คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 833 เจ้าอาวาสน้อยไม่เข้าใจสัญญาณหรือ
ตอนที่ 833 เจ้าอาวาสน้อยไม่เข้าใจสัญญาณหรือ
……….
เมื่อหัวหน้าตระกูลอวี้ได้ยินว่าอวี้ฉังคงและฉินหลิวซีมาเยี่ยมคารวะ ก็สั่งให้คนเรียกพวกเขาเข้ามาทันที เมื่อเห็นคนที่อยู่ตามหลังหลานชายของเขาห่างไปก้าวหนึ่ง สีหน้าที่สงบอยู่เสมอของเขาก็อดแสดงความประหลาดใจออกมาเล็กน้อยไม่ได้
ยังเด็กเกินไปหน่อยกระมัง!
“ท่านปู่ นี่ท่านเจ้าอาวาสน้อยผู้ฉิว และก็เป็นหมอเต๋าที่รักษาดวงตาให้ข้าด้วย” อวี้ฉังคงปรากฏยังคงอ่อนโยนต่อหน้าเขาอย่างเคย
หัวหน้าตระกูลอวี้มองฉินหลิวซีแล้วถอนหายใจ “ได้ยินฉังคงมานานแล้วว่าวิชาแพทย์ของท่านอาจารย์นั้นไม่ธรรมดา แต่ไม่รู้ว่าท่านจะอายุยังน้อยเช่นนี้ ไม่ได้ออกไปโลกภายนอกมานานแล้ว ไม่รู้จริงๆ ว่ามีคนที่มีพรสวรรค์มากอย่างท่านเจ้าอาวาสน้อยอยู่ด้วย”
ฉินหลิวซีประสานมือโค้งคำนับ “ท่านหัวหน้าตระกูลชมเกินไปแล้ว ข้าก็แค่โชคดีพอที่จะมีความรู้ บังเอิญรักษาดวงตาของคุณชายฉังคงได้พอดี”
นางยืดตัวขึ้นและสบตากับเขา สายตานางมองไปรอบๆ รัศมีอันเป็นมงคลที่ไหลวนอยู่รอบๆ ตัวเขา และมองขึ้นไปเหนือศีรษะเห็นไอเลือดสายหนึ่งปะปนอยู่ในปราณมงคลโดยไม่ตั้งใจ
ไอเลือดไม่เป็นมงคล
ฉินหลิวซีนั่งลงตามอวี้ฉังคงเงียบๆ มองดูโหงวเฮ้งของนายท่านตระกูลอวี้อีกครั้ง และรับรู้ได้ถึงปราณมงคลสีทองในห้อง ทันใดนั้นก็นางรู้สึกหนาวสะท้านในใจ
ปราณสีทองอันเป็นมงคลสองสายพัวพันเกี่ยวเนื่องกัน ต่างก็ตกลงบนร่างหัวหน้าตระกูลอวี้
อวี้ฉังคงเอ่ยปากขึ้นก่อน “ท่านปู่ ในคลังสมบัติของเรามีหญ้าคืนชีพเก้าความตายหรือไม่”
หัวหน้าตระกูลอวี้ตกตะลึงไปทันที “เจ้าจะเอาหญ้าหุยหยางไปทำไม”
“เจ้าอาวาสน้อยเป็นผู้มีพระคุณของหลาน ข้าอยากจะมอบหญ้านี้ให้นางเป็นสิ่งตอบแทน เพราะถึงอย่างไรนางก็เป็นคนรักษาดวงตาของหลานจนหายดี ทำให้หลานได้เห็นแสงสว่างอีกครั้ง” อวี้ฉังคงยิ้มจางๆ “หญ้าต้นหนึ่งแลกกับดวงตาคู่หนึ่งของหลาน ท่านปู่ว่าคุ้มค่าหรือไม่”
ฉินหลิวซีเอ่ยทันที “ข้ากำลังปรุงยา กำลังขาดหญ้าหุยหยางนี้ และรู้ว่ามันมีค่ามากแค่ไหน หากท่านหัวหน้าตระกูลลำบากใจ ข้าใช้เงินซื้อก็ได้”
หัวหน้าตระกูลอวี้หัวเราะขึ้นมาทันที “ก็แค่สมุนไพรต้นหนึ่ง ต่อให้มันจะมีค่าแค่ไหนจะสู้ดวงตาของฉังคงได้อย่างไร ท่านเจ้าอาวาสน้อยต้องการ เดี๋ยวค่อยให้ฉังคงไปสั่งให้ผู้ดูแลคลังสมบัติหามาให้ก็ได้แล้ว ข้าแค่สงสัยว่าท่านเจ้าอาวาสน้อยรู้ได้อย่างไรว่าที่ตระกูลของเรามีหญ้าชนิดนี้?”
