คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 895 ทำนายชะตาลงกระดาษ ลางร้ายเป็นจริง
ตอนที่ 895 ทำนายชะตาลงกระดาษ ลางร้ายเป็นจริง
…………….
หลังจากได้วันเดือนปีเกิดของจั่วจงจวิ้น ฉินหลิวซีก็มองแวบหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ตกฟากเกิงเซิน[1] ดวงชะตานับว่าไม่เลว”
“หมายความว่าเช่นใดหรือ” จั่วจงเหนียนประหลาดใจไม่น้อย
เพราะท่านพ่อไม่เชื่อเรื่องผีสางนางไม้ ตระกูลของพวกเขาไม่เคยไปอารามเต๋าเลย มีเพียงจุดธูปไหว้พระตามวัดทางพุทธ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพราะคนเชิญไป หากไม่ใช่เพราะเรื่องแต่งงานของบุตรชายบุตรสาวเลยหาข้ออ้างไปไหว้พระและตรวจดูดวงชะตาแล้ว มิเช่นนั้นคงไปไหว้พระน้อยครั้งมาก
ส่วนอารามเต๋ายิ่งไม่เคยไป ทางพุทธยังอ้างว่ามาไหว้พระได้ แต่พวกตรวจดูดวงชะตาถามเรื่องผีสางในอารามเต๋า หากหลุดปากเปรยขึ้นเมื่อไร ใต้เท้าจั่วจะเผยสีหน้าถมึงทึงทันที
ตอนนี้พอได้ยินฉินหลิวซีเอ่ยว่าดวงชะตาของน้องชายดีไม่หยอก พลันก็อารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นมา
ฉินหลิวซีเอ่ย “ตามหลักโหราศาสตร์แล้ว ทั่วทั้งใต้หล้าดวงชะตาเกิงเซิงไร้ซึ่งความเหน็ดเหนื่อย เป็นผู้ได้รับพรแห่งความมั่งคั่ง มั่งมีทั้งเรื่องเสื้อผ้า เงินเดือน และอาหาร โชคลาภการเงินของคุณชายรองย่อมดีมาก ขอแค่ทำงานหาเงินเองได้ แม้ว่าพวกท่านจะไม่ให้เงินทองเขาใช้เลย เขาก็สามารถหาเงินเองได้”
ท่วงท่าดื่มชาของใต้เท้าจั่วหยุดชะงัก ก่อนจะเหยียดหลังตรงเล็กน้อย
จั่วจงเหนียนปรบมือที “ถูกเผงเลย พ่อของข้าซื่อสัตย์ แม้บ้านเราจะไม่ขัดสน แต่ก็ไม่ได้ใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย เงินเดือนของลูกๆ ในบ้านจะถูกกำหนดอย่างชัดเจนโดยไม่ได้ให้ตามต้องการ เพื่อเลี่ยงไม่ให้ลูกกลายเป็นคนสุรุ่ยสุร่าย แต่น้องรองกลับไม่เคยขัดสนเรื่องเงินทอง เขาร่วมลงทุนทำภัตตาคารกับเหล่าสหาย แม้จะไม่ได้ร่ำรวยมาก แต่ก็กำไรดีไม่น้อย”
ฉินหลิวซีกล่าวต่อ “นี่คือความรุ่งโรจน์ของดวงชะตาเขา วิสัยทัศน์กว้างไกล มีความรู้ความสามารถรอบด้าน หากความรู้ไม่มากนัก เขาก็จะมีทักษะบางอย่างติดตัว ความหมายก็คือไม่ว่าอย่างไร เขาก็หาทางเอาตัวรอดได้ เป็นคนจำพวกลุล่วงสำเร็จอย่างสบายๆ อีกอย่างตกฟากยามเซินมีธาตุน้ำซ่อนอยู่ อีกทั้งธาตุน้ำอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ชีวิตจึงเจริญก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ ดุจทองคำบริสุทธิ์และสายน้ำที่ทอดยาวไหลรินอย่างต่อเนื่อง ดวงชะตาช่างดีนัก”
แม้ว่าจะฟังศัพท์แปลกๆ เฉพาะทางโหราศาสตร์เหล่านี้ไม่เข้าใจ แต่จั่วจงเหนียนกลับได้ข้อสรุปว่าทั้งดีและร่ำรวยนั่นเอง
ใบหน้าของจั่วจงเหนียนฉีกยิ้มแป้น แม้แต่ใต้เท้าจั่วยังยกชาขึ้นมาจิบหนึ่งอึก เพื่อซุกซ่อนรอยยิ้มตรงมุมปาก
ผู้เฒ่าอวี๋สังเกตเห็นจึงยิ้มเยาะเสียงเบา ดีใจก็ดีใจสิ จะแสร้งตีขรึมทำไมกัน
“เขาเคยเจอเคราะห์ร้ายในวัยเด็ก ทว่ารอดพ้นมาได้ ตอนอายุยี่สิบสองจะเผชิญกับเคราะห์ถึงแก่ชีวิต แต่หากผ่านไปได้ก็จะมีชีวิตที่ราบรื่นตราบชั่วชีวิต” ฉินหลิวซีทำนายดวงชะตา พลันน้ำเสียงก็ชะงัก
“ใช่ๆ เขาเพิ่งอายุครบยี่สิบสองเมื่อปีก่อนนี้เอง แล้วอย่างไรหรือ ทำไมหรือ”
ฉินหลิวซีเอ่ย “เขาหมั้นหมายแล้วกระมัง”
“อืม”
“เรื่องแต่งงานจะมีอุปสรรคเล็กน้อย คู่หมั้นในยามนี้ไม่ใช่คู่ครองที่ดี จะยังไม่สำเร็จ”
เพล้ง
ใต้เท้าจั่วทำแก้วชาหล่นลงมาจนน้ำหกกระเซ็นทั่วทั้งโต๊ะ บ่าวกุลีกุจอรีบเข้ามาเช็ดทำความสะอาดก่อนจะชงชาแก้วใหม่ให้
“เหลวไหล ตระกูลจังเป็นตระกูลนักปราชญ์ที่มีเกียรติ คู่หมั้นของจวิ้นเอ๋อร์เองก็เป็นหญิงสาวที่ขึ้นชื่อในเรื่องความสุภาพเรียบร้อย เหตุใดถึงไม่ใช่คู่ครองที่ดีเล่า” ใต้เท้าจั่วโมโหยกใหญ่ นี่เป็นคู่ครองที่เขาเลือกให้บุตรชายด้วยตัวเอง
ฉินหลิวซีตอบกลับเสียงเรียบ “ตอนนี้ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องสุภาพเรียบร้อย ท่านลืมไปแล้วหรือว่าพวกท่านจัดพิธีศพให้คุณชายรองแล้ว ซึ่งก็หมายความว่าเขาตายแล้ว เหตุที่ตระกูลจังยังไม่ถอนหมั้นอาจเพราะเกรงใจหรือเพื่อรักษาชื่อเสียง แต่สุดท้ายก็ต้องยกเลิก ท่านคงไม่ได้คิดจะให้นางเป็นม่ายตั้งแต่ก่อนแต่งงานกระมัง”
ใต้เท้าจั่วโมโหจนหน้าเขียว จวิ้นเอ๋อร์ยังไม่ตายสักหน่อย
ฉินหลิวซีเอ่ยขึ้นต่อ “ในเมื่อจัดพิธีศพแล้ว ขอแค่ตระกูลจังรักบุตรสาวจริงๆ การหมั้นหมายครั้งนี้ย่อมเป็นโมฆะ เรื่องถอนหมั้นคงเกิดขึ้นในไม่ช้าก็เร็ว”
“แต่เจ้าบอกว่าจวิ้นเอ๋อร์ยังมีชีวิตอยู่มิใช่หรือ”
“ใช่ แต่แล้วอย่างไร ท่านรอได้ แต่ใช่ว่าพวกเขาจะรอได้!” ฉินหลิวซีชี้ไปที่ดวงชะตา “เรื่องการแต่งงานต้องมีอันยกเลิก ซึ่งข้าทำนายตามดวงการแต่งงาน”
ใต้เท้าจั่วจะยอมเชื่อเสียที่ไหน
เพียงแต่เขายังไม่ทันพูดอะไรก็มีผู้ดูแลบ้านคนหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอกพร้อมรายงานว่าคนจากตระกูลจังมาหา แถมคนที่มาหาคือใต้เท้าจัง ซึ่งก็คือครอบครัวที่จะเกี่ยวดองกับเขาในวันข้างหน้า
ใต้เท้าจั่วใจกระตุกวาบก่อนมองไปทางฉินหลิวซี พร้อมผุดลางสังหรณ์ใจที่ไม่ดีขึ้น
แต่ฉินหลิวซียังคงนิ่งสุขุม “หากมาเพื่อถอนหมั้น ท่านก็ควรยอมรับ นางผู้นี้อาจไม่ใช่คู่ครองที่ดีสำหรับคุณชายรอง”
ใต้เท้าจั่วเม้มริมฝีปาก เอ่ยกับผู้ดูแลว่า “เชิญใต้เท้าจังไปที่ห้องหนังสือ”
เขาสะบัดแขนเสื้อด้วยความโกรธก่อนเดินจากไป
จั่วจงเหนียนหวั่นใจอยู่บ้าง เอ่ยขึ้นว่า “ตระกูลจังมาเพื่อถอนหมั้นจริงๆ หรือ”
“หากมาถอนหมั้นก็ไม่ใช่เรื่องปกติหรือ ถึงอย่างไรพวกท่านก็จัดงานศพแล้ว คงไม่ได้ให้นางแต่งแค่ในนามกระมัง อีกอย่างพวกเขาก็ไม่ได้ซื่อสัตย์ขนาดนั้น” ฉินหลิวซีกล่าว
จั่วจงเหนียน “!”
แม้จั่วจงเหนียนจะเห็นด้วย แต่ก็รู้สึกเหมือนคำพูดนี้แฝงนัยยะบางอย่าง
เวลานี้ผู้เฒ่าอวี๋กล่าวขึ้นว่า “ไม่ว่าอย่างไรแค่มีชีวิตรอดก็พอแล้ว ตอนนี้จวิ้นเอ๋อร์อยู่ที่ไหนพอจะทำนายได้หรือไม่”
ฉินหลิวซีไม่สนใจเรื่องอื่นก่อนจะทำนายดวงชะตาต่อ หลังจากผ่านไปหนึ่งเค่อ นางถึงเอ่ย “อยู่ทางใต้”
“ทางใต้หรือ” จั่วจงเหนียนผงะไป “เหตุใดไปอยู่ทางใต้ได้ ในเมื่อเขาฉานเฉิงหลีอยู่ทางเหนือ จากจุดที่เขาตกลงไป เหตุใดที่ลากยาวไปถึงทางตอนใต้ได้”
“มีความเป็นไปได้สองอย่าง อย่างแรกก็คือใต้ร่องธารน้ำแข็งมีกระแสใต้น้ำ แม่น้ำเหล่านั้นเชื่อมต่อกันและแตกแขนง หากถูกน้ำพัดพาไปก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”
ผู้เฒ่าอวี๋ขมวดคิ้วเอ่ย “แต่ถึงอย่างไรก็ไกลเกินไป อากาศปีก่อนหนาวขนาดนั้นแต่ยังรอดมาได้ เขาช่างดวงแข็งนัก”
“ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งก็คืออาจถูกสิ่งของหรือพลังเหนือธรรมชาติบางอย่างพัดพาเขาไป”
จั่วจงเหนียนหนังตากระตุกเอ่ย “ท่านหมายถึงพวกผีสางพาเขาไปอย่างนั้นหรือ”
“ก็เป็นไปได้”
จั่วจงเหนียนคว้าแก้วชาที่เย็นชืดข้างมือมาถือ เขาต้องการข่มอารมณ์ความตกใจไว้
“ทางใต้พื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล จะหาตัวเจอหรือ” ผู้เฒ่าอวี๋กลัดกลุ้มเล็กน้อย
ฉินหลิวซีเอ่ย “เราเรียกวิญญาณของเขากลับมาถามได้”
“ห๊ะ” สองดวงตาของจั่วจงเหนียนตกตะลึงค้าง แล้วเอ่ย “มีอย่างนี้ด้วยหรือ”
“ศาสตร์เสวียนเหมินมีเรื่องน่าประหลาดมากมาย แค่เรียกดวงวิญญาณมาเอง ไม่ใช่เรื่องยากอะไร”
“ท่านเจ้าอาวาสน้อยรีบใช้ศาสตร์เถิด”
ฉินหลิวซีเอ่ยต่อ “แต่ท่านพ่อของท่านต้องให้ความร่วมมือ สายเลือดพ่อลูกย่อมแน่นแฟ้น ใช้เลือดของเขามาช่วยเชื่อมเป็นสื่อเรียกวิญญาณง่ายกว่า”
“ใช้ของข้าไม่ได้หรือ ข้ากับน้องรองเป็นพี่น้องร่วมสายเลือด มีบิดามารดาคนเดียวกัน” ครั้นจั่วจงเหนียนนึกถึงใบหน้าอันถมึงทึงของบิดาก็รู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาทันที
“ใช้ของท่านพ่อท่านเหมาะสมกว่า!” หลักๆ นางแค่อยากจะสั่งสอนคนหัวรั้นผู้นี้สักหน่อย
ใต้เท้าจั่วที่ถูกเกริ่นถึงเพิ่งส่งตระกูลที่ต้องเกี่ยวดองในวันข้างหน้ากลับไปพร้อมสีหน้าบึ้งตึง พอเดินกลับมาถึงหน้าประตูก็จามขึ้นที ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ
“ท่านพ่อ ท่านอาจังกลับแล้วหรือ” จั่วจงเหนียนเดินรุดหน้าเข้าไปถาม “เขามาด้วยเรื่องใดหรือ”
เมื่อใต้เท้าจั่วได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าที่ขึงขังในเดิมทีก็ขรึมลง ก่อนมองไปทางฉินหลิวซีด้วยสายตาที่ซับซ้อน เอ่ยเสียงทุ้มว่า “ตระกูลจังมาขอถอนหมั้น”
จั่วจงเหนียน “…”
ลางร้ายเป็นจริงแล้ว
ทว่าฉินหลิวซีกลับมองเห็นแสงหม่นจางๆ รอบตัวของใต้เท้าจั่วจึงหรี่ตาลงพลางเอ่ยถาม “เมื่อครู่ท่านเห็นวิญญาณหรือ”
[1] เกิงเซิง (ลิงทอง) อยู่หนึ่งในแผนภูมิสวรรค์ที่ถือว่ามีความหมายที่ดีตามโหราศาสตร์