คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 829 ฉินหมิงเยี่ยน ข้าเป็นคนยากจนและมีหนี้มาก
- Home
- คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า
- ตอนที่ 829 ฉินหมิงเยี่ยน ข้าเป็นคนยากจนและมีหนี้มาก
ตอนที่ 829 ฉินหมิงเยี่ยน ข้าเป็นคนยากจนและมีหนี้มาก
……….
ทันทีที่ท้องฟ้าเริ่มสว่าง สะใภ้หวังก็ตื่นขึ้นจากความฝัน นางนั่งอยู่บนเตียง นึกถึงเหตุการณ์ในความฝัน ริมฝีปากของนางยกโค้งขึ้น เกือบแล้ว พวกเยี่ยนเอ๋อร์กำลังจะกลับมาแล้ว พวกเขาจะได้พบกันอีกครั้งเหมือนในความฝัน
สะใภ้หวังอารมณ์ดีมาก หลังจากทำความสะอาดร่างกายเสร็จ นางก็ได้ยินเสียงของฉินหลิวซีดังขึ้นข้างนอก แล้วก็อดแปลกใจเล็กน้อยไม่ได้ มาแต่เช้าอย่างนี้ หรือว่านางหนูจะมีเรื่องอะไรหรือไม่
หรือว่าฮูหยินผู้เฒ่าอาการไม่ดีแล้ว?
สะใภ้หวังตกใจและรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อนางเห็นฉินหลิวซีร่างผอมบาง ก็ถามอย่างกังวล “ซีเอ๋อร์ หรือฮูหยินผู้เฒ่าจะแย่แล้ว?”
“ไม่ใช่ ข้าพาน้องสามกลับมาแล้ว ท่านไปพบเขากับข้าเถิด” ฉินหลิวซีไม่ได้อุบเป็นความลับให้ประหลาดใจ เล่นอะไรน่าเบื่อเหมือนเด็กๆ
สะใภ้หวังเอ่ยเสียงอ้อรับคำ แต่หลังจากที่นางได้สติกลับมาแล้ว นางก็ร้องเสียงแหลม “เจ้าว่าอะไรนะ?”
น้องสาม หมายถึงเยี่ยนเอ๋อร์หรือ
ฉินหลิวซีเอ่ย “ฉินหมิงเยี่ยนกลับมาแล้ว แต่ข้าใช้วิธีที่เปิดเผยไม่ได้ ท่านจึงไม่ควรเอะอะไป”
สะใภ้หวังตกใจทันที หัวใจเต้นแรง นางหยิกง่ามนิ้วระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้แรงๆ บังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์ลงก่อนจะเอ่ย “ไปกันเถิด” นางลากอีกฝ่ายเดินออกจากประตูไปทันที แม้แต่แม่นมเสิ่นที่ยกอาหารเช้าเข้ามาให้นาง นางก็ไม่สนใจ แค่บอกว่าจะกินทีหลังและไม่ต้องตามไปปรนนิบัตินาง
ฉินหลิวซีเห็นนางเร่งฝีเท้าก็เอ่ย “ท่านใจเย็นสักหน่อย ถึงเขาจะปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนตอนนี้จะไม่นับว่ามีความผิด แต่ซีเป่ยก็อยู่ห่างจากเมืองหลีเป็นพันลี้ ราชโองการอภัยโทษก็เพิ่งมาถึงได้ไม่กี่วัน แต่เขาอยู่ที่บ้านเกิดแล้ว หากเรื่องนี้แพร่ออกไปจะกลายเป็นจุดสนใจและเป็นปัญหาได้ คนในบ้านก็ปากมากด้วย”
สะใภ้หวังชะงักฝีเท้าไปเล็กน้อย นางเองก็ไม่ใช่คนโง่ จึงสังเกตเห็นความผิดปกติ ในเมื่อกลับมาได้ แล้วเหตุใดนางจึงพาเยี่ยนเอ๋อร์กลับมาคนเดียว?
“เขากลับมาแค่คนเดียว เกิดอะไรขึ้นหรือ”
ดวงตาฉินหลิวซีปรากฏแววชื่นชม สมแล้วกับที่เป็นนายหญิงที่มาจากตระกูลใหญ่ หลังจากสงบสติอารมณ์ลงแล้ว ก็ตระหนักได้ถึงความผิดปกติ
“ก่อนหน้านี้เขาได้รับบาดเจ็บค่อนข้างสาหัส ข้ากลัวว่าการเดินทางตรากตรำจะทำให้อาการบาดเจ็บของเขาแย่ลง ก็เลยใช้วิชา ท่านรู้แค่นี้ก็พอ”
สะใภ้หวังหน้าซีดลง นางบีบมืออีกฝ่ายแน่น
“รักษาหายแล้วก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล” ฉินหลิวซียิ้มให้นาง
สะใภ้หวังสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินต่อไปที่เรือนห่างไกล
ฉีหวงเพิ่งจะล้างหน้าให้ฉินหมิงเยี่ยนในเวลานี้ ส่วนเรื่องการปัสสาวะและอื่นๆ เถิงเจาจะเข้ามาช่วย ซึ่งก็ทำให้เขารู้สึกเขินอายมาก
หลังจากล้างหน้าล้างตาแล้ว ฉีหวงก็ยกอาหารเช้าเข้ามา แต่ยังไม่ทันจะได้ป้อน ก็มีเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบดังขึ้นข้างนอก นางจึงถอยออกไปยืนข้างๆ อย่างรู้งาน
ฉินหมิงเยี่ยนเองก็เดาได้เช่นกัน และมองไปทางประตูอย่างคาดหวัง แล้วเขาก็ได้เห็นร่างที่คุ้นเคยของมารดา ดวงตาก็พร่ามัวไปทันที ก่อนจะเรียกมารดาด้วยเสียงเจือสะอื้น “ท่านแม่”
เยี่ยนเอ๋อร์จริงๆ
แข้งขาสะใภ้หวังเกือบจะหมดแรง นางรีบวิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว และเห็นเขานอนอยู่บนเตียง มีรอยแผลเป็นจางๆ บนใบหน้า มีกลิ่นยาลอยออกมาจากทั่วร่าง แต่ก่อนที่นางจะได้พูดอะไร น้ำตาก็เริ่มร่วงเป็นสายราวลูกปัดที่หลุดจากสาย
“เยี่ยนเอ๋อร์…ทำไมเจ้าผอมอย่างนี้” สะใภ้หวังลูบหน้าบุตรชายด้วยมืออันสั่นเทา น้ำตาก็ไหลลงมาไม่หยุด
“ท่านแม่ก็ผอมลง แก่ลงแล้ว” ฉินหมิงเยี่ยนเองก็ร้องไห้พลางเอ่ย “ลูกอกตัญญู ลูกคิดถึงท่านแม่มาก”
แม่ลูกกอดคอกันร้องไห้
ด้านนอกประตู เถิงเจาเอียงศีรษะเล็กน้อยคอยฟังเสียงที่เกิดขึ้นข้างใน นี่เป็นความผูกพันระหว่างของแม่ลูกชายหรือ เขาไม่เข้าใจ
ข้างๆ เขา วั่งชวนเองก็ฟังอย่างสงสัยและถามขึ้นว่า “ศิษย์พี่ เรามีแม่หรือไม่เจ้าคะ”
“ต้องมีอยู่แล้ว”
“วั่งชวนเองก็มีหรือ เหมือนวั่งชวนจะไม่เคยเห็นท่านแม่เลยนะ”
เถิงเจาลูบผมของนางเล็กน้อย “ท่านแม่ของเราไปรับใช้บรรพชนแล้วล่ะ”
“อ้อ”
ฉินหลิวซีปลอบโยนสะใภ้หวังและบุตรชาย และให้พื้นที่กับสองแม่ลูก ตอนที่ตนเองเดินออกมา ก็บังเอิญได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน นางเอ่ย “ไปกินข้าวเช้าได้แล้ว” จากนั้นก็เอ่ยกับฉีหวง “ไปยกอาหารเช้ามาให้ฮูหยินอีกสำรับหนึ่ง”
“เจ้าค่ะ”
ฉินหลิวซีพาเด็กน้อยทั้งสองไปกินข้าวเช้า ภายในห้อง สะใภ้หวังรู้แล้วว่าฉินหมิงเยี่ยนต้องผ่านอะไรมาบ้าง นางร้องไห้อย่างหนักอีกครั้ง ไม่กล้าที่จะสัมผัสร่างกายของเขาด้วยซ้ำ เพราะกลัวจะทำให้เขาแย่กว่าเดิม
ฉินหมิงเยี่ยนเอ่ยเบาๆ “ท่านแม่ ไม่เป็นไร พี่หญิงใหญ่บอกว่า ข้าพักรักษาตัวไม่กี่เดือนก็จะหายดีได้ อันที่จริงข้าก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว อย่างน้อยข้าก็ขยับมือและเท้าได้บ้างแล้ว”
สะใภ้หวังปาดน้ำตา “ตอนนั้นจะต้องอันตรายมากแน่ ข้าก็ว่า ทำไมตอนนั้นถึงไม่สบายใจเอาเสียเลย เดิมทีก็คิดว่าคงเป็นเพราะท่านย่าของเจ้าป่วย แต่กลับกลายเป็นเกิดเรื่องขึ้นกับเจ้า พี่หญิงใหญ่ของเจ้าก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำด้วย”
ฉินหมิงเยี่ยนยิ้ม “นางคิดถูกแล้วที่ไม่พูด ถ้านางพูด ข้าก็กลับมาไม่ได้ ท่านก็ไปไม่ได้เหมือนกัน ได้แต่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย กังวลใจไปเปล่าๆ อาจจะกลายเป็นอาการเศร้าโศกเหมือนท่านย่าก็ได้”
พอได้ยินเช่นนั้นแล้ว สะใภ้หวังก็ปวดใจและโล่งใจไปพร้อมๆ กัน หลังจากถูกเนรเทศและผ่านความลำบากมา จิตใจของบุตรชายนางก็สงบสุขุมขึ้นมาก เริ่มมีความเป็นผู้ใหญ่แล้ว
แต่มันก็ทำให้นางปวดใจมากด้วย
ฉินหมิงเยี่ยนเอ่ย “ท่านแม่ พี่หญิงใหญ่เก่งมาก นางไม่ใช่แค่ช่วยลูกไว้ครั้งเดียวเท่านั้น”
“หือ?”
ฉินหมิงเยี่ยนเล่าเรื่องที่ฉินหลิวซีเคยไปซีเป่ยก่อนหน้านี้ให้นางฟัง สะใภ้หวังประหลาดใจ “มิน่าข้าถึงได้รับจดหมายของเจ้า นางหนูนี่ปากแข็งจริงๆ”
นางเห็นดวงตาของฉินหมิงเยี่ยนที่เต็มไปด้วยความชื่นชมและความเคารพ ในใจก็รู้สึกมีความสุข จึงเอ่ย “พี่หญิงใหญ่ของเจ้าเป็นคนที่มีความสามารถมาก ยังสามารถช่วยเจ้าได้ด้วย เจ้าต้องจำสิ่งนี้ไว้เสมอ และจะต้องตอบแทนบุญคุณอย่างเต็มที่ ช่วยชีวิตเชียวนะ ต่อไปเจ้าจะต้องตอบแทนบุญคุณของนาง”
“ขอรับ นางบอกแล้วว่ายาที่นางให้ข้ากินราคาถึงหนึ่งแสนตำลึง” น้ำเสียงฉินหมิงเยี่ยนขมขื่นเล็กน้อย “ท่านแม่ ข้าต้องทำอะไรถึงจะหาเงินมากขนาดนั้นมาคืนนางได้หรือ”
สะใภ้หวังตกใจทันที “…”
อย่าว่าแต่เจ้าเลย ต่อให้เอาทรัพย์สมบัติทั้งหมดของครอบครัวออกมา รวมกับสินเดิมของนางด้วย ก็ยังไม่ได้หนึ่งแสนตำลึงเลย
นางลูบจมูกเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย “เจ้ายังมีเวลาอีกมาก ก็หาวิธีเอาเองก็แล้วกัน แม่ก็ช่วยอะไรไม่ได้”
ฉินเมิงเยี่ยน “?”
สะให้หวังเอ่ยเรียบๆ “สินเดิมของแม่รวมกันแล้วไม่ถึงหนึ่งแสนตำลึงด้วยซ้ำ เจ้าอย่าคาดหวังว่า ต่อไปสินเดิมของแม่จะต้องมอบให้เจ้าคนเดียว แม้แต่เสี่ยวอู่ แม่ก็วางแผนว่า หลังจากที่ท่านปู่ของเจ้ากลับมาแล้ว ก็จะให้บันทึกภายใต้ชื่อของแม่ด้วย ดังนั้นต่อไปในอนาคต นอกจากส่วนหนึ่งจะเป็นเงินเลี้ยงดูตัวเองยามแก่เฒ่าแล้ว พวกเจ้าสามคนพี่น้องก็จะได้ส่วนแบ่งไปคนละส่วน ต่อให้เจ้าจะเป็นพี่คนโต ก็อาจจะได้มากกว่าหน่อย แต่ก็ไม่มาก ลูกเอ๋ย เจ้าต้องพึ่งตัวเองนะ”
“ของของท่านแม่ แล้วแต่ท่านเลย” ฉินหมิงเยี่ยนไม่ได้คิดอะไรมากนัก เพียงแต่เมื่อเปรียบเทียบดูแล้ว แย่แล้ว ในบรรดาลูกๆ สามคนของบ้านใหญ่ มีเขาคนเดียวที่มีภาระหนี้ก้อนโตหรือ
ฉินหมิงเยี่ยนรู้สึกแย่ไปหมด
เขารู้สึกว่าตัวเองขาดเงินมากกว่าตอนที่อยู่ซีเป่ยเสียอีก
ฟังจากที่ท่านแม่เอ่ย พี่หญิงใหญ่รักษาคน เพราะมีวิชาสูงส่ง จึงเรียกค่ารักษาได้สูงมาก เช่นนั้นถ้าต่อไปเขากลายเป็นคนเก่งได้เหมือนกัน และสามารถแก้ไขปัญหาให้คนอื่นได้ เขาก็จะหาเงินได้มากเหมือนกันใช่หรือไม่
แต่ก่อนหน้านั้น เขาต้องตั้งใจเรียนให้ได้ดีก่อนถึงจะกลายเป็นยอดคนได้
เมื่อเห็นสีหน้าเป็นทุกข์ของบุตรชาย เดี๋ยวก็ขมวดคิ้วเดี๋ยวก็คลาย สะใภ้หวังก็อดรู้สึกขบขันไม่ได้ ยิ้มไปยิ้มมาจนขอบตาแดง บุตรชายนางกลับมาอยู่ข้างกายแล้ว ช่างดีจริงๆ