน ยานี้ก็ไม่ต้องพกติดตัวแล้ว”
ประเด็นหลักคือนางรู้สึกปวดใจ
กงปั๋วเฉิงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “จับผีมาเป็นทาสเป็นสิ่งที่เจ้าควรทำหรือ”
เขาเอาตราสัญลักษณ์ยัดใส่มือของนาง แล้วเอ่ยว่า “เจ้าไปรับสินค้าที่ร้านรับฝากเงินด้วยตัวเอง ข้าฝากไว้ที่นั่นให้เจ้าหมดแล้ว”
ฉินหลิวซียัดใส่ถุงอย่างไม่ใส่ใจ สีหน้าเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
“จริงสิ มีจดหมายมาจากทางด้านซูเสวี่ย นางบอกกับคนผู้นั้นว่าคนใหม่ไม่สู้คนเก่า ก็ไม่รู้ว่าท่านนั้นจะให้ฉินหยวนซานกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิมหรือไม่ แต่แม้ว่าจะไม่ ผู้คนในเมืองหลวงก็กระตือรือร้นเรื่องที่จะพลิกคดีให้เขา เป็นเพราะเส้นสายของเจ้าหรือ หากเป็นเช่นนั้น หรือว่าใกล้จะได้รับการอภัยโทษแล้ว”
ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเรียบ “ร่างกายของเขาก็ทรุดโทรมลงไม่น้อย ไม่สามารถกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิมได้แล้ว อีกอย่างนายหญิงผู้เฒ่าก็คงจะอยู่ได้ไม่นานแล้ว”
พึ่งจะถูกเนรเทศหนึ่งปีกว่าก็คิดจะกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิม ฝันไปเถิด อย่างมากก็แค่ไปจากซีเป่ยแล้วกลับมาบ้านเกิด อย่างไรเสียนางก็ไม่ได้เห็นว่าตำแหน่งการงานของตาเฒ่าจะเจริญรุ่งเรือง ดังนั้นอาจจะไม่มีโอกาสเลย
ฉินหลิวซีถามไถ่เขาอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยขึ้นมาว่าจะพักอยู่ที่หอสมาคมค้าขายสองวันจึงขอตัวกลับไปที่เรือนเล็กก่อน
กงปั๋วเฉิงได้ฟังดังนั้นก็ดีใจมาก หลังจากที่นางจากไปก็เปิดจุกขวด เทเม็ดยาสีแดงออกมาหนึ่งเม็ด กลิ่นหอมชัดเจนของยาทำให้คนรู้สึกกระปรี้กระเปร่า รีบเก็บมันใส่เข้าไป เรียกพ่อบ้านจ้าวมากำชับให้เตรียมเรือนเล็ก เสื้อผ้า และบ่าวรับใช้ให้ฉินหลิวซี นอกจากนี้ให้ไปหาขี้ผึ้งกับสร้อยคอเปล่ามา ตั้งใจจะเอายารักษาชีวิตพกติดตัว
ฉินหลิวซีกลับไปที่เรือนเล็กตระกูลฉินอีกครั้ง เห็นรถม้าหนึ่งคันจอดอยู่ที่หน้าประตู เด็กผู้หญิงคนหนึ่งถูกพยุงเดินลงมา สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
นางเลิกคิ้ว ดาวเสน่ห์ร้ายของเด็กเมื่อวานซืนฉินหมิงเยี่ยนผู้นั้น!