คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 807 ตัดความสัมพันธ์และคำเตือน
ตอนที่ 807 ตัดความสัมพันธ์และคำเตือน
……….
ฉินหลิวซีกับสวี่ชิงแทบจะเข้าไปในเรือนเล็กตระกูลฉินพร้อมกัน อีกฝ่ายยังเหลือบมองนาง นี่เป็นใครกัน
เมื่อคนตระกูลฉินเห็นฉินหลิวซีกลับมาแล้ว ก็ทยอยกันเดินออกมาจากในห้อง ฉินปั๋วชิงเก็บเรื่องในใจไว้ไม่อยู่ ทันทีที่เอ่ยปากก็อยากจะถามนางว่าเอาถุงกระสอบไปคลุมใคร ขออย่าให้เป็นอย่างที่เขาคิดเถิด
แต่เมื่อเห็นสาวน้อยสวี่ชิงผู้นั้นก็กลืนคำพูดกลับลงไป เพียงแต่มองนางแล้วถามว่า “พวกเจ้ามาหาใครหรือ”
มีบ่าวรับใช้ก้าวมาข้างหน้า แนะนำสถานะของตัวเองและมาด้วยกัน สวี่ชิงก้าวไปข้างหน้าด้วยดวงตาแดงก่ำพลางเอ่ยว่า “ข้าได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นกับฉินสามจึงได้มาที่นี่ ข้าคิดไม่ถึงว่าเนี่ยเจียเป่าจะบ้าได้ขนาดนี้ พวกเจ้าวางใจเถิด ข้าได้ให้คนขี่ม้าเร็วไปแจ้งกับท่านปู่ของข้าแล้ว เขาออกไปเยี่ยมสหายอยู่ข้างนอก กำลังจะกลับมา จะทวงความเป็นธรรมให้ฉินสาม”
เด็กสาวก็อายุเพียงสิบสามสิบสี่ปี ดวงตาลูกท้อทั้งสองข้างชุ่มน้ำ อายุน้อยแค่นี้ก็มีรูปลักษณ์ที่มีเสน่ห์แล้ว และไม่สามารถซ่อนความสง่างามของคุณหนูจากตระกูลปัญญาชนผู้มีชื่อเสียงได้ ก็ไม่แปลกใจเลยที่เนี่ยเจียเป่าจะทำเรื่องบ้าๆ เพราะเหตุนี้
ความงามเป็นหายนะแห่งชีวิต
ฉินปั๋วชิงมีความไม่พอใจต่อเด็กสาวผู้นี้อยู่บ้างที่นำภัยพิบัติความเป็นความตายครั้งใหญ่มาสู่หลานชายของตัวเอง แต่ก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ควรโทษนางทั้งหมด ผู้ที่สมควรตายคือเนี่ยเจียเป่าผู้นั้น
ฉินปั๋วหงอยากจะเอ่ยประชดประชันสักสองประโยค แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาก็ได้รับการไหว้วานจึงได้ให้บุตรชายอยู่ข้างกายเป็นผู้ช่วย ไม่สามารถไปตำหนิได้ เพียงแต่เม้มปากเล็กน้อย สีหน้าดูไม่ค่อยดีนัก
ฉินหยวนซานก้าวไปข้างหน้าด้วยสีหน้าอ่อนโยน เอ่ยว่า “เรื่องนี้จะโทษคุณหนูสวี่ไม่ได้ บอกได้เพียงว่าคนผู้นั้นหยิ่งผยองเกินไป เจ้าก็อย่าได้โทษตัวเองมากเกินไป ทางด้านเจ้าสำนักสวี่ก็ไม่จำเป็นต้องรีบกลับมา มิเช่นนั้นหากมีเรื่องเกิดขึ้นระหว่างทางจะทำให้พวกเราไม่สบายใจและรู้สึกผิด ส่วนทางด้านเยี่ยนเอ๋อร์ก็วางใจเถิด หมอบอกว่าดูแลรักษาไม่กี่เดือนก็ดีขึ้นแล้ว”
