คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 808 สำนักของเจ้าเก่งกาจขนาดนั้นเชียวหรือ
ตอนที่ 808 สำนักของเจ้าเก่งกาจขนาดนั้นเชียวหรือ
……….
‘ความไร้หัวใจ’ ของฉินหลิวซี ทำเอาฉินหยวนซานและคนอื่นๆ ตกใจในทันที อย่าคิดใช้ประโยชน์จากนาง นี่มันเป็นความคิดชั่วร้ายอะไรกัน พวกเขาไปคิดเช่นนั้นตอนไหน
ฉินปั๋วหงที่เป็นบิดาดีดตัวขึ้นมาเป็นคนแรก เอ่ยว่า “เจ้ามันคนใจแคบ พวกเราไปคิดเช่นนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็เป็นการเอ่ยคำพูดที่ไม่น่าฟังไว้ก่อน เพื่อที่จะได้ไม่เกิดความผิดพลาดขึ้นในภายหลังไม่ใช่หรือ” ฉินหลิวซีเผยรอยยิ้มจอมปลอม “ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจะดีที่สุด ทุกคนล้วนมีความสุข”
หากมีขึ้นมา คนที่อับอายขอแค่ไม่ใช่นางก็พอแล้ว
ฉินปั๋วหงสำลักจนตาเหลือก ในที่สุดเขาก็มองออกแล้วว่าบุตรสาวผู้นี้เกรงว่าจะหนักหนึ่งร้อยจิน[1] แต่มีเก้าสิบเก้าจินที่เป็นกบฏ
บรรยากาศอึดอัดเล็กน้อย ฉินปั๋วชิงหัวเราะพลางก้าวเข้าไปคลี่คลายสถานการณ์ เอ่ยว่า “ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องตึงเครียดเช่นนี้ ว่าแต่ซีเอ๋อร์ เมื่อครู่เจ้าบอกว่าไปคลุมกระสอบ ไปคลุมใครมาหรือ”
“ใช่แล้ว คนแซ่เนี่ย”
ฉินปั๋วหงเบิกตาโต “เจ้าไม่กลัวเขาจะมาก่อปัญหาเพิ่มหรือ พวกเราก็เป็นเพียงแค่คนถูกเนรเทศ ไม่มีอำนาจและกำลังมากพอจะไปต่อต้านตระกูลผู้ว่าการได้”
ฉินหลิวซีเอ่ยประชดประชัน “แม้แต่ท่านที่เป็นบิดาก็ยังจำไม่ได้ว่าข้าเป็นใคร ที่นี่ใครจะไปรู้ว่าข้าเป็นใคร”
ฉินปั๋วหงสำลักอีกครั้ง เอ่ยอธิบายว่า “เจ้าจากบ้านไปตั้งแต่ยังเด็ก ตอนนี้โตขึ้นแล้ว พวกเราสองคนพ่อลูกไม่ได้เจอกันมาสิบกว่าปีแล้ว จำไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติ”
“ใช่แล้ว บิดากับบุตรสาวไม่ได้เจอกันสิบกว่าปี ผู้ที่รู้ก็ว่าข้าถูกส่งไปฝึกบำเพ็ญอย่างหนักที่อารามเต๋า ผู้ที่ไม่รู้คงคิดว่าข้าตายไปนานแล้ว มีบิดากับบุตรสาวตระกูลไหนบ้างที่ไม่ได้เจอกันสิบกว่าปีทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ออกเรือน!” ฉินหลิวซีตอบโต้กลับอีกครั้ง “ท่านถามใจตัวเองดูเถิดว่าสิบกว่าปีมานี้ท่านยังจำบุตรสาวที่ถูกทิ้งไว้ในอารามเต๋าของท่านผู้นั้นได้หรือไม่ เคยคิดถึงถึงห้าครั้งหรือไม่”