ฉินหลิวซียิ้ม “ท่านหัวหน้าตระกูล ข้าเป็นคนของสำนักเต๋า เรียนรู้ศาสตร์ทั้งห้าของเต๋า หากต้องการค้นหาสิ่งของ วิธีที่สะดวกที่สุดคือการนับนิ้วคำนวณ ตระกูลอวี้เป็นตระกูลใหญ่เร้นกายอยู่อย่างสันโดษก่อตั้งมาแล้วหลายร้อยปี สมบัติล้ำค่าแบบไหนบ้างที่จะไม่มี? เมื่อคำนวณได้ตำแหน่งทิศทางมาแล้ว บังเอิญว่าข้ามีเรื่องปรึกษาหารือกับคุณชายฉังคงพอดี จึงได้บากหน้ามาขอถึงที่”
เห็นได้ชัดว่าหัวหน้าตระกูลอวี้ไม่ได้คาดหวังคำตอบดังกล่าว เขาหัวเราะเสียงดังทันที “การนับนิ้วคำนวณของเจ้าอาวาสน้อยน่าทึ่งมาก เห็นได้ชัดว่าวิชาของท่านล้ำเลิศ”
“ความรู้เพียงหางอึ่งเท่านั้น!” ใช่แล้ว อึ่งตัวเท่าบ้าน
ฉินหลิวซียิ้ม “หัวหน้าตระกูลใจกว้าง ข้าเองก็ไม่ได้จะรับหญ้านี้มาเปล่าๆ ข้าจะทำนายดวงชะตาให้ท่านเป็นการแลกเปลี่ยนดีหรือไม่”
หัวหน้าตระกูลอวี้ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียหัวเราะร่า “ไม่ต้องหรอก ข้าเป็นคนแก่ที่ขาข้างหนึ่งลงโลงไปแล้ว คนแก่ไม่ทำนายดวง ถ้าทำนายก็สิ้นอายุขัย ข้าไม่ฝืนข้อห้ามนี้”
“ท่านถ่อมตัวมาก ถ้าไม่มีอะไรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ข้าว่าท่านจะอยู่ต่อไปได้อีกห้าสิบปีก็ไม่ใช่ปัญหา”
อวี้ฉังคงกำลังชงชา เมื่อได้ยินดังนั้น มือของเขาที่ถือไม้หนีบชาก็หยุดชะงักทันที และเงยหน้าขึ้นถามว่า “จริงหรือ”
หัวหน้าตระกูลอวี้ก็มองฉินหลิวซีด้วยดวงตาลุกวาว
“ข้าไม่เคยพูดโกหก” ฉินหลิวซีมองหัวหน้าตระกูลอวี้และเอ่ย “หัวหน้าตระกูลน่าจะรู้ดีว่าข้าไม่ได้โกหก เพราะถึงอย่างไร อายุขัยของท่านเองท่านก็น่าจะรู้ดีที่สุด”
อวี้ฉังคงหลุบตาลง แววมืดมนวาบขึ้นในดวงตาเขาทันที
นี่คือการบอกเป็นนัยๆ?
หัวหน้าตระกูลอวี้ยกนิ้วขึ้นชี้ไปที่ฉินหลิวซีเบาๆ “ท่านนี่ ข้าจะถือว่าเจ้าอาวาสน้อยกำลังพูดให้ข้าดีใจก็แล้วกัน” เขาเอ่ยกับอวี้ฉังคงด้วยน้ำเสียงเมตตาอ่อนโยน “คนหนุ่มสาวก็ควรสดใสมีชีวิตชีวาอย่างเจ้าอาวาสน้อย ดวงตาของเจ้าก็รักษาหายแล้ว ควรจะทำตัวให้เป็นคนหนุ่มสาวบ้าง อย่าเอาแต่ทำหน้าหม่นหมองไม่ยิ้มเหมือนเมื่อก่อน หดหู่ยิ่งกว่าปู่เสียอีก ดูอย่างเจ้าอาวาสน้อยสิ”
อวี้ฉังคงยิ้มและยกถ้วยชายื่นไปให้ตรงหน้าเขา “ท่านพูดถูกแล้ว”
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ใส่ใจ หัวหน้าตระกูลอวี้จึงเอ่ยขึ้นว่า “เรื่องที่เกิดในอดีตก็คืออดีต เจ้าต้องมองไปข้างหน้า การจมอยู่กับอดีต ไม่สามารถเอาตัวเองออกมาได้ก็เท่ากับติดอยู่ในกรงที่เจ้าสร้างขึ้นมาเอง ปิดกั้นตัวเองอยู่กับอดีต ไม่มีอะไรดีต่อเจ้าเลย ลูกหลานของตระกูลอวี้ไม่ควรอยู่แต่กับความเจ็บปวด”
“ท่านปู่ หลานเข้าใจดีว่าบางเรื่องควรปล่อยวาง แต่ทุกครั้งที่นึกถึงคืนนั้น หลานก็นอนไม่หลับ” อวี้ฉังคงคิดอยู่พักหนึ่ง “เพราะอย่างนั้น ข้าจึงอยากขอให้เจ้าอาวาสน้อยช่วยไปดูท่านพ่อท่านแม่สักหน่อย”
ตึง
ถ้วยน้ำชาของหัวหน้าตระกูลอวี้หล่นกระแทกโต๊ะน้ำชา และขมวดคิ้วมองเขา “เจ้าปล่อยว่างไม่ได้จริงๆ”
“ท่านพ่อท่านแม่ตายไปอย่างน่าอนาถเช่นนั้น ข้าจะปล่อยวางได้อย่างไร” อวี้ฉังคงเอ่ยอย่างเย็นชา “ถ้าข้าไม่รู้ว่าพวกท่านตายได้อย่างไร และตายด้วยน้ำมือของใคร ข้าก็เป็นลูกชายที่ไร้ประโยชน์”
“ถ้าปู่ไม่ให้เจ้าสืบต่อไปเล่า?”
