คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 87 ท่านเข้าใจอะไรผิดเกี่ยวกับคำว่าร่างกายอ่อนแอหรือ
- Home
- คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า
- ตอนที่ 87 ท่านเข้าใจอะไรผิดเกี่ยวกับคำว่าร่างกายอ่อนแอหรือ
ตอนที่ 87 ท่านเข้าใจอะไรผิดเกี่ยวกับคำว่าร่างกายอ่อนแอหรือไม่ / ตอนที่ 88 ชี้แนะเรื่องฮวงจุ้ย
ตอนที่ 87 ท่านเข้าใจอะไรผิดเกี่ยวกับคำว่าร่างกายอ่อนแอหรือไม่
ฉีเชียนรู้สึกเหมือนถูกฉินหลิวซีหลอก คนคนนี้บอกว่าตนเองร่างกายอ่อนแอไม่ต่ำกว่าสิบครั้งแล้วกระมัง แต่ลองดูสิ นกอินทรียักษ์หนักเป็นสิบชั่งกำลังเกาะอยู่ที่ข้อมืออีกฝ่าย โดยที่มือยังคงนิ่ง ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของน้ำหนักที่กดทับลงเลยด้วยซ้ำ
นี่หรือร่างกายอ่อนแอ
น่าจะเข้าใจอะไรผิดเกี่ยวกับคำว่าร่างกายอ่อนแอกระมัง
“นี่เป็นนกอินทรีที่ท่านปรมาจารย์เลี้ยงเอาไว้หรือ มิน่ามันถึงได้ดูน่าเกรงขามอย่างนี้” หั่วหลางจิ๊ปากด้วยความประหลาดใจขณะที่มองดูนกอินทรีขนดำมันปลาบนัยน์ตาแหลมคม
ฉีเชียนเหลือบมองเขาเล็กน้อย
ฉินหลิวซีนำนกอินทรีเข้าไปในรถม้า ดึงกระบอกไม้ไผ่เล็กๆ ที่ผูกไว้กับข้อเท้าออก หยิบกระดาษม้วนหนึ่งออกมา แล้วอ่านด้วยท่าทีสบายๆ
นกอินทรีไม่พอใจเล็กน้อย มันจิกแขนของนางเบาๆ และส่งเสียงร้องออกมา ผู้ส่งสารอย่างมันก็ควรจะได้รางวัลด้วยมิใช่หรือ
“ทำตัวดีๆ อย่าวุ่นวาย” ฉินหลิวซีบีบจะงอยปากยาวแหลมคมของมันแล้วตบลงไปบนหัว
อินทรีหดคอเล็กน้อยด้วยความน้อยใจ แต่กลับย่อตัวลงด้วยท่าทีเชื่องๆ หากหั่วหลวงและคนอื่นเห็นก็คงจะตกตะลึงปากอ้าตาค้างที่เจ้าแห่งเวหาเชื่องได้ราวกับแกะเช่นนี้
ฉินหลิวซีเห็นแล้วก็จับที่คอของมัน ก่อนจะหยิบขนมที่เฉินผีส่งให้ยื่นไปใกล้ๆ ปาก
อินทรีจิกกินทันที มันหรี่ตาลงด้วยความพอใจ
“คุณชาย ต้องตอบหรือไม่ขอรับ” เฉินผีถาม
“ต้องตอบสิ” ฉินหลิวซีเอ่ย “แต่ไม่ต้องฝนหมึกหรอก เอาดินสอถ่านมา”
เฉินผีหยิบกระดาษและดินสอถ่านที่เหลาจนแหลมส่งให้
ฉินหลิวซีเขียนอะไรลงไปแค่ไม่กี่ตัวอักษรก่อนจะม้วนกระดาษแล้วยัดลงกระบอกไม้ไผ่ แล้วผูกมันไว้กับขาของนกอินทรีอีกครั้ง นางลูบหัวมันพลางป้อนขนมและน้ำ
นกอินทรีไซ้แขนของนางอย่างเสน่หา จากนั้นจึงบินออกไป วนเวียนอยู่เหนือรถม้าสองสามรอบ ก่อนจะส่งเสียงร้องออกมาอีกทีแล้วบินหายไปในท้องฟ้า
รถม้าของฉีเชียนเข้ามาใกล้ เขาพิงประตูพูดคุยกับอีกฝ่าย “เชียนมีหนึ่งคำถามที่อยากรู้ ท่านหมอฉินเข้าใจอะไรผิดเกี่ยวกับคำว่าร่างกายอ่อนแอหรือไม่”
ฉินหลิวซีกะพริบตาปริบๆ ตอบเขาด้วยสีหน้าไร้เดียงสา “ข้าเรียนหนังสือมาน้อย ไม่ทราบจริงๆ คุณชายฉีพอจะชี้แนะได้หรือไม่”
เขาหรี่ตามองฉินหลิวซี “ข้าเห็นว่าท่านหมอฉินฝึกนกอินทรีได้เก่งมาก ท่านใช้มันส่งสารหรือ เชียนคิดว่าท่านหมอฉินปรมาจารย์หมอเทวดาที่สามารถล่วงรู้ความลับสวรรค์ได้จะใช้วิธีการส่งสารผ่านสิ่งที่มองไม่เห็นพวกนั้นเสียอีก”
ฉินหลิวซีถอนใจ “ความคิดของคุณชายฉีนี่ยอมรับไม่ได้จริงๆ ข้ามีความสามารถเช่นนั้นที่ไหน พวกเราเป็นคนเป็น มีชีวิตอยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ จะส่งข่าวส่งสารอะไรให้คนอื่นก็ต้องใช้ของที่จับต้องได้สิ จะใช้อะไรแปลกๆ แบบนั้นได้อย่างไร หากทำให้คนอื่นตกอกตกใจกลัวไปจะไม่บาปแย่หรือ อีกอย่างวัตถุหยินหรือวิญญาณที่ท่านว่าก็มีศักดิ์ศรี จะมาใช้เป็นบ่าวเป็นทาสได้อย่างไร ข้าไม่ใช่คนเช่นนั้นเสียหน่อย”
เฮอะๆ นางจะไม่บอกหรอกว่าผีที่เคยถูกนางใช้มาก่อน พอเห็นนางต้องรีบหลบทันที
ฉีเชียน “…”
ดูสิ ดูสีหน้าท่าทางแสร้งโง่หน้าตายนั่นสิ แต่เขาก็ยังทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ดี
ที่ไหนสักแห่งราชาแห่งผีก็ตื่นขึ้นจากฝันร้าย เหงื่อเย็นๆ ไหลหยด ขวัญกระเจิงกระจาย นางสนมคนใหม่คนที่เจ็ดสิบแปดข้างๆ อิงแอบแนบชิดตัวเขาราวไร้กระดูกพลางกระซิบกระซาบ “ท่านราชา เป็นอันใดไปหรือเพคะ”
ราชาแห่งผีเหม่อมองไปในความว่างเปล่า “ไม่มีอันใด เจ็ดสิบแปดเอ๋ย เจ้าว่าข้าไปเกิดใหม่ดีหรือไม่”
เจ็ดสิบแปดตกตะลึง “ท่านราชา เป็นผีไม่ดีหรือเพคะ เหตุใดท่านจึงคิดไม่ตกเช่นนี้”
ราชาผีพูดเสียงเศร้า “จู่ๆ ก็นึกถึงวันที่ข้าแหลกเป็นชิ้นๆ ขึ้นมา”
วันเวลาที่เขาถูกจอมมารฉินผู้นั้นกดขี่ใช้งานเป็นช่วงเวลาที่เขาไม่อยากนึกย้อนกลับไปจริงๆ มันช่างน่าอนาถนัก!
เขาเพิ่งจะฝันเห็นจอมมารฉินนั่นโบกมือให้เขาด้วยรอยยิ้มไม่มีพิษมีภัย แต่ที่จริงแล้วมันเป็นรอยยิ้มของปีศาจต่างหาก!
ตอนที่ 88 ชี้แนะเรื่องฮวงจุ้ย
การเดินทางสามวันนั้นจะว่าเร็วก็ไม่เร็ว แต่จะนับว่าช้าก็ไม่ได้ ตอนที่ฉินหลิวซีและคนอื่นๆ มาถึงจวนหนิงโจวก็เพิ่งจะเป็นยามเซิน[1]เท่านั้น เนื่องจากฉีเชียนบอกว่าคนไข้พักอยู่ที่เรือนรับรองนอกเมือง พวกเขาจึงไม่ได้เข้าไปที่จวนหนิงโจว แต่ตรงไปยังเรือนรับรองนั้นแทน ซึ่งก็ใช้เวลาเดินทางอีกประมาณหนึ่งชั่วยาม
กระนั้นเมื่อพวกเขาไปถึงเรือนรับรองชางหลันที่สร้างอิงภูเขาก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว ดวงอาทิตย์ที่กำลังจะตกส่องกระทบสะท้อนหลังคากระเบื้องเคลือบของเรือนรับรองราวแสงทองส่องประกาย
ที่หน้าประตูเรือนรับรองมีพ่อบ้านวัยกลางคนในชุดราชการยืนรอพร้อมกับคนอีกจำนวนหนึ่ง พอพวกเขาเห็นรถม้าของฉีเชียนมาถึงก็ก้าวเข้าไปคุกเข่าต้อนรับอย่างเคารพนบนอบทันที
“จวิ้นอ๋องกลับมาแล้ว พระชายาผู้เฒ่ารอท่านอยู่นานแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฉีเชียนยกมือขึ้นบอกให้พวกเขาลุก ก่อนจะหันไปมองฉินหลิวซีที่ก้าวลงจากรถมาลงมาเช่นกัน และเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจคำเรียกขานของเขา สายตาวาบประกายเล็กน้อย เขาถามพ่อบ้าน “พ่อบ้านวั่น ท่านย่าเป็นอย่างไรบ้าง”
“พระชายาผู้เฒ่าสบายดีขอรับ เพียงคิดถึงจวิ้นอ๋อง กระหม่อมสั่งให้บ่าวเตรียมน้ำร้อนไว้แล้ว จวิ้นอ๋องจะไปทักทายพระชายาผู้เฒ่าก่อนอาบน้ำ หรือจะอาบน้ำก่อนแล้วค่อยไปดีพ่ะย่ะค่ะ”
“อาบน้ำก่อนเถิด มีแต่ฝุ่นติดตัว จะได้ไม่ต้องไปเปรอะเปื้อนที่ของท่านย่าด้วย”
ฉินหลิวซียืนอยู่เบื้องหลังโดยไม่สนใจบนสนทนาระหว่างเขากับพ่อบ้าน ก็แค่จวิ้นอ๋องมิใช่หรือ
นางไม่สนใจคำเรียกขานนั้น และกำลังประเมินตำแหน่งที่ตั้งของเรือนรับรองนี้ ซึ่งสร้างตามปรัชญาสวรรค์ทรงกลมพื้นดินเป็นสี่เหลี่ยม หลังพิงเขา น้ำข้างเคียง ผังโดยรวมเป็นทรงสี่เหลี่ยม มีแสงสว่างเพียงพอ ทำเลที่ตั้งของเรือนรับรองหลังนี้ค่อนข้างดีทีเดียว
หากแต่มีคอกวัวอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ กลิ่นเหม็นโชยมา สิ่งของวางระเกะระกะ
“สถานที่นั้นใช้ทำสิ่งใดหรือ” ฉินหลิวซีใช้นิ้วปิดจมูกเล็กน้อย แล้วชี้ไป
ชีเฉียนได้ยินเช่นนั้นก็มองออกไปก่อนจะหันไปมองพ่อบ้านวั่น
พ่อบ้านวั่นได้รับข่าวจากเขาก่อนแล้ว เขาหันไปมองท่าทางของฉินหลิวซีแล้วก็หันไปมองท่าทางสุภาพของจวิ้นอ๋อง ก็พอจะเดาได้แล้วว่าเขาเป็นใคร เพียงแต่แปลกใจที่มีอายุน้อยถึงเพียงนี้
เมื่อได้ยินคำถามของอีกฝ่าย เขาจึงหันไปมองและตอบคำถาม “อ้อ ตรงนั้นเป็นคอกวัวที่คนในหมู่บ้านสร้างไว้ขอรับ เมื่อก่อนจะเลี้ยงวัวไว้ที่นี่ แต่ตอนนี้ส่วนใหญ่ก็ลากกลับบ้านแล้ว ที่นั่นจึงเป็นที่เก็บมูลวัวและมูลสัตว์อื่นๆ เพื่อทำปุ๋ย”
ฉินหลิวซีเอ่ยกับฉีเชียน “พระชายาผู้เฒ่าช่างเรียบง่าย สามารถทนต่อสถานที่สกปรกเช่นนี้ได้ด้วย นางไม่รังเกียจกลิ่นนั่นบ้างหรือ”
พ่อบ้านวั่นเอ่ย “คุณชายน้อย พระชายาผู้เฒ่าของเราได้ชื่อว่าเป็นคนจิตใจดี คอกวัวดังกล่าวใช้ในการทำปุ๋ยเพื่อใส่พืชผลในหมู่บ้าน ในเมื่อเป็นเรื่องดีเช่นนี้ไม่มีเหตุผลที่จะทนไม่ได้ อีกทั้งมันยังห่างไกลจากเรือนหลักของเรือนรับรองด้วย ปกติแล้วกลิ่นเหม็นจะลอยไปไม่ถึง”
“แต่ข้ายืนอยู่ตรงนี้ก็ยังได้กลิ่น” ฉินหลิวซีโบกมือไล่กลิ่น
นี่ไม่ใช่ประตูใหญ่ของเรือนรับรองนี้หรือ
พ่อบ้านวั่นหันไปมองฉีเชียน คุณชายน้อยคนนี้คงจะเป็นหมอนักพรตคนนั้น เหตุใดจึงดูบอบบางเช่นนี้ แค่คอกวัวที่ไว้ทำปุ๋ยก็ยังไม่ยอมปล่อยวางอีก
อย่างไรก็ตาม ฉีเชียนกลับนึกถึงตัวตนและความสามารถของฉินหลิวซี จึงถาม “ท่านหมอฉิน หรือว่าที่ตรงนั้นมีสิ่งใดผิดปกติ”
ฉินหลิวซียักไหล่ “แค่รู้สึกว่ามันเหม็น พวกท่านเคยชินก็ดีแล้ว”
ฉีเชียนหยิบตั๋วเงินห้าสิบตำลึงออกมาแล้วยื่นให้ “รบกวนท่านหมอฉินชี้แนะด้วย”
“ท่านนี่นะ ขี้เกรงใจจริงๆ ถ้าอย่างนั้นข้าจะพูดอันใดเรื่อยเปื่อยสักหน่อย ท่านก็ฟังๆ ไปเถิด” ฉินหลิวซีรับมาด้วยรอยยิ้ม อีกฝ่ายไม่ยอมปล่อย พอนางเลิกคิ้ว เขาจึงยอมปล่อย
พ่อบ้านวั่นที่อยู่ข้างๆ และมองเห็นเหตุการณ์อย่างชัดเจน หนังหน้าเขม่นในทันที “…”
ฉินหลิวซีเล่นตั๋วเงินในมือพลางเอ่ย “เรือนรับรองแห่งนี้หลังพิงภูเขาแม่น้ำล้อมรอบเป็นฮวงจุ้ยมหาสมบัติ ภูเขาคือมีคนสนับสนุน น้ำเรียกทรัพย์ เอื้อต่อการสะสมโชคลาภความมั่งคั่ง หากท่านอาศัยอยู่ที่นี่และทำการค้าก็เหมือนปลาได้น้ำ จะหาเงินได้มากมาย มีทั้งชื่อเสียงและโชคลาภ แต่ความสกปรกและยุ่งเหยิงนำมาซึ่งโชคร้ายและความอัปมงคล ไม่เพียงแต่ไม่มีความสวยงาม หากมีสิ่งสกปรกมากเกินไปจะไม่เอื้อต่อโชคลาภ ให้รีบทำความสะอาดเสีย ผู้เฒ่าผู้แก่ก็จะมีสุขภาพดี ไม่มีโรคภัยไม่มีเคราะห์ร้าย เข้าใจหรือไม่”
[1]ยามเซิน คือเวลา 15.00 น.-17.00 น.