ฉินปั๋วหงรู้สึกผิดเล็กน้อย เอ่ยอ้ำๆ อึ้งๆ ว่า “แน่นอนว่าต้องมีอยู่แล้ว ข้า พ่อแค่เป็นคนเก็บตัวไม่ค่อยแสดงออก”
ฉินหลิวซีหัวเราะในลำคอ ดูท่านรู้สึกผิดเข้าสิ เพียงแค่น้ำเสียงที่ตอบอย่างลังเลและขี้ขลาดราวกับยุง ถามหน่อยว่าใครจะเชื่อ
ฉินหลิวซีรู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย เอ่ย “พวกท่านก็ไม่ต้องคิดมากเกินไป เนี่ยเจียเป่าผู้นั้นไม่มีโอกาสมาหาเรื่องแล้ว”
กระดูกหักต้องใช้เวลาพักฟื้นเป็นร้อยวัน ไม่ต้องพูดถึงว่ากระดูกหักไม่สามารถขยับได้ ซ้ำแหล่งสืบพันธุ์ก็เสียหาย อีกทั้งยังมีการรักษาบาดแผลที่นางจัดเตรียมไว้ให้ เจอผีแต่ละตนอย่างสนุกสนาน คาดว่าเขาคงจะทุกข์ทรมานเป็นอย่างมากในช่วงที่รักษาตัว
ดังนั้น เขาเอาตัวเองแทบจะไม่รอดแล้ว ยังคิดจะมาสร้างปัญหา?
สำหรับทางด้านตระกูลเนี่ย ก็อย่าคิดว่าจะสบาย หนึ่งแสนตำลึง ไม่เพียงเท่านั้น ซ้ำยังให้กงปั๋วเฉิงอีกหนึ่งเม็ด เป็นสองแสนตำลึง หากไม่มาที่เมืองอู่ก็จะไม่ต้องสูญเสียใดๆ!
ฉินปั๋วชิงกลับเข้าใจผิด หน้าซีดพลางถามเสียงเบาว่า “เจ้า เจ้าทำให้เขา…”
เขาทำท่าเชือดคอ
ฉินหลิวซี “ข้าจะไปสร้างบาปชีวิตโดยเปล่าประโยชน์ทำไม ข้าก็เป็นราษฎรที่ต้องเคารพกฎหมายราชวงศ์เช่นกัน”
ปกติไม่ฆ่า นอกเสียแต่ว่าอีกฝ่ายจะส่งศีรษะมาให้ถึงที่ จึงจะ ‘ป้องกันตัวเองตามกฎหมาย’!
ฉินปั๋วชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ไม่ได้ทำคนตายก็ดีแล้ว ทันใดนั้นเขาก็อยากรู้เล็กน้อยว่าจอมอันธพาลน้อยผู้นั้นถูกจัดการอย่างไร
ฉินหยวนซานเอ่ยว่า “ตลอดทางตั้งแต่ถูกเนรเทศมาจนถึงตอนนี้ ต้องขอบคุณซีเอ๋อร์ที่คอยหาคนช่วยดูแลอย่างลับๆ มิเช่นนั้นเกรงว่าพวกเราจะผ่านด่านทดสอบนี้ไปไม่ได้”
ฉินหลิวซีไม่ได้ยอมรับผลงาน เพียงแต่มองไปยังแขนที่ว่างเปล่าของฉินปั๋วชิง เอ่ยว่า “แค่ไม่โทษที่ข้าไม่สามารถทำนายหายนะของท่านอาสามได้จนทำให้ท่านเสียแขนไปก็พอแล้ว”
ฉินปั๋วชิงตกตะลึง มองแขนที่ขาดของตัวเอง ยิ้มอย่างร่าเริง “นางหนูอย่างเจ้าเอ่ยเช่นนี้คิดจะล้อท่านอาสามของเจ้าเล่นหรือ นี่เป็นเคราะห์กรรมของข้า ข้าควรได้รับ ไหนเลยจะโทษเจ้าได้ เพียงแค่เสียแขนไปครึ่งเดียว แต่ยังมีชีวิตอยู่ เดิมทีข้าก็ไม่ได้ตั้งใจจะเป็นขุนนาง พิการก็พิการไป ไม่แน่ที่ข้าได้รับความทุกข์ทรมานครั้งนี้ อาจเป็นราคาที่ข้าต้องจ่ายให้สวรรค์ประทานให้บุตรของข้าทั้งสองคลอดอย่างปลอดภัย ข้าได้กำไรจะตายไป!”
ฟังสิ ที่แท้ก็เป็นคนที่ทำงานในสมาคมค้าขาย คำพูดสวยหรูเหลือเกิน
มีรอยยิ้มในดวงตาของฉินหลิวซี เอ่ยว่า “ท่านอาสามเป็นคนใจกว้างแต่กำเนิด แม้ว่าตัวเองจะไม่ได้เป็นขุนนาง เมื่อเลี้ยงสองพี่น้องผิงอันจนเติบใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นบุ๋นหรือบู๊ ท่านก็ยังคงได้เป็นมหาเศรษฐี ดังนั้นโชคลาภจะตามมาในภายหลัง”
“ใช่ๆๆ” ฉินปั๋วชิงยิ้มตาหยี ถามอีกว่า “พวกเขาสองพี่น้องสบายดีหรือไม่ ข้าได้รับจดหมายจากอาสะใภ้สามของเจ้าบอกว่าพวกเขาเริ่มพูดได้แล้ว”
“อืม พูดคำง่ายๆ ได้ไม่กี่คำ ตอนนี้เดินได้หลายก้าวแล้ว ในตระกูลมีบ่าวรับใช้ไม่มาก ท่านอาสะใภ้สามกับแม่นมหนึ่งคน รวมถึงหมิงเป่าช่วยกันดูแลพวกเขา”
ฉินปั๋วชิงได้ฟังดังนั้นก็ขอบตาแดงทันที อยากจะเอ่ยอะไรบางอย่าง น้ำตาก็ไหลออกมา น่าสงสารเป็นอย่างมาก
เหล่าบุรุษอกสามศอกเช่นนี้ แม้ว่าจะไม่ได้ร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียงดัง แต่ท่าทางหลั่งน้ำตาโดยไร้เสียงนั้นน่าสงสารเป็นอย่างมาก
ฉินหลิวซีถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “ท่านอยากเห็นพวกเขาหรือไม่”
“อยากสิ ทำไมจะไม่อยาก นั่นเป็นลูกชายข้าเชียวนะ แม้แต่ฝันข้าก็ยังอยากเจอ” แต่ไม่ใช่ว่าเขาอยากเห็นก็จะได้เห็น
“เช่นนั้นท่านไปตักน้ำใส่อ่างมา”
ฉินปั๋วชิง “?”
น้ำกับการเห็นบุตรชายเกี่ยวอะไรกันหรือ
แต่ในไม่ช้าเขาก็ได้เข้าใจและตกใจ
เนื่องจากฉินหลิวซีเผายันต์ลงในน้ำ จากนั้นผิวน้ำก็กลายเป็นกระจก มีภาพหนึ่งปรากฏขึ้น
ตอนนั้นเป็นเวลารุ่งสาง มีเด็กคู่หนึ่งสวมเสื้อผ้าเหมือนกันทุกประการกำลังนอนอยู่บนเตียงเล็กๆ เล่นกับฟองน้ำลาย ดวงตาเป็นประกาย ก็ไม่รู้ว่าเห็นใครเข้า ปากเล็กๆ ตะโกนเรียกพี่หญิง โบกไม้โบกมือไปมา ดูมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก
ฉินปั๋วชิงตกตะลึง อยากจะเอื้อมมือไปจับ แต่ถูกฉินหลิวซีหยุดไว้
ฉินหยวนซานกับฉินปั๋วหงก็เห็นแล้วเช่นกัน แข็งทื่อไปทั้งตัว นี่มันอาคมอะไรกัน…ไม่สิ วิชา?
ภาพนั้นคงอยู่เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ไม่นานก็เริ่มกระเพื่อมแล้วหายไป
ฉินปั๋วชิงตะโกนเรียก “ลูกชายข้า!”
ฉินหลิวซี “ท่านอาสาม นี่เป็นเพียงยันต์ภาพลวงตา รุ่งสางในวันนี้ก่อนที่ข้าจะมาที่นี่ ไปที่ห้องของพวกเขาแล้วใช้ยันต์บันทึกภาพไว้ ดังนั้นภาพนี้เป็นเพียงวิชาอย่างหนึ่ง ท่านจะเรียกว่าเป็นวิชาภาพลวงตาก็ได้ เพียงแค่มันได้บันทึกเรื่องจริงที่เกิดขึ้นแล้ว”
ฉินปั๋วชิงอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ “เจ้า สำนักของเจ้าเก่งกาจขนาดนี้เชียวหรือ”
บอกว่านักพรตเฒ่าผู้นั้นเป็นเพียงนักพรตเร่ร่อนที่มีอารามเต๋าทรุดโทรมไม่ใช่หรือ แต่สิ่งที่สอนนั้นเรียกได้ว่ามหัศจรรย์เลยกระมัง
“วิชาเต๋าเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หากเต็มใจที่จะศึกษา ย่อมสามารถแสดงออกมาได้ เช่นเดียวกับการศึกษาเล่าเรียน มีชีวิตอยู่ไปจนแก่ก็เรียนรู้ไปจนแก่” ฉินหลิวซียิ้มเล็กน้อย
แต่นั่นเก่งกาจเกินไปแล้วกระมัง ซ้ำการไปๆ มาๆ ของนาง ใช้วิชาอะไรกันหรือ
ไม่สิ วิชาแพทย์ของนางก็เก่งกาจเป็นอย่างมาก อาการบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ของหมิงเยี่ยนก็ยังถูกนางช่วยชีวิตกลับมาได้ ซ้ำยังมีอภินิหารเช่นนี้
ตระกูลฉินของพวกเขา ดูเหมือนจะมีบุตรสาวผู้เลอค่า
ฉินปั๋วชิงถูมือพลางถามด้วยใบหน้าเขินอายว่า “หากหลังจากนี้เจ้ายังมาที่นี่ ช่วยบันทึกมาอีกได้หรือไม่ อีกทั้งท่านอาสะใภ้สามกับน้องหญิงเป่าเอ๋อร์ของเจ้า รวมทั้งท่านย่าของเจ้าข้าก็อยากเห็นด้วย”
ไม่เพียงแต่คิดถึงบุตรชาย ภรรยา บุตรสาว ท่านแม่ก็คิดถึงด้วยเช่นกัน
ฉินหลิวซีกลับไม่ได้รับปาก เอ่ยว่า “ไม่จำเป็นหรอก ได้ยินมาว่าศาลต้าหลี่ในเมืองหลวงพบว่าเรื่องของนายท่านผู้เฒ่านี้เป็นแผนการของคนของอดีตรัชทายาทจยาจากราชวงศ์ก่อนที่เหลืออยู่ในตำแหน่งเป็นคนทำ ซ้ำยังจับคนของรัชทายาทจยาได้แล้ว นายท่านผู้เฒ่าอาจจะสามารถพลิกคดีกลับไปได้ แม้ว่าจะไม่สามารถกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิมได้ แต่ก็คงจะได้รับการอภัยโทษเร็วๆ นี้”
นางมองไปยังฉินหยวนซาน เห็นว่ากลางหว่างคิ้วของเขาเป็นสีแดงเปล่งประกาย มีความเป็นมงคล จึงเอ่ยว่า “อย่างช้าก็เพียงแค่เข้าฤดูหนาว คงจะมีข่าวดี พวกท่านแค่รอก็พอแล้ว”
อะไรนะ
นี่มัน นี่มันฟ้าผ่าลงมาอย่างกะทันหันชัดๆ
[1] จิน หน่วยวัดน้ำหนักของจิน 1 จิน เท่ากัน 500 กรัม