สวี่ชิงดีใจในทันที “จริงหรือ แต่ข้าได้ยินมาว่าเขาถูกม้าเหยียบ”
“เป็นเช่นนั้น แต่ได้รับการรักษาแล้ว” ฉินหยวนซานยังได้เหลือบมองฉินหลิวซี สายตาอ่อนโยนมีเมตตา
สวี่ชิงเอ่ยอีกว่า “เช่นนั้นข้าเข้าไปเยี่ยมเขาได้หรือไม่”
ฉินหยวนซานส่ายหน้า “เกรงว่าตามธรรมเนียมจะไม่เหมาะ เจตนาของคุณหนูสวี่พวกเรารับไว้แล้ว และสภาพจิตใจของเยี่ยนเอ๋อร์ก็ไม่ดี ตอนนี้หลับไปแล้ว รอเขาดีขึ้นมากแล้ว จะไปโขกศีรษะขออภัยเจ้าสำนัก เจ้าก็จะได้เจอเขาเอง”
สวี่ชิงสีหน้ามืดมน แต่เขาในฐานะที่เป็นนายท่านตระกูลนี้ได้พูดถึงธรรมเนียมประเพณีแล้ว นางก็ไม่อาจหน้าด้านขอร้องอีกต่อไป
นางทำได้เพียงเหลือบมองห้องนั้น ย่อเข่าคารวะฉินหยวนซาน ก่อนจะหันหลังแล้วเดินจากไป
“หากคุณหนูสวี่ไม่อยากนำดาวเสน่ห์ร้ายไปสู่คนอื่นหรือตัวเอง ก็ต้องรีบให้ผู้อาวุโสในตระกูลหมั้นหมายให้เจ้าโดยเร็วที่สุด” ฉินหลิวซีเอ่ยขึ้นมาขณะที่นางหันหลังกลับ
ทุกคนตกตะลึง
สาวใช้ใหญ่ที่กำลังพยุงสวี่ชิงไม่พอใจในทันที เอ่ยดุๆ ว่า “เจ้ากำลังเอ่ยไร้สาระอะไรกัน”
ฉินหลิวซีกลับมองสวี่ชิง เอ่ยเสียเรียบ “โหนกแก้มสูงมีน้ำมีนวล เกินกว่าดอกท้อธรรมดาทั่วไป คาดว่าคงไม่ได้มีเพียงเนี่ยเจียเป่าที่ตกหลุมรักเจ้า เจ้าเกิดมาพร้อมกับโหงวเฮ้งดอกท้อ ดึงดูดดอกท้อมากมายอย่างง่ายดาย และเจ้ายังมีไฝที่สันจมูก และไฝที่สันจมูกบ่งบอกว่าเจ้ามีอาการชี่[1]ในตับอ่อนล้า ในทางการแพทย์ อาการตับล้ามักเกิดจากการที่ไม่สามารถแสดงอารมณ์ได้อย่างถูกต้อง ด้วยรูปลักษณ์เช่นนี้ เป็นเรื่องง่ายที่จะรักข้างเดียว และไม่สามารถเข้ากับคนที่ตัวเองชอบได้ จึงได้นำไปสู่ภัยหายนะทางความรัก นำภัยพิบัติมาสู่ตัวเองและผู้อื่น”
สวี่ชิงตกตะลึง เมื่อเข้าใจคำพูดนี้สีหน้าก็ซีดลงกว่าเดิม
“ไร้สาระ เจ้าเป็นนักต้มตุ๋นที่ไหนกัน!” คราวนี้ไม่เพียงแต่สาวใช้ใหญ่ที่โกรธ แม้แต่บ่าวรับใช้ที่ตามมาด้วยก็จ้องฉินหยวนซานและคนอื่นๆ ด้วยความไม่พอใจ “พวกเจ้าหมายความว่าอย่างไร คุณหนูของพวกเรามีเจตนาดีมาเยี่ยมคนถูกเนรเทศ พวกเจ้ากลับปล่อยให้นักต้มตุ๋นที่ไหนก็ไม่รู้มาพูดจาไร้สาระ”
ฉินหยวนซานและคนอื่นๆ ก็อึดอัดเป็นอย่างมาก โหงวเฮ้งที่ฉินหลิวซีเอ่ยเมื่อครู่นี้ก็ทำให้พวกเขาตกใจเช่นกัน
กะทันหันเป็นอย่างมาก
ไม่รอให้ฉินหยวนซานได้อธิบาย สวี่ชิงก็ยกมือขึ้น “แม่นม อย่าหยาบคาย”
