คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 896 เรียกวิญญาณ แย่งคน!
ตอนที่ 896 เรียกวิญญาณ แย่งคน!
ครั้นได้ยินคำถามของฉินหลิวซี ร่างของใต้เท้าจั่วพลันแข็งทื่อ ใบหน้าเจือสีเขียว
“เจอวิญญาณอย่างนั้นหรือ คือสิ่งใดกัน จ้าวหมัวหมัวไปแล้วมิใช่หรือ” จั่วจงเหนียนตกตะลึงอยู่บ้าง
ฉินหลิวซีเอ่ย “ร่างของเขามีไอทะมึนรุมเร้าวนเวียน เขาไม่เพียงแค่เห็น แต่อีกฝ่ายยังใกล้ชิดร่างของเขามากด้วย มิเช่นนั้นคงไม่นำพาไอทะมึนเช่นนี้กลับมา
จั่วจงเหนียนสูดปากเสียววาบแล้วเอ่ย ”ท่านพ่อ ท่านเจอผีเข้าจริงๆ หรือ“
“หุบปาก!” ใต้เท้าจั่วเม้มริมฝีปากก่อนเอ่ยกับฉินหลิวซีว่า “เจ้าเสกมนต์ร้ายใดใส่ข้า ข้าต้องเห็นสิ่งเหล่านี้ไปชั่วชีวิตเลยหรือ” ฉินหลิวซีโต้กลับเสียงเรียบ “มนต์ร้ายใดกัน นี่เป็นเพียงศาสตร์เปิดตายมโลก มีเวลาจำกัด หลังจากวันนี้ไปก็มองไม่เห็นแล้ว“ ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเย็นชา ”หากให้ท่านมองเห็นไปชั่วชีวิต ก็ใช่ว่าท่านจะทนรับได้ หากเป็นการตายทั่วไปยังพอว่า แต่หากไม่ใช่ ด้วยสภาพดูไม่ได้ของวิญญาณดวงต่างๆ อาจทำให้ท่านตกใจจนตายได้
ครั้นใต้เท้าจั่วนึกขึ้นได้ว่ายามเจอจังซานจากตระกูลที่ต้องเกี่ยวดองในวันข้างหน้า เขาก็สะดุดตากับวิญญาณสาวที่ถูกรัดคอเกาะอยู่บนหลังของจังซาน ดวงหน้าของวิญญาณซีดเขียวและมีลิ้นยาวห้อยตกลงมา น่าหวาดกลัวจนชวนให้เขาเกือบเป็นลมล้มพับไป
ยามที่ดวงวิญญาณสาวเห็นว่าเขามองเห็นนาง พลันก็ตื่นเต้นก่อนลอยมาหา จากนั้นก็เล่าเรื่องราวทุกอย่างให้เขาฟัง แท้จริงแล้วนางก็คือสาวรับใช้ข้างกายของคุณหนูจัง
ตอนที่จังซานมาถอนหมั้น เขาอ้างว่าฮูหยินผู้เฒ่ามารดาของเขารักคุณหนูจังมาก เวลานี้ป่วยหนักและหวังจะเห็นคุณหนูจังเป็นฝั่งเป็นฝาก่อนล่วงลับ เขาถึงกล้ามาขอถอนหมั้นด้วยอย่างหน้าด้านๆ แต่วิญญาณสาวโกรธมาก เธอจึงเล่าความจริงให้เขาฟัง
ที่แท้คุณหนูตระกูลจังก็ไปมาหาสู่กับบุตรชายคนรองของจวนฉังผิงปั๋ว นอกจากจะไม่พูดอย่างตรงไปตรงมาแล้ว นางยังตั้งครรภ์แล้วด้วย จังซานโมโหไม่น้อย เขาแค่กักขังบริเวณคุณหนูจัง แต่กลับสังหารสาวรับใช้ติดตามอย่างนาง เพียงเพราะนางสอดส่องดูแลคุณหนูจังไม่ดีพอ
สาวรับใช้รู้สึกได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างถึงที่สุด ทั้งๆ ที่เป็นเพราะคุณหนูจังห้ามใจต่อเสน่ห์ของคุณชายรองจวนฉังผิงปั๋วไม่ไหว นางเองก็เคยเตือน แต่เจ้านายไม่ฟัง เช่นนั้นบ่าวอย่างนางจะทำอย่างไรได้
แต่จังซานยังสั่งให้คนไปฆ่านาง หลังจากตายแล้วนางจึงมีความแค้นพยาบาทตามติดจังซาน เหตุนี้นางจึงบอกความจริงกับใต้เท้าจั่ว
ยามนั้นใต้เท้าจั่วโกรธมากถึงขั้นฉีกหน้าเปิดโปงจังซาน โมโหกระทั่งจะเขียนฎีการ้องทุกข์ว่าอีกฝ่ายกับจวนฉังผิงปั๋วตระกูