คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 834 ข้าถนัดผัดหน่อไม้ไม่ดี
ตอนที่ 834 ข้าถนัดผัดหน่อไม้ไม่ดี
……….
อวี้ฉังคงคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินจากหัวหน้าตระกูลอวี้ว่า การตายของท่านพ่อท่านแม่ของเขาเป็นเพราะการสร้างค่ายอาคม เขาตกตะลึงไปชั่วขณะ มันแตกต่างไปจากที่เขาคิดเล็กน้อย
“มารร้ายนอกรีต?” เขาพึมพำสองสามคำ ก่อนจะเอ่ยเสียงเข้ม “ท่านปู่พูดถึงใคร ถูกเลือกหมายถึงอะไร ท่านกำลังบอกว่านี่เป็นเรื่องไม่คาดคิด เป็นเพราะท่านพ่อท่านแม่โชคร้าย?”
ฉินหลิวซีหันไปมองหัวหน้าตระกูลอวี้ด้วยสายตาสนใจ
หัวหน้าตระกูลอวี้หลับตาลง เอ่ยด้วยสีหน้าเศร้าและเจ็บปวด “ท่านพ่อของเจ้ามีพรสวรรค์อย่างน่าอัศจรรย์ อาจกล่าวได้ว่าเป็นลูกหลานที่โดดเด่นที่สุดของตระกูลอวี้ในรอบร้อยปี หากท่านพ่อของเจ้าเต็มใจ ตระกูลอวี้จะรุ่งโรจน์ยิ่งขึ้นภายใต้การนำของเขา แต่เขากลับปลีกวิเวก ต้องการเร้นกายอยู่ในป่าเขากับท่านแม่ของเจ้าเท่านั้น”
ในใจอวี้ฉังคงรู้สึกรุนแรงอย่างอธิบายไม่ถูก “ท่านปู่หมายความว่าท่านพ่อของข้าไม่แยแสกับชื่อเสียงและโชคลาภ เป็นเรื่องผิดหรือ”
หัวหน้าตระกูลอวี้มองหน้าเขา “เขาไม่สนใจชื่อเสียงและโชคลาภก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่เขาเกิดมาในตระกูลอวี้ ได้รับประโยชน์จากทรัพยากรของตระกูลอวี้ที่หล่อเลี้ยงบ่มเพาะเขาขึ้นมา เขาก็ควรรับผิดชอบหน้าที่ในฐานะทายาทตระกูลอวี้”
“ถ้าอย่างนั้นหลานก็เหมือนกัน ต้องรับผิดชอบด้วยหรือไม่” อวี้ฉังคงหัวเราะเบาๆ “ในฐานะลูกหลานของตระกูลอวี้ ก็ควรถือว่าความรุ่งโรจน์ของตระกูลอวี้เป็นความรับผิดชอบที่สำคัญที่สุดของเรา แต่ท่านปู่ ตระกูลอวี้ยังเป็นตระกูลอวี้เหมือนอย่างในอดีตหรือ โลกยกย่องตระกูลอวี้มากเกินไป ขอแค่คนตระกูลอวี้ออกไปเดินข้างนอก ก็จะเหนือกว่าคนอื่นไปอีกระดับ แล้วก็จะรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่าได้ กระทั่งทำให้เรื่องใหญ่กลายเป็นเรื่องเล็ก เรื่องเล็กกลายเป็นไม่มีอะไรได้เพราะแซ่อวี้อย่างนั้นหรือ”
สีหน้าของหัวหน้าตระกูลอวี้ดูย่ำแย่
ฉินหลิวซีกระแอมออกมาทีหนึ่ง นางยกมือขึ้นแล้วจึงเอ่ยว่า “พวกท่านกำลังออกนอกเรื่องหรือไม่ เราควรพูดถึงคนชั่วนอกรีตมิใช่หรือ เลิกพูดเรื่องปรัชญาครอบครัวก่อนดีหรือไม่”
ทั้งสองจ้องหน้านางพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
หัวหน้าตระกูลอวี้เอ่ย “ท่านพ่อท่านแม่ของเจ้าตายอย่างอนาถขนาดนั้น เดิมที่ข้าคิดว่าเป็นการแก้แค้น เพราะถึงอย่างไรท่านแม่ของเจ้าก็เกิดในป่า…”
อวี้ฉังคงเหลือบมอง ท่านพ่อของเขามาจากตระกูลที่เร้นลับที่มีชื่อเสียงมาหลายร้อยปี ท่านแม่ของเขามาจากป่า สถานะของพวกเขาไม่เหมาะสมกันอย่างยิ่งในความคิดเห็นของตระกูลอวี้ คุณชายคนโตตระกูลใหญ่จะแต่งงานกับสตรีที่มาจากป่าได้อย่างไร?
แต่อวี้ชิงไป่กลับกบฏมาก ถึงต้องละทิ้งตัวตนในฐานะบุตรชายคนโตของตระกูลอวี้ ก็จะแต่งานกับอวิ๋นจู๋อิ่งให้ได้ กระทั่งย้ายออกจากตระกูลอวี้ด้วยซ้ำ เขาแข็งกร้าวจนหัวหน้าของตระกูลอวี้ได้แต่ต้องกลั้นใจรับปาก
โชคดีที่แม้อวิ๋นจู๋อิ่งจะเกิดในป่า แต่นางก็เป็นคนงามทั้งในด้านรูปลักษณ์หน้าตาและความเฉลียวฉลาด นางก่อตั้งสำนักอวิ๋นด้วยตัวคนเดียวโดยอาศัยการขายข้อมูลเพื่อตั้งหลักในยุทธภพ แต่นางก็เล่าเรียนหนังสือของปราชญ์ และมีวิสัยทัศน์กว้างไกล แม้ว่านางจะแต่งงานเข้าตระกูลอวี้ แต่นางก็ไม่งอมืองอเท้า ดูแลกิจการของตระกูลอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย นางยังให้กำเนิดบุตรชายที่ไม่มีใครเทียบได้อย่างคุณชายฉังคง เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลอวี้ก็ไม่มีอะไรที่จะว่าได้อีก
น่าเสียดายที่คู่รักที่มีความคิดความสนใจคล้ายกันอย่างนี้จะต้องมาเสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย และในสภาพที่น่าสังเวชอย่างยิ่ง
หัวหน้าตระกูลอวี้ถอนหายใจ “หลังจากที่ท่านพ่อท่านแม่ของเจ้าตายไป ข้าก็ส่งคนไปสำรวจสถานที่ที่พวกเขาตายครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนพวกเขากลับมาถ้าไม่บ้าก็ต้องตะโกนว่ามีผี หรือตายอย่างแปลกประหลาด ต่อมาข้าก็ไปพบท่านอาจารย์หยวนเจ้าอาวาสวัดหลิงชิง ทำนายแปดอักษรวันเกิดของท่านพ่อท่านแม่เจ้า ก็พบว่าพวกเขาทั้งสองเป็นคนโชคดีมาก จึงตกเป็นเป้าหมายของคนชั่วนอกรีตและต้องตายเพื่อสร้างค่ายอาคม”
“ค่ายอาคมอะไร” อวี้ฉังคงถามทันที
“ท่านอาจารย์บอกว่ามันคือค่ายอาคมโครงกระดูก”
อวี้ฉังคงและฉินหลิวซีมองหน้าและสบตากัน
หัวหน้าตระกูลอวี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ฉังคง ตั้งแต่ก่อตั้งตระกูลอวี้มา เราก็ให้การสนับสนุนแนวคิดสำนักมั่วจื่อมาโดยตลอด ในหกกรม ตระกูลอวี้ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ลัทธิมารชั่วร้ายเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เราจะทำได้ ชื่อเสียงของตระกูลอวี้ไม่ใช่เรื่องโกหก และเราก็เป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น จะไปสู้กับคนที่ศึกษาวิชามารชั่วร้ายได้อย่างไร ปู่ไม่อยากจะให้เจ้าสืบต่อไป เพราะไม่อยากให้เจ้าตามรอยท่านพ่อเจ้าไปอีกคน ตระกูลอวี้เองก็ไม่สามารถเสี่ยงได้แล้ว”
ฉินหลิวซีเอ่ยขึ้น “หัวหน้าตระกูลนถ่อมตัวเกินไปแล้ว ข้าเห็นว่าหัวหน้าตระกูลสร้างค่ายอาคมป้องกันที่ซุ้มประตูทางเข้า เช่นเดียวกับจัดวางฮวงจุ้ย แม้ว่าพวกท่านจะไม่มีผู้มีความสามารถ ก็น่าจะรู้จักปรมาจารย์ระดับสูง ทำไมถึงกลัวนักพรตชั่วนั่นได้”
“ในตระกูลเรามีคนที่เชี่ยวชาญวิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ยจริงๆ เพราะถึงอย่างไรการเชี่ยวชาญเรื่องค่ายกล ก็ยังสามารถนำไปใช้ในสนามรบได้ด้วย”
ฉินหลิวซีส่ายนิ้วไปมา “จะบอกว่าเขาเชี่ยวชาญก็ยังถ่อมตัวไปหน่อย ค่ายกลป้องกันนั้นมาพร้อมกับใบมีดลมที่สามารถทำร้ายคนได้ นี่ไม่ใช่ค่ายกลธรรมดาๆ”
“นั่นเป็นค่ายกลที่นักพรตชื่อเสียนจีช่วยสร้างให้พวกเราเมื่อร้อยปีก่อน ลูกหลานที่รู้เรื่องค่ายกล จะศึกษาเรื่องการจัดกระบวนทัพเป็นที่พบเห็นได้ทั่วไป ค่ายอาคมที่ลึกลับอย่างในสำนักเต๋าไม่ใช่อะไรที่เราเรียนกัน” อวี้ฉังคงอธิบาย ในฐานะสายเลือดสายตรง เขารู้เรื่องนี้ดี
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ เช่นนั้นแล้วพวกท่านสืบได้หรือไม่ว่านักพรตชั่วผู้นั้นเป็นใคร” ฉินหลิวซีถามหัวหน้าตระกูลอวี้ “แค้นที่ฆ่าลูกชายฆ่าลูกสะใภ้ หัวหน้าตระกูลอวี้จะบอกว่าไม่สู้ แล้วปล่อยไปง่ายๆ แบบนี้หรือ”
หัวหน้าตระกูลอวี้เอ่ย “คนผู้นั้นมีฉายานามว่าชิงกู่จื่อ เป็นศิษย์ที่ถูกขับไล่ออกจากอารามเป่าหวา”
“อารามเป่าหวา?” นั่นเป็นอารามที่มีชื่อเสียงพอๆ กับอารามชิงหลาน เป็นนิกายฉวนเจินฝ่ายธรรมะ ฉินหลิวซีรู้สึกประหลาดใจ “ท่านแน่ใจหรือว่านี่เป็นคนที่มาจากอารามนั้น?”
หัวหน้าตระกูลอวี้เอ่ยเรียบๆ “อารามเป่าหวาเป็นสำนักฝ่ายธรรมะก็จริง แต่ต้นไผ่ที่ดีก็ยังแตกหน่อไม้ที่ไม่ดีได้เช่นกัน และไม่ใช่ว่านักพรตปรมาจารย์ทุกคนจะยึดถือว่าสายธรรมะคือทางที่ถูกต้อง ข้าได้ยินมาว่าอารามจินหัวในเมืองหลวงมีศิษย์สายธรรมะที่เลือกเดินเส้นทางสายมาร ชื่ออะไรข้าก็ลืมไปแล้ว”
ต้นไผ่ที่ดีให้หน่อไม้ที่ไม่ดีอย่างนั้นหรือ ฉินหลิวซีรู้สึกเหมือนถูกเยาะหยันและรู้สึกร้อนตัวโดยอย่างอธิบายไม่ได้
นางกระแอมเบาๆ ก่อนจะเอ่ย “ข้ารู้ คนผู้นั้นชื่อว่านักพรตไท่หยาง เขาตายเพราะข้าเอง”
หัวหน้าตระกูลอวี้ “?”
อวี้ฉังคง “ท่าน?”
“ใช่แล้ว เรื่องปีนี้นี่เอง เขาทำร้ายคนโดยใช้วิชาชั่วร้ายวิชาปล้นอายุขัย บังเอิญมาตกอยู่ในมือข้าพอดี กำจัดสิ่งชั่วร้ายผดุงคุณธรรมเป็นหน้าที่ของนักพรตสายธรรมะอย่างพวกเรามิใช่หรือ” ฉินหลิวซีหัวเราะเบาๆ
“ปล้นอายุขัยอย่างไร”
“คือการปล้นอายุขัยของคนอื่นมาเพิ่มอายุขัยให้กับคนที่กำลังจะตาย เช่นนั้นแล้ว คนผู้นั้นก็จะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ในขณะที่ผู้ที่ถูกปล้นจะต้องตาย” ฉินหลิวซีมองหัวหน้าตระกูลอวี้แล้วจึงเอ่ย “นักพรตไท่หยางแห่งอารามจินหัวคือผู้ใช้วิชา คนที่ต้องการปล้นอายุขัยก็คือบุตรชายของเขา หลังจากที่ข้าทำลายวิชาชั่วร้ายนี้แล้ว เขาได้รับผลสะท้อนกลับ แต่ก็ยังยึดติดงมงาย ทำให้บุตรชายเขากลายเป็นศพเดินได้มาทำร้ายผู้อื่น ท่านว่าคนแบบนี้สมควรตายหรือไม่”
นัยน์ตาอวี้ฉังคงสั่นสะท้านเล็กน้อย
ก่อนที่เขาจะพูดอะไร ฉินหลิวซีก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ที่ท่านพูดก็ถูก ไม่ใช่ว่าใครก็จะรักษาและยึดมั่นในเต๋า อารามจินหัวมีนักพรตที่ทรยศต่อสำนัก อารามเป่าหวาก็มี อารามชิงผิงของเราก็มี”
แทนที่จะรู้สึกถูกเยาะหยันถากถาง ข้าจะเป็นคนเปิดโปงเรื่องน่าอายในบ้านเสียเอง
“พวกท่านก็มีหรือ”
“มี และตายไปเพราะข้าเช่นกัน” ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าถนัดผัดหน่อไม้ไม่ดี ท่านแค่บอกข้ามาว่า ตอนนี้ชิงกู่จื่อผู้นี้เป็นหรือตาย ข้าจะไปสังหารเขา ล้างแค้นให้ฉังคงเอง”
รอยยิ้มนี้ทำให้หัวหน้าตระกูลอวี้ขนลุกซู่ แผ่นหลังหนาวสะท้าน
เด็กคนนี้ราวกับมารร้ายตัวน้อย เอ่ยถึงเรื่องฆ่าคนได้ด้วยท่าทีสบายๆ เช่นนี้ได้ คือมองข้ามหรือจะบอกเป็นนัยๆ