นางมองฉินหลิวซีด้วยใบหน้าซีดขาว กัดริมฝีปากชมพู ถามว่า “หากข้าหมั้นหมายแล้ว ก็จะไม่มีดาวเสน่ห์ร้ายที่เจ้าเอ่ยถึงใช่หรือไม่”
“หลังจากหมั้นหมายลงนามเอกสารสมรสแล้ว ย่อมมีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะหลังจากแต่งงาน เจ้าว่าเหตุใดสามีภรรยาบางคู่จึงมีใบหน้าที่คล้ายกันอยู่บ้าง นั่นเป็นเพราะว่าสามีภรรยาอาศัยอยู่ด้วยกัน ความเคยชินเล็กๆ น้อยๆ ย่อมคล้ายกันบ้าง ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไปเป็นเวลานาน สามีภรรยารักใคร่กลมเกลียว ใบหน้าก็เริ่มเหมือนกันมากขึ้น จึงได้เกิดทฤษฎีว่าสามีภรรยาหน้าตาเหมือนกัน” ฉินหลิวซีเอ่ยว่า “ใบหน้าดอกท้อก็จะค่อยๆ เปลี่ยนไป ย่อมไม่มีดาวเสน่ห์ร้ายแล้ว”
นางหยิบยันต์หนึ่งแผ่นออกมาจากแขนเสื้อแล้วยื่นให้ “เห็นแก่ความสัมพันธ์ที่เจ้าสำนักสวี่รับฉินหมิงเยี่ยนเป็นผู้ช่วย ยันต์แคล้วคลาดนี้มอบให้คุณหนู หลังจากกลับถึงเรือน ให้ย้ายโต๊ะเครื่องแป้งไปยังตำแหน่งอื่น อย่าวางติดผนัง คนอย่างเจ้า ดอกท้อยิ่งรุ่งเรืองก็ยิ่งกลายเป็นอันตรายได้ง่าย ทำลายผู้อื่นและตัวเอง”
สวี่ชิงรับยันต์สามเหลี่ยมมาด้วยความมึนงง ถูกผู้คนรายล้อมระหว่างเดินออกมาจากบ้านเล็กแห่งนี้
ฉินหลิวซีส่ายหน้าเล็กน้อย หากดอกท้อกลายเป็นดาวร้ายก็จะเสียชีวิตได้ง่าย หากนางไม่อยากให้ความงามเป็นอันตรายต่อชีวิต ก็รีบหมั้นหมายแต่งงานโดยเร็วที่สุดจึงจะเป็นวิธีที่ถูกต้อง
เมื่อนางหันกลับมา ก็เห็นบรรดาผู้อาวุโสตระกูลฉินมองนางด้วยสายตาแปลกๆ สีหน้าอธิบายไม่ถูก
ฉินหลิวซีเดินไปที่ห้องของฉินหมิงเยี่ยน เมื่อเห็นว่าเขาหลับไปแล้วจริงๆ จึงได้เดินไปที่ห้องโถงด้านข้าง
“ซีเอ๋อร์ ที่เจ้าพูดถึงโหงวเฮ้งของคุณหนูสวี่เมื่อครู่ เป็นเช่นนั้นจริงๆ หรือว่า?” ฉินปั๋วชิงถามหยั่งเชิง
ฉินหลิวซีหัวเราะ “ข้าก็ไม่ได้มีเจตนาร้ายที่จะเอ่ยเรื่องไร้สาระกับสาวน้อยคนหนึ่ง ส่วนจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่นั้น พวกท่านอย่าลืมว่าหลายปีมานี้ข้าใช้ชีวิตอยู่ที่ไหน”
ประโยคนี้ฟังดูมีความขุ่นเคืองไม่มากก็น้อย
ทุกคนตัวแข็งทื่อ สีหน้าอึดอัดเล็กน้อย
ฉินหยวนซานถอนหายใจ เอ่ยว่า “เป็นตระกูลฉินที่ผิดต่อเจ้า และเป็นเพราะชะตาชีวิตเจ้านั้นประหลาด ซ้ำยังได้พบกับการมาของนักพรตเฒ่าชื่อหยวน จึงได้…”