อวี้ฉังคงสบตาเขาตรงๆ “ท่านปู่รู้อะไรหรือ”
หัวหน้าตระกูลอวี้หลับตาลง สีหน้าเขาดูอดกลั้น
ฉินหลิวซีเลิกคิ้วเล็กน้อย
“เจ้าไม่ต้องสืบเรื่องนี้ต่อไป และไปไม่ได้ด้วย” หัวหน้าตระกูลอวี้เอ่ยอย่างเคร่งขรึม “หากเจ้ายังเห็นข้าเป็นปู่ที่เคารพ ก็ให้เชื่อฟังข้า”
แววตาของอวี้ฉังคงเฉียบแหลมขึ้นทันที
หัวหน้าตระกูลอวี้หันมองฉินหลิวซี อยากให้นางออกไป แต่ฉินหลิวซีก็ก้มหน้าอยู่ ทำเป็นไม่ได้ยินทั้งสองคนพูดกัน นางถือถ้วยน้ำชาและมองดูลวดลายเส้นสายบนนั้นอย่างตั้งอกตั้งใจ
ตระกูลอวี้สูงส่งมีเกียรติมาก ถ้วยน้ำชานี้ทำจากหยกขาวนวล มันใสและสวยงามมาก
อยากได้
หัวหน้าตระกูลอวี้กระแอมขึ้นมาเล็กน้อย
ฉินหลิวซียังคงไม่ไหวติง
อวี้ฉังคง “…”
เด็กคนนี้ไม่เข้าใจสัญญาณหรือ
ฉินหลิวซีเงยหน้าขึ้น “คอของหัวหน้าตระกูลมีปัญหาหรือ ให้ข้าช่วยจับชีพจรให้ท่านหน่อยหรือไม่ วิชาแพทย์ของข้าก็พอใช้ได้อยู่”
หัวหน้าตระกูลอวี้ “ข้ารู้สึกไม่สบายใจ!”
อวี้ฉังคงเห็นดังนั้นแล้ว จึงเอ่ยขึ้นว่า “ท่านปู่ ท่านมีอะไรจะเอ่ยก็เอ่ยมาเถิด เดิมทีข้าก็ตั้งใจว่าจะขอความช่วยเหลือจากท่านเจ้าอาวาสน้อยอยู่แล้ว หากท่านรู้อะไรก็แค่พูดมาตรงๆ ข้าเชื่อนาง”
หัวหน้าตระกูลอวี้ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เหลือบมองพวกเขาทั้งสอง ก่อนจะถอนหายใจ “ฉังคง การตายของท่านพ่อท่านแม่เจ้าไม่ใช่เรื่องธรรมดา ปู่ไม่อยากให้เจ้าสืบเพิ่มเติม เพราะมันเป็นเรื่องที่เราไม่สามารถแก้ไขได้ ปู่อายุมากแล้วและสูญเสียท่านพ่อของเจ้าไปก่อนแล้ว ข้าไม่อยากเสียหลานชายอย่างเจ้าไปอีก ดังนั้นฟังปู่นะ เจ้าไม่ต้องสืบอีกแล้ว ได้หรือไม่”
มีน้ำเสียงวิงวอนในประโยคสุดท้าย
อวี้ฉังคง “เรื่องอะไรที่แก้ไขไม่ได้? ถ้าเป็นเรื่องกำลัง ข้าก็ยังใช้สำหนักอวิ๋นของท่านแม่ได้ ถ้าเป็นวิชาลึกลับ ท่านเจ้าอาวาสน้อยก็ช่วยได้เช่นกัน ท่านปู่แค่ต้องบอกท่านรู้ออกมา ควรทำอย่างไร หลานชายจะคิดเอง”
หัวหน้าตระกูลอวี้หันไปมองฉินหลิวซี ซึ่งยิ้มอย่างไม่เป็นอันตรายให้เขา “ข้ารู้ศาสตร์เต๋าทั้งห้าเล็กน้อย”
หัวหน้าตระกูลอวี้หลุบตาลง ยกถ้วยชาขึ้นมาดื่มจนหมด ก่อนจะเอ่ยอย่างเย็นชา “พ่อแม่ของเจ้าตายอย่างอนาถ ไม่ใช่เพราะคนธรรมดา แต่ตายด้วยน้ำมือของพวกมารร้ายนอกรีต ถูกตัดออกเป็นชิ้นๆ เพื่อเอาไปสร้างค่ายอาคม ที่ถูกเลือกก็เพราะแปดอักษรเวลาตกฟากของท่านพ่อท่านแม่เจ้าถูกเลือกเท่านั้น”
ฉินหลิวซีหรี่ตาลงทันที มารร้ายนอกรีต นางรู้คำตอบนี้!