คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 837 ขุดหลุมฝังตัวเอง ตระกูลอวี้ถูกหลอก!
ตอนที่ 837 ขุดหลุมฝังตัวเอง ตระกูลอวี้ถูกหลอก!
เก่าไม่ไปใหม่ไม่มา ทำลายแล้วค่อยสร้างใหม่
ประโยคสั้นๆ ไม่กี่คำทำให้จิตวิญญาณของอวี้ฉังคงสั่นคลอน และกลับมาเป็นคุณชายรูปงามที่อ่อนโยนไม่มีพิษมีภัย แต่อวี้ฉังคงรู้อยู่ในใจว่า ในที่สุดบางสิ่งบางอย่างก็ได้เปลี่ยนไปแล้ว
หลุมฝังศพของอวี้ชิงไป่และภรรยาของเขาเป็นหลุมศพร่วม แม้ว่ามันจะตั้งอยู่ในสุสานบรรพบุรุษ แต่ที่ตั้งก็เป็นมงคลที่สุด
ฉินหลิวซีมองไปรอบๆ และนับนิ้วคำนวณไปด้วย นางพยักหน้าบ่อยครั้งก่อนจะเอ่ย “ล้อมรอบด้วยภูเขา แอ่งทองคำด้านซ้ายเป็นสิริมงคล ตรงกลางด้านขวาระบายน้ำ รวบรวมพลังงาน อากาศหมุนเวียน แล้วไหลลงไปยังคนบริเวณตีนเขา ทำให้คนในตระกูลโดดเด่น สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เอ่ยตามตรงว่าท่านพ่อของเจ้ามีโชคลาภมหาศาล หากสามารถสร้างกุศลใหญ่แก่คนทั่วไปได้ หลังจากที่ตายแล้วนำมาฝังอยู่ที่นี่ ก็จะสามารถปกป้องคุ้มครองลูกหลานรุ่นหลัง มีบุญวาสนาไปอีกยาวนาน”
“ตอนนี้ไม่ใช่หรือ ท่านก็บอกหากปลูกฐานชีวิตก็จะนำโชคลาภมาให้ และมีอายุยืนยาว” อวี้ฉังคงงุนงง
ฉินหลิวซีเอ่ย “ใช่ แต่การปลูกฐานชีวิตจะเป็นประโยชน์ต่อคนคนหนึ่งก่อน โชคลาภวาสนาและอายุขัยเพิ่มขึ้นที่คนคนหนึ่งก่อน แล้วจึงแผ่ขยายไปยังคนในตระกูล เจ้าว่าจะมีมากมายเท่าใดกัน ไม่ใช่ว่าไม่มี แต่ไม่มีทางสู้การตายพร้อมด้วยบุญกุศลและนำไปฝังในที่อันเป็นมงคลได้หรอก เจ้าลองคิดดูเถิดว่าบรรพบุรุษของพวกเจ้าที่ผ่านมามีใครบ้างที่ไม่ฝัง ดังนั้นจึงสามารถสานต่อบุญกุศลและวาสนาต่อมาได้ไม่ใช่หรือ”
นางชี้นิ้วไปไกล ตกตะลึงขึ้นมาทันที เอ๊ะ?
อวี้ฉังคงหลับตาลงแล้วลืมตามองออกไป สุสานบรรพบุรุษตระกูลอวี้นั้นเป็นเนินเขาเล็กๆ หลายร้อยปีผ่านไป ตอนนี้มีแผ่นหินจำนวนนับไม่ถ้วน เหนือหลุมฝังศพทั้งหมดมีปราณสีทองจางๆ นั่นคือบุญกุศลที่บรรพบุรุษสั่งสมมา
เขาแสบตาไปหมด ไม่กล้ามองอีกต่อไป จึงรีบหลับตาลง แต่ในใจกลับรู้สึกขมขื่นมาก
ในช่วงสามร้อยปีที่ผ่านมา ตระกูลอวี้เคยได้ช่วยเหลือฮ่องเต้มาแล้วหลายองค์ ซึ่งทุกพระองค์ล้วนเผ็นฮ่องเต้ที่ฉลาดอย่างแท้จริง และบุญกุศลที่ฮ่องเต้ผู้ปรีชาทำให้ชาวบ้านอยู่เย็นเป็นสุข ย่อมทำให้ตระกูลอวี้ได้รับส่วนบุญนั้นไปด้วย
นั่นต่างหากคือตระกูลอวี้ที่สมควรได้รับความเคารพและความชื่นชมจากผู้คนอย่างแท้จริง ตระกูลอวี้ในตอนนี้มีชื่อเสียงแล้ว แต่บุญกุศลเล่า?
“การปลูกฐานชีวิตถือเป็นวิชาที่ฝืนกฎธรรมชาติ ถึงจะทำสำเร็จแล้ว สวรรค์ก็จะกดไว้ ไม่มีทางปล่อยให้คนผู้นั้นได้รับผลประโยชน์ไปทั้งหมด เพราะโชคลาภเหล่านี้ได้มาด้วยการปล้นชิง ความจริงแล้วเป็นการทำลายบุญกุศลด้วย ถ้าจะเอ่ยให้ไม่น่าฟังหน่อย ความจริงแล้วการทำเช่นนี้ค่อนข้างโง่ ขุดหลุมฝังตัวเอง ตัดรากฐานตัวเอง” ฉินหลิวซีมองแสงสีทองแห่งบุญกุศลเหนือสุสานบรรพบุรุษของตระกูลอวี้ค่อยๆ รั่วไหลออกมาจากช่องหนึ่งช้าๆ และหรี่ตาลง “ข้ามีสังหรณ์อย่างหนึ่งว่าตระกูลอวี้ของพวกเจ้าดูเหมือนจะถูกหลอกแล้ว”
อวี้ฉังคงตกตะลึงทันที “ถูกหลอก ท่านบอกว่ามีคนวางแผนหลอกตระกูลอวี้ของเราหรือ ทำไม?”
ฉินหลิวซีนับนิ้วคำนวณ แล้วส่งสายตาบุ้ยใบ้ “เจ้ามองไปทางนั้นสิ บุญกุศลของตระกูลอวี้ของพวกเจ้ากำลังค่อยๆ สลายหายไป”
อวี้ฉังคงรีบหันไปมองทันที เขาเองก็สามารถเห็นปราณได้บ้างแล้ว แต่ไม่สามารถมองเห็นได้ในทันที ฉินหลิวซีร่ายวิชาเพิ่มพลังให้ดวงตาเขา ที่ที่เขาไม่เคยสังเกตเห็นก็ชัดเจนขึ้นแก่สายตา
ทิศทางที่นางชี้ไป ราวกับเป็นรอยแยกกลางอากาศ แสงสีทองแห่งบุญกุศลเหนือสุสานบรรพชนก็ค่อยๆ รั่วไหลออกมาจากรอยแยกนั้น
อวี้ฉังคงตกใจทันที “หากบุญกุศลทั้งหมดสลายหายไปจะเป็นอย่างไร?”
“อย่างไรน่ะหรือ” ฉินหลิวซียิ้มอย่างโหดร้าย “ยินดีด้วย หลังจากที่มันสลายหายไปหมด เจ้าไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรเลย แค่ต้องเอาตัวเองให้รอดก็พอ ก็จะได้เห็นตระกูลอวี้ค่อยๆ โชคร้าย จากนั้นก็ค่อยๆ เสื่อมถอยไปทีละน้อย จากนั้นก็จะพังทลายลงทีละน้อย จนกระทั่งตึกสูงถล่มลงมา!
เดิมทีนางยังคิดว่า ตอนที่อวี้ฉังคงคิดจะทำลายตระกูลอวี้ นางจะละเมิดมโนธรรมที่มีเล็กน้อยจนน่าสงสาร พอจะเล่นอะไรตุกติกช่วยเขาได้หรือไม่ แต่เมื่อเห็นจุดนี้ ก็ดูเหมือนว่าจะไม่จำเป็นแล้ว
ก็เป็นอย่างที่นางเอ่ย ตระกูลอวี้ขุดหลุมฝังตัวเอง ระเบิดตัวเองตาย!
อวี้ฉังคงใตเต้นแรงทันที
“ปลูกฐานชีวิตไม่มีประโยชน์หรือ”
“มีประโยชน์ วิชาสำเร็จแล้ว โชคลาภก็อยู่ที่ตระกูลอวี้ เพียงแต่ถูกคนขโมยไป” ฉินหลิวซีเอ่ย “ต่อให้ท่านปู่ของเจ้าจะอยู่ไปได้อีกห้าสิบปี อายุขัยเพิ่มขึ้นก็จริง แต่ก็ไม่แน่ว่าจะแข็งแรง หากต้องลากสังขารที่เจ็บป่วยไปไหนมาไหน ตายไปไม่ดีกว่าหรือ ส่วนโชคลาภที่ได้มาก็จะค่อยๆ สลายหายไป!”
ยังสามารถจินตนาการถึงจุดจบที่ตระกูลอวี้ยกหินทับเท้าตัวเองได้เลย
จิ๊ๆ เหตุการณ์พลิกผันอะไรขนาดนี้!
เป็นละครที่ดีเรื่องหนึ่ง
ปลายนิ้วอวี้ฉังคงสั่นทันที เขาเดินไปที่หลุมศพบิดามารดาตนเอง และคุกเข่าลง โชกศีรษะสามครั้ง แล้วพูดว่าเขาอกตัญญูและต้องการขุดหลุมศพอะไรว่าไป
หลุมศพคู่นี้เป็นหลุมศพเล็กๆ ทั้งสองคนมามือเปล่าและไม่ได้นำเครื่องมือใดๆ มาเลย ถ้าพวกเขาขุดหลุมศพด้วยมือเปล่าก็ไม่รู้ว่าต้องขุดไปอีกนานแค่ไหน
อวี้ฉังคงรู้สึกเคอะเขินเล็กน้อย “ข้าไปหาเครื่องมือมาดีหรือไม่”
“ไม่ต้อง” ฉินหลิวซีหยิบยันต์สีเหลืองสองแผ่นออกมาเปิดออก ฉีกเป็นคนตัวเล็กๆ สองสามตัว แล้วใช้วิชากับคนกระดาษตัวเล็กๆ พอสะบัดออกไป คนกระดาษพวกนั้นก็หล่นลงบนพื้นและเริ่มขุดหลุมศพอย่างขยันขันแข็ง
ดวงตาอวี้ฉังคงถึงกับนิ่งงันไป “…”
คนกระดาษตัวน้อยเคลื่อนไหวคล่องแคล่ว ไม่นานก็ขุดหลุมขึ้นมา เผยให้เห็นโลงศพไม้จื่อถานโลงเล็กๆ ซึ่งถูกปิดผนึกด้วยกระดาษยันต์จนทั่ว เห็นแวบแรกก็รู้ได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ถ้าเป็นการฝังเถ้ากระดูกตามปกติ แล้วจะต้องผนึกกระดาษยันต์ทั่วโลงไปทำไม?
อวี้ฉังคงขบฟันเสียงดังแสดงความโกรธ
เขาก้าวเข้าไปเอง และเตรียมที่จะอุ้มนำโลงศพเล็กๆ นั้นขึ้นมา
“เดี๋ยวก่อน” ฉินหลิวซีเห็นว่าโลงศพนั้นมีเงินเต่ารองอยู่ข้างใต้ ทั้งยังมีกระดาษยันต์สะกดไว้ ส่วนในหลุมก็ขุดรูเล็กๆ ไว้ ซ่อนวิหคเพลิงสัตว์มงคลตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งไว้ด้วย
ฉินหลิวซีหยิบเครื่องรางหยกชิ้นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าในแขนเสื้อ และหยิบกระดาษสีเหลืองแผ่นหนึ่งออกมา และวาดยันต์ด้วยเลือดบนปลายนิ้วก่อนจะห่อเครื่องรางหยกนั้นไว้ แล้วจึงนำไปวางไว้ที่รูที่มีสัตว์มงคลอยู่
“เอาสิ ฉีกกระดาษยันต์ออกก่อน”
“อธิบายได้หรือไม่”
“ในหลุมศพมีค่ายอาคมสะท้อนกลับ หากเคลื่อนย้ายโลงศพตามอำเภอใจ ค่ายอาคมก็จะทำงาน แล้วไอชั่วร้ายที่ก่อตัวขึ้นจะส่งผลย้อนกลับไปยังผู้ลงมือทันทีอย่างเช่นท่านนี่อย่างไร”
อวี้ฉังคงเอ่ย “นี่ก็กลายเป็นไอชั่วร้ายได้ด้วยหรือ ไหนว่าเป็นการใช้หยางสำหรับสุสาน”
“เป็นการใช้หยางสำหรับสุสานก็จริง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือสุสาน ขึ้นชื่อว่าสุสานก็เป็นที่รวบรวมหยินอยู่แล้ว ที่นี่ใช้วิหคเพลิงเป็นแก่นของค่ายอาคม ประการแรกเพื่อปกป้องหลุมฝังศพ ประการที่สองคือเอาความชั่วร้ายข่มความชั่วร้าย แต่ถ้าโลงศพถูกเคลื่อนย้าย ไอชั่วร้ายนั้นก็จะตกอยู่กับคนที่เคลื่อนย้ายมัน” ฉินหลิวซีเอ่ย “ไม่ว่าจะทำเพื่อใคร คนที่สร้างค่ายอาคมนี้ก็ระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ไม่ต้องการให้ใครมารบกวนหลุมศพนี้และทำลายฮวงจุ้ย”
เธอมองไปที่โลงศพไม้จื่อถานเล็กๆ นั้นอีกครั้ง สายตาเขานางเย็นชาและเฉียบคมขึ้น
อวี้ฉังคงฉีกกระดาษยันต์ออกอย่างระมัดระวังก่อน จากนั้นจึงอุ้มโลงศพเล็กๆ ออกมา
ทันทีที่โลงศพไม้จื่อถานเล็กๆ ขึ้นจากหลุมศพ ศิลาหน้าหลุมศพก็ล้มลงกับพื้นทันที โชคลาภมากมายมหาศาลสายหนึ่งพุ่งทะยานขึ้นฟ้าและเต้นเร่าอย่างบ้าคลั่งราวกับต้องการหาผู้รับมันไป ไม่นานมันก็พุ่งเข้าไปในจุดหลิงไถของอวี้ฉังคง
ฉินหลิวซีมองเห็นได้อย่างชัดเจน เมื่อหันไปมองโลงศพเล็กๆ นั้นอีกครั้ง มันคือฐานชีวิตของบิดาเขาไม่ผิดแน่
อวี้ฉังคงเองก็กดหน้าผากด้วยความรู้สึกตะลึงงันเล็กน้อย เขารู้สึกแปลกๆ มากกว่านั้นคือความรู้สึกขมขื่น
ในเวลานี้จู่ๆ หัวหน้าตระกูลอวี้ที่กำลังมายังสุสานบรรพบุรุษก็รู้สึกว่าหัวใจของเขาบิดเบี้ยว ลำคอได้รสคาว แล้วเขาก็กระอักเลือดออกมาเต็มปากทันที ผู้อาวุโสทั้งหลายคนที่อยู่ข้างหลังเขาต่างก็รู้สึกเวียนหัวและหน้ามืด
“แย่แล้ว รีบไปที่สุสานบรรพบุรุษเร็วเข้า!”
ในเวลาเดียวกัน ในถ้ำแห่งหนึ่งบนภูเขาด้านหลังของอารามเป่าหวา นักพรตสวมมงกุฏสีม่วงทองคนหนึ่งก็ลืมตาขึ้นเช่นกัน เขานับนิ้วคำนวณทันที จากนั้นแววตาเขาก็สั่นไหว