“จะเป็นเพราะชะตาชีวิตก็ดี หรือเป็นเพราะข้าไม่สำคัญก็ช่าง สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่สำคัญแล้ว ท่านก็ไม่จำเป็นต้องเอ่ยอะไรมาก ตอนนี้ก็ดีมากแล้ว ตระกูลฉินคือตระกูลฉิน ข้าคือข้า ตัวใครตัวมัน” ฉินหลิวซีตัดบทสนทนาของเขา
ฉินหยวนซานสีหน้าซีด นี่เป็นการตัดความสัมพันธ์หรือ
ฉินปั๋วหงสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที เอ่ยดุว่า “เหตุใดเจ้าจึงได้เอ่ยเช่นนี้กับท่านปู่ของเจ้า”
ฉินหลิวซีเหลือบมองเขาอย่างเรียบเฉย เอ่ยว่า “มิสู้นายท่านใหญ่สอนข้าว่าควรจะพูดอย่างไร”
เอาเถิด นายท่านใหญ่ แม้แต่ท่านพ่อก็ไม่เรียกแล้ว!
นางยังเรียกเจ้าสามว่าท่านอาสาม แต่พอเป็นตัวเองกลับเรียกว่านายท่านใหญ่!
เห็นได้ชัดว่าไม่ยอมรับเป็นบิดา
ฉินปั๋วหงอธิบายไม่ได้ว่าในใจรู้สึกอย่างไร ทั้งอิจฉาทั้งขมขื่นทั้งหดหู่ ความโกรธพุ่งทะยาน จ้องจนตาแทบจะถลนออกมา
ฉินหยวนซานในใจรู้ดีว่าฉินหลิวซีมีความขุ่นเคือง แม้ว่าจะเสียใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้รู้สึกโกรธ อย่างไรเสียพวกเขาก็ติดค้างเด็กคนนี้ และตอนนี้นางก็ยังทุ่มแรงกายแรงใจเพื่อรักษาฉินหมิงเยี่ยน นับว่าได้เติมเต็มความสัมพันธ์ทางสายเลือดของนางแล้ว
ความจริงก็เป็นนักพรตเฒ่าชื่อหยวนที่สอนมาอย่างดี หากเป็นผู้อื่น เกรงว่าจะมีใจคิดที่จะแก้แค้นตระกูลเดิมนานแล้ว
เมื่อคิดเช่นนี้ ฉินหยวนซานก็ยิ้มอย่างขมขื่น เอ่ยว่า “ข้าก็ไม่กล้าคาดหวังให้เจ้าใส่ใจตระกูลฉินให้มาก ไม่ว่าอย่างไร เจ้าจำไว้ว่าตระกูลฉินคือบ้านของเจ้าก็พอแล้ว”
ฉินหลิวซีไม่คิดเช่นนั้น เอ่ยว่า “ข้าเป็นนักบวชที่มีเอกสารรับรอง อารามชิงผิงจะเป็นสถานที่ที่ข้าใช้เวลาที่เหลือ พวกท่านจดจำสิ่งนี้ไว้ รู้ดีอยู่แก่ใจก็พอแล้ว อย่าคิดว่าในตระกูลมีบุตรสาวคนโตเช่นนี้ ในภายภาคหน้าจะให้แต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์หรือใช้ประโยชน์ เมื่อถึงเวลานั้นทำเรื่องน่าขันขึ้นมาก็ยากที่จะจัดการได้แล้ว!”
ว่ากันว่าคำพูดไม่น่าฟังควรเอ่ยไว้ข้างหน้า นี่เป็นคำเตือน เป็นคำเตือนอย่างแน่นอน!
[1] ชี่ หรือลมปราณ หมายถึง ไหลเวียนอยู่ในร่างกายเราทุกคน เสมือนเป็นพลังงาน ของชีวิตที่ใช้ขับเคลื่อนในชีวิตประจาวัน สารขนาดเล็กในร่างกายที่มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา