คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 828 ไปกันเถิด พาเจ้ากลับบ้าน
ตอนที่ 828 ไปกันเถิด พาเจ้ากลับบ้าน
……….
เวลามีค่า เมื่อฉินหลิวซีกับตระกูลฉินตกลงกันได้แล้ว นางก็หันไปส่งสัญญาณให้เฟิงซิว และมาถึงห้องข้างที่ฉินหมิงเยี่ยนพักรักษาตัวอยู่
“พี่หญิงใหญ่” ฉินหมิงเยี่ยนรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อเห็นนาง
พวกเขาจะกลับบ้านได้แล้ว แต่เขากลับขยับร่างกายไม่ได้ เมื่อครู่นี้เขาพยายามเงี่ยหูฟัง และได้ยินเพียงเล็กน้อยว่า ฉินหลิวซีจะพาเขาไป
แววตาฉินหมิงเยี่ยนมีความคาดหวัง
ฉินหลิวซีเอ่ย “ข้าจะพาเจ้าไป เจ้ามีอะไรที่ต้องเอาไปบ้าง”
“ก็ไม่มีอะไรหรอกขอรับ ยา ยาทั้งหมดอยู่บนตู้นี้” ฉินหมิงเยี่ยนหันหน้ามองไปที่ตู้ข้างเตียงเล็กน้อย
ฉินหลิวซีดึงผ้าผืนหนึ่งออกมาทันที ก่อนจะเปิดตู้ หยิบยา เสื้อผ้า และของจิปาถะจำนวนหนึ่ง กวาดทุกอย่างรวมกันไว้ แล้วห่อผ้าผูกปมแบกขึ้นหลังทันที
จากนั้นนางหยิบยันต์อีกสองแผ่นมาวางไว้บนหน้าอกของฉินหมิงเยี่ยน โยนสัตว์นำทางออกไป จากนั้นก็เอาผ้านวมห่อตัวฉินหมิงเยี่ยนอุ้มขึ้นในท่าเจ้าหญิง
“ไปกันเถิด พาเจ้ากลับบ้าน”
ฉินหมิงเยี่ยนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วดวงตาเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดง เขาเม้มริมฝีปากอุทานออกมาคำหนึ่ง และพบว่าตัวเองถูกนางอุ้มราวสตรี ใบหูทั้งสองข้างจึงร้อนขึ้น สีหน้าแดงก่ำ เขากระซิบ “ข้าอาจจะหนักหน่อย”
ฉินหลิวซีหัวเราะแล้วก้าวเข้าไปในเส้นทางหยินทันที “ถนนสายนี้จะน่ากลัวมาก แตกต่างจากสิ่งที่เจ้าเคยเห็นมา หากเจ้ากลัว ก็ให้หลับตาแล้วหลับไปเสีย ไม่นานก็ถึงแล้ว”
ฉินหมิงเยี่ยนเพิ่งจะได้ฟังจนจบ เขาก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวน ตัวเขาแข็งทื่อไปเล็กน้อย เขามองลอดออกไปจากอ้อมแขนของนาง ปากอ้าตาค้าง ใบหน้าขาวซีด
เยอะมาก ผีงั้นหรือ
ฉินหลิวซีรู้สึกว่าคนที่อยู่ในอ้อมแขนของนางสั่นเทา จึงเอ่ย “ไม่ต้องกลัวพวกเขา ก่อนที่พวกเขาจะกลายเป็นผี พวกเขาก็เป็นคนเช่นกัน และบางครั้งคนก็น่ากลัวกว่าผี”
ฉินหมิงเยี่ยนคิดถึงสิ่งที่เขาเคยประสบมา และคิดเช่นนั้นเหมือนกัน เมื่อเขามองดูผีและสัตว์ประหลาดที่ตายอย่างแปลกประหลาดพวกนั้นอีกครั้ง ก็เกิดความรู้สึกสงสารเมตตา ไม่ได้กลัวเท่าใดแล้ว
กระทั่งเขาสามารถจ้องมองคนที่เสียชีวิตด้วยวิธีแปลกๆ และถามว่าเป็นประสบการณ์ความตายแบบใด
ฉินหลิวซีเหลือบมองและอธิบายในขณะที่เดินไปด้วย ซึ่งเป็นการตายด้วยวิธีที่หลากหลาย ไม่ว่าจะถูกฆ่าหรือตายโหง ซึ่งแตกต่างกัน สามารถบอกได้จากรายละเอียดของศพ
“ศพสามารถพูดและบอกความจริงแก่เจ้าได้ ตราบใดที่เจ้าเข้าใจสิ่งเหล่านี้ได้อย่างปรุโปร่ง ก็จะสามารถย้อนกลับไปยังเหตุการณ์นั้นและรู้ความจริงได้ แน่นอนว่าจะต้องอาศัยการฝึกฝนสายตาของเจ้าด้วย สมองของเจ้าจะต้องคิดเร็วและมีเหตุผล และต้องมีความเข้าใจร่างกายมนุษย์อย่างถ่องแท้”
ฉินหมิงเยี่ยนตกใจเล็กน้อย สมองเปิดโล่ง ดวงตาสว่างขึ้น เขาจ้องมองคนที่เสียชีวิตในรูปแบบต่างๆ ดูเหมือนว่าเขาจะพบหนทางที่จะเดินในอนาคตแล้ว
ขณะที่พวกเขาทั้งสองเดินไป ก็แสดงความเห็นเกี่ยวกับผีที่เสียชีวิตด้วยวิธีแปลกๆ ไปด้วย ที่น่าอัศจรรย์ที่สุดคือเมื่อพวกเขาพบกับสภาพการตายแบบที่หาได้ยากมาก ทั้งสองยังหยุดเดินและขอให้ผีตนนั้นระบุสาเหตุการตาย ไม่สามารถฟื้นประสบการณ์การตายได้หรือ ไม่เป็นไร ก็มีคนที่เกี่ยวข้องอยู่มิใช่หรือ
ผีเร่ร่อนที่ยังเร่ร่อนไปในเส้นทางหยิน ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ พูดไม่ออก ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะได้กลายเป็นสื่อการเรียนรู้ขึ้นมา!
พี่น้องสองคนนี้ไม่ใช่คนดี!
ด้วยเหตุนี้ฉินหมิงเยี่ยนที่เริ่มจากความกลัว ก็กลายเป็นความสนใจไม่รู้จบ จนกระทั่งออกมาจากเส้นทางหยินแล้ว เขาก็ยังตั้งตัวไม่ทันเล็กน้อย แถมยังเอ่ยด้วยสีหน้าสับสนว่า “เราออกมาแล้วหรือขอรับ”
เขามองไปรอบๆ นี่คือบ้านเดิมในเมืองหลีใช่หรือไม่
“ทำไมหรือ เจ้ายังอยากอยู่ในนั้นต่อหรือ” ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
ฉินหมิงเยี่ยนรู้สึกเขินอายเล็กน้อย “ข้าแค่รู้สึกว่ามันค่อนข้างเร็ว”
“ไม่กลัวแล้วหรือ”
“ตอนแรกก็กลัว แต่ต่อมาข้าก็ไม่กลัวแล้ว อย่างที่ท่านพูด ก่อนที่พวกเขาจะกลายเป็นผี พวกเขาก็แค่มนุษย์คนหนึ่ง แค่ตายไปเท่านั้น” ฉินหมิงเยี่ยนเอ่ย “บางคนก็ตายไปโดยไม่เป็นธรรมด้วย”
“เจ้าคิดอย่างไร”
ฉินหมิงเยี่ยนมีความคิดบางอย่างผุดขึ้นในใจรางๆ เขาเอื้อมมือออกไปลูบรอยแผลเป็นบนแก้มของเขาที่ยังไม่หายดี “ใบหน้าของข้าเสียหายแล้ว ต่อไปถ้าสอบจอหงวนไม่ได้ เป็นขุนนางไม่ได้ ยังสามารถเป็นเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพได้หรือไม่”
“เจ้าไม่รังเกียจความสกปรกหรือ มีลูกหลานตระกูลขุนนางที่ไหนเป็นเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพบ้าง” ฉินหลิวซีเอ่ย “สำหรับรอยแผลเป็นบนใบหน้าเจ้า มันไม่ร้ายแรงหรอก สามารถหายได้”
ฉินหมิงเยี่ยน “แต่ข้าอยากทำเพื่อคนตาย”
ฉินหลิวซีเหลือบมองเขา “เจ้าสามารถเรียนรู้การเป็นเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพได้ แต่ไม่จำเป็นจะต้องทำแค่นั้น ศาลต้าหลี่สืบคดีโดยเฉพาะมิใช่หรือ อีกอย่างมือปราบก็เหมือนกัน เจ้าไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีศาลาว่าการไหนให้เจ้าแสดงฝีมือ แต่ลองคิดดูก่อนว่าตัวเองมีความสามารถนั้นหรือไม่ การจะเป็นยอดฝีมือผู้เชี่ยวชาญในการสืบคดี ก็จะต้องเรียนรู้มากกว่าเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้ อีกอย่างการตัดสินคดีก็เหมือนกับการเรียนวิชาหมอ จะผิดพลาดละเลยรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้ หากผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ก็จะนำไปสู่การตัดสินที่ผิดพลาดไม่เป็นธรรม ดังนั้นเจ้าจะต้องเรียนรู้ทั้งหมดนี้ และยังต้องเรียนรู้ให้ละเอียด เข้าใจอย่างถ่องแท้ด้วย จึงจะกลายเป็นคนที่สุดยอดในสาขาวิชานั้น”
ฉินหมิงเยี่ยนอยู่ในอารมณ์พลุ่งพล่าน เขาเอ่ยด้วยดวงตาสดใส “ท่าน ท่านช่วยสอนข้าได้หรือไม่”
“ก่อนหน้านั้น เจ้าดูแลตัวเองให้ดีก่อน ตัวเองยังป่วยออดแอดอยู่เลย จะเรียนอะไรกัน” ฉินหลิวซียิ้มหยัน
“คุณหนู”
“ท่านอาจารย์”
ฉีหวงและเถิงเจาถือโคมไฟเดินเข้ามา และมองดูห่อกลมๆ ในอ้อมแขนนาง
ฉินหมิงเยี่ยนตัวเกร็งขึ้นล็กน้อย เขาหันหน้ามองออกไป ใบหน้าแดงระเรื่อขึ้นทันที
ต่อจากนี้ไปเขาไม่มีหน้าจะมองใครอีกแล้ว!
ฉินหลิวซีสั่งให้ฉีหวงเก็บกวาดทำความสะอาดห้องหนึ่งไว้แล้ว จึงอุ้มเขาไปวางลงบนเตียง จากนั้นก็แนะนำฉีหวงและเถิงเจา
“นี่คือฉีหวง อยู่กับข้ามาตั้งแต่เล็ก ก่อนที่พวกอาสามจะกลับมา เจ้าก็อยู่รักษาตัวในเรือนของข้าไปก่อน จะไม่มีใครเข้ามาในเรือนนี้ เจ้าพักรักษาตัวให้สบายใจก็พอ” ฉินหลิวซีชี้ไปที่เถิงเจาอีก “นี่เป็นศิษย์คนโตของข้าเถิงเจา มีนามเต๋าว่าเสวียนอี”
เถิงเจามองฉินหมิงเยี่ยนและขมวดคิ้วเล็กน้อย มีอาจารย์อาที่จะมาแบ่งปันความสนใจจากอาจารย์เขาไปอีกแล้ว แต่เขาก็ยังถอยหลังและประสานมือคำนับ “คารวะอาจารย์อา”
ฉินหมิงเยี่ยนตกตะลึง “…”
นี่เขากลายเป็นอาจารย์อาแล้วหรือ
เขามองฉินหลิวซีอย่างทำอะไรไม่ถูก “ข้า ข้าไม่ได้เตรียมของขวัญพบหน้าไว้”
“ไว้ค่อยชดเชยทีหลังเถิด” ฉินหลิวซีเอ่ยง่ายๆ ก่อนจะเอ่ยกับฉีหวง “ปกติเจ้าก็ดูแลเล็กๆ น้อย เรื่องกิน ดื่ม และขับถ่าย…”
“ให้เฉินผีกลับมาดูแลเขาชั่วคราวดีหรือไม่” ฉีหวงเอ่ย
ฉินหมิงเยี่ยนรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เรื่องกินดื่มไม่เป็นไร แต่ถ้าจะให้พี่หญิงฉีหวงมาดูแลเรื่องขับถ่าย เขาก็อายจริงๆ
ฉินหลิวซีเอ่ย “ก็ดีเหมือนกัน”
ตอนนี้เข้าหน้าหนาวแล้ว คนที่สัญจรไปมามีไม่มาก คนที่จะไปขอยันต์เครื่องรางที่ร้านเฟยฉางเต๋าก็มีไม่มากเช่นกัน มีวั่นเช่อคอยวิ่งทำธุระคนเดียวก็พอแล้ว เว่ยเสียเองก็อยู่ ถ้ามีอะไรมากก็เรียกเฮยซากลับมาดูแลที่ร้านเฟยฉางเต๋าก่อนชั่วคราว
ฉินหมิงเยี่ยนเอ่ยขอบคุณฉีหวง “ขอบคุณพี่หญิงฉีหวงขอรับ”
ฉีหวงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องเกรงใจ เฉินผีเป็นน้องชายของข้า ให้มาดูแลคุณชายสามก็เหมาะสมแล้ว”
ฉินหมิงเยี่ยนกล่าวขอบคุณอีกครั้งแล้วหันไปมองฉินหลิวซี “ทางท่านย่า ข้า…”
“เจ้าอย่าได้ปรากฏตัวจนกว่าพวกเขาจะกลับมา ข้ากลัวว่านางจะทนไม่ไหวอีกต่อไป” ฉินหลิวซีส่ายหน้า
ฉินเหมิงเยี่ยนสูดจมูกเล็กน้อย
ฉินหลิวซีดึงไอหยินทั้งหมดออกจากร่างกายเขา “เจ้านอนพักสักหน่อยดีกว่า ฟ้าสว่างแล้ว ข้าจะพาท่านแม่มาหาเจ้า”
เขาไปหาฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้ แต่นางก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะปิดบังสะใภ้หวัง
ฉินหมิงเยี่ยนเงยหน้าขึ้นมองอย่างตื่นเต้น เขาพบท่านแม่ได้หรือ