คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 890 ถกด้วยเรื่องความอับอายรู้สึกอย่างไร
ตอนที่ 890 ถกด้วยเรื่องความอับอายรู้สึกอย่างไร
Ink Stone_Romance
การฉวยโอกาสเผยแพร่ลัทธิเพื่อดึงดูดผู้ศรัทธาในฐานะผู้สืบทอดอารามเต๋าด้วยความรู้ความเข้าใจพื้นฐานขั้นสุด ฉินหลิวซีแสดงให้เห็นว่านางจะพยายามทำให้ดีที่สุด
ครั้นเห็นท่าทีงงงันของพวกหมิงอ๋องที่ถูกบีบให้รับคัมภีร์ ฉินหลิวซีก็ยิ้มตาหยีพลางเอ่ย “ศรัทธาในเต๋าช่วยหล่อเลี้ยงให้มีชีวิตยืนยาวได้!”
เหอะๆ
พวกเขานับถือศรัทธาวัดอวี้ฝอ แบบนี้จะให้พวกเขาเปลี่ยนความศรัทธาใหม่อย่างนั้นหรือ
ฉินหลิวซีดึงเข็มออกก่อนจะเอ่ย “หลังจากนี้ให้ท่านหมอหลิวฝังเข็มให้เจ้าต่อก็ได้แล้ว รอลมปราณไหลเวียนดีเมื่อไรค่อยหยุดฝังเข็ม แต่ต้องให้ความร่วมมือเรื่องบำรุงร่างกายและกินยาด้วย ร่างกายของเจ้าจะเอาแต่ตามใจตนไม่ได้แล้ว นอกเสียจากเจ้าอยากตายจริงๆ”
หมิงอ๋องรีบเอ่ยแทนหลานชายตัวแสบของตนว่า “ไม่หรอก ข้าจะจับตาดูเขาอย่างแน่นอน”
ฉินหลิวซีขานรับอืม ก่อนจะมองเขาแวบหนึ่งแล้วเอ่ย “ความจริงเบอร์ใหญ่เสียคนแล้ว หากจะมีเบอร์เล็กเพิ่มมาอีกคนก็ย่อมได้ สตรีก็สืบสกุลได้เช่นกัน”
หมิงอ๋องผงะไป “?”
หมายความว่าอย่างไร
หมิงหุยสมองปราดเปรียว ได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจในทันทีจึงเอ่ย “เจ้าหมายถึงให้ท่านปู่ของข้ามีลูกอีกคนอย่างนั้นหรือ”
“ทำไมจะไม่ได้เล่า” ฉินหลิวซีเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “ถึงแม้จะลำบากอยู่บ้าง แต่หากมุ่งมั่นปรับร่างกาย กินยาสักปีหรือครึ่งปี ก็ใช่ว่าจะสมดั่งใจหวังไม่ได้”
ดูจากโหงวเฮ้งของหมิงอ๋อง ความจริงพยายามสักหน่อยก็ยังพอให้กำเนิดบุตรสาวได้อีก เพียงแต่ร่างของเขาอ้วนท้วมไปหน่อย ตับไตทำงานไม่ดีเลยเป็นผลให้เลือดลมไม่เสถียร ถึงทำให้มีทายาทได้อย่างยากลำบาก
หัวใจของหมิงอ๋องเต้นตึกตัก ทั่วทั้งร่างตกอยู่ในความมึนงง
นี่หมายความว่าเขายังให้กำเนิดบุตรได้อีกหรือ
หมิงหุยจึงหันไปมองท่านปู่ตามจิตใต้สำนึก หากท่านปู่มีบุตรเพิ่มอีกสักคน เช่นนั้นก็คงเป็นท่านอาชายหรือท่านอาหญิงกระมัง
ซึ่งอายุน้อยกว่าตนตั้งหนึ่งรอบ…
ดวงหน้าเล็กงดงามของหมิงหุยตะลึงงัน
ครั้นหมิงอ๋องได้รับสายตาจากหลานชาย พลันสมองก็ว่องไว ฉีกยิ้มแล้วกล่าวด้วยความกระอักกระอ่วนใจขึ้นว่า “ท่านอย่าล้อข้าเล่นเลย ข้าอายุใกล้หกสิบแล้วจะมีบุตรได้อีกอย่างไร”
“คำว่ามีลูกตอนแก่ก็มาจากสาเหตุนี้ หากให้กำเนิดบุตรได้ตอนอายุเท่านี้ควรจะภูมิใจถึงจะถูก”
หมิงอ๋องยิ่งกระอักกระอ่วนใจมากกว่าเดิม ภูมิใจก็ภูมิใจอยู่หรอก ลำพังแค่จินตนาการก็รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวแล้ว
“ไม่ดีกว่าๆ ฮ่าๆ”
ทว่าฉินหลิวซีกลับไม่ใส่ใจนัก ถึงอย่างไรนางก็แค่บอกไปอย่างนั้น ประจวบกับเวลานี้มีคนเดินเข้ามาบอกว่ามีแขกคนสำคัญมาหานาง
ฉินหลิวซีเอ่ยกับพวกหมิงอ๋องว่าขอตัวเสียมารยาท ก่อนจะเดินออกไป
หมิงอ๋องถอนหายใจแล้วมองไปทางหมิงหุย เอ่ย “เจ้าอย่าคิดมาก ปู่แก่แล้ว ไม่มีความคิดที่จะมีลูกทั้งสิ้น ผ่านไปอีกไม่กี่ปีค่อยหาคนหมั้นหมายกับเจ้า เจ้ามีเหลนให้ปู่ก็พอแล้ว”
หมิงหุยมองเขาด้วยสีหน้าแปลกๆ พลางเอ่ย “แต่นางบอกว่าสตรีก็สืบสกุลได้เช่นกัน ซึ่งก็หมายความว่าหากเสด็จปู่ให้กำเนิดบุตร ย่อมต้องเป็นบุตรสาว”
หมิงอ๋องผงะไป
“เก้ารุ่นของตระกูลหมิงไม่มีบุตรสาวสักคน” หมิงหุยเอ่ย “หากมีมาสักคน…”
ซึ่งเอ่ยได้ว่าล้ำค่าหายากยิ่งกว่าองค์หญิงเสียอีก
หมิงอ๋องผุดความหวั่นไหวขึ้นในใจ หญิงสาวตัวน้อยนุ่มนิ่ม เขาอยากได้
“เสด็จปู่ ท่านแต่งงานใหม่เถิด”
หมิงอ๋องได้ยินเช่นนั้น หัวใจพลันเต้นแรง “หลานเอ๋ย เจ้าอย่าพูดซี้ซั้วไป!”
“ตำแหน่งพระชายาหมิงอ๋องว่างมาหลายปีแล้ว หากหาคนมารับช่วงต่อก็ดีเหมือนกัน ไม่ว่าจะผ่านการหย่าร้างหรืออยู่เป็นหม้ายก็ช่าง ขอแค่รับประกันว่าท่านอาน้อยจะเป็นบุตรสาวของภรรยาเอกก็พอ” หมิงหุยเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง
ในสมองของหมิงอ๋องว่างเปล่าวิ๊งๆ
เขาแค่ตามหลานชายมาตรวจดูอาการ อย่าว่าแต่ถูกยัดคัมภีร์มาให้เลย แต่ตอนนี้กลับถูกวางระเบิดบอกว่าเขายังให้กำเนิดบุตรได้อีก จากนั้นหลานชายก็เอ่ยเรื่องแต่งงานใหม่ด้วยท่าทีจริงจัง เพียงเพราะคำพูดของฉินหลิวซีที่ว่าสตรีก็สืบสกุลได้เช่นกัน กระทั่งวางแผนการให้อนาคตท่านอาตัวน้อยในจินตนาการไว้เสร็จสรรพ!
หลานชายตัวน้อย เจ้าตาบอดเชื่อคนอื่นเกินไปกระมัง นี่เพิ่งเจอกันเพียงสองครั้งเอง!
…
จากนั้นฉินหลิวซีก็เห็นใบหน้าอันคุ้นเคย เขาก็คือผู้เฒ่าอวี๋ที่เจอกันโดยบังเอิญเมื่อปีก่อน เขาสวมชุดลำลองปกติ ทว่ายากจะกลบความน่าเกรงขามของผู้ทรงอิทธิพลที่แผ่รอบกายได้ ข้างกายยังคงมีองครักษ์อย่างมู่ซินและบ่าวรับใช้อย่างมู่เหนียนคอยติดตามเช่นเคย
ครั้นผู้เฒ่าอวี้เห็นฉินหลิวซีก็เผยรอยยิ้มทั้งใบหน้า ส่วนพวกมู่เหนียนแสดงความเคารพต่อฉินหลิวซี รินชา ก่อนจะหลบไปอยู่ด้านข้าง
“ท่านมารับตำแหน่งในเมืองหลวงแล้วหรือ”
ผู้เฒ่าอวี๋ยกยิ้มพลางเอ่ย “น่าจะกล่าวว่ากลับมาผงาดใหม่อีกครั้งหลักจากผ่านการไว้ทุกข์มากกว่า”
มู่เหนียนที่ยืนอยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้นว่า “บัดนี้ใต้เท้าของพวกเราขึ้นเป็นราชเลขากรมมหาดไทยแล้วขอรับ”
ฉินหลิวซีเอ่ย “ยินดีด้วย”
ผู้เฒ่าอวี๋โบกมือ เอ่ย “ล้วนทำเพื่อบ้านเมืองปวงประชาทั้งสิ้น แค่ทำไปตามหน้าที่ก็เท่านั้น มาครั้งนี้ก็เพราะความบังเอิญ เมื่อวานมู่ซินส่งคนในครอบครัวไปวัดอวี้ฝอ ประจวบกับเจอเจ้าเลยใจกล้าลองตามสืบดู ถึงรู้ว่าเจ้ามาที่เมืองเซิ่งจิง”
“ท่านมีเรื่องอยากขอให้ช่วยหรือ” ฉินหลิวซีมองสีหน้าของเขาพลางกล่าว “ดูจากใบหน้ามีเลือดฝาดอิ่มเอมของท่านแล้วคงสุขภาพดี ไม่ใช่เรื่องของท่านเองกระมัง”
ผู้เฒ่าอวี๋หลุดขำ “ปิดบังสายตาของเจ้าไม่ได้เลยจริงๆ ข้าฝังเข็มใช้ยาตามแบบแผนของเจ้า พร้อมฝึกหมัดมวยในแต่ละวัน ร่างกายจึงแข็งแรงกว่าเมื่อก่อนมากโข หากเป็นไปได้ช่วยตรวจดูชีพจรให้ข้าได้หรือไม่”
ฉินหลิวซีมองมือที่เขายื่นส่งมาก่อนจะใช้สองนิ้วแตะลงไป ผ่านไปสักพักถึงเอ่ย “ช่วงนี้นอนไม่หลับหรือ”
“แก่แล้ว นอนหลับยาก”
“เป็นเพราะท่านคิดมากเกินไป ทำงานหักโหมก็มีส่วนเช่นกัน ความจริงมนุษย์เราควรสร้างความสมดุล หากตึงเครียด สักวันจะเหมือนสายธนูที่ถูกดึงตึงจนขาด” ฉินหลิวซีเอ่ยต่อ “พอประชุมเช้าเสร็จก็กลับจวน ปล่อยวางเล่นกับลูกหลาน ปรับสภาพอารมณ์จิตใจของตนบ้าง ทำให้จิตใจและสมองผ่อนคลายลง เช่นนี้ถึงจะทำให้มีกำลังวังชามากกว่าเดิม”
โต๊ะยาวด้านข้างมีกระดาษพู่กันวางอยู่ ฉินหลิวซีหยิบขึ้นมาก่อนเขียนตำรับยาให้ พลางเอ่ย “ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไร คงไม่ฝังเข็มให้ท่านแล้ว แค่กินยาลดความร้อนในร่างกายและสงบจิตใจ กินอาหารรสชาติอ่อนหน่อย อย่าดื่มเหล้ามาก รักษาการออกกำลังไว้ก็พอแล้ว”
ผู้เฒ่าอวี๋ฉีกยิ้มพลางกล่าวว่าได้
“ท่านมาเชิญข้าไปรักษาใครหรือ”
ผู้เฒ่าอวี๋เอ่ย “มีสหายคนหนึ่งร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง เลยอยากเชิญเจ้าไปตรวจดูอาการสักหน่อย”
ฉินหลิวซีเลิกคิ้ว “ท่านให้มู่เหนียนมาเชิญข้าไปก็พอแล้ว ไม่เห็นจำเป็นต้องมาเองเลย”
“ไม่ได้หรอก ข้าได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้ท่านเจ้าอาวาสน้อยสร้างชื่อเสียงไว้ในเมืองหลวง หากไม่มีคนคุ้นเคยแนะนำคงไม่เจอตัว ได้ยินว่าบัดนี้มีคนไปตามสืบหาเจ้าถึงจิ่วเสียนแล้ว หากไม่ใช่เพราะมู่ชินตาดีเห็นเจ้า ข้าคงต้องส่งคนไปเชิญตัวเจ้าที่เมืองหลี ทว่าตอนนี้ข้ากลับยังโชคดีอยู่บ้าง”
“ไม่ใช่ความโชคดีของสหายท่านหรือ”
“เจ้าพูดถูก” ผู้เฒ่าอวี๋มองนางพลางเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “หากเจ้าไม่มีธุระใดไปพร้อมกับข้าตอนนี้เลยได้หรือไม่”
“ได้” ในเมื่อมาเชิญด้วยตนเอง ฉินหลิวซีย่อมยินดีให้เกียรติเขา
เพียงแต่ขณะที่พวกเขาเพิ่งเดินออกจากประตูมาก็เจอเข้ากับพวกหมิงอ๋องที่เดินออกมาจากห้องด้านข้างพอดี ตอนที่หมิงอ๋องเห็นผู้เฒ่าอวี๋ก็ผงะไปครู่หนึ่ง เหตุใดคนสุขุมจริงจังอย่างอวี๋เหมี่ยวถึงมาอยู่ที่นี่ได้ เขารู้จักฉินหลิวซีด้วยหรือ
ไม่รอให้เขาเอ่ยทักทาย หลานตัวแสบก็พุ่งเข้าไปขวางหน้าฉินหลิวซีไว้ โพล่งขึ้นว่า “เจ้ามีวิธีทำให้เสด็จปู่ของข้ามีลูกได้อีกจริงๆ หรือ เช่นนั้นก็รีบช่วยปรับร่างกายให้เขาทีเถิด ข้าจะหาภรรยาใหม่ให้เขาเอง!”
ฉินหลิวซีกวาดตามองผู้เฒ่าอวี๋ที่ยืนอยู่ด้านข้างพลางเผยสีหน้าตะลึงงันจับจ้องหมิงอ๋อง ก่อนจะมองหมิงหุยด้วยสายตาลึกล้ำแวบหนึ่ง
พูดตามตรง ข้าสงสัยว่าเจ้าอยากฆ่าเสด็จปู่ของเจ้าแล้วขึ้นรับตำแหน่งอ๋องแทนเขามากกว่า!
หมิงอ๋องที่ถูกบีบให้ตาย มีลูก ยังไงก็ต้องมีลูก หลานคนนี้เอาไว้ไม่ได้แล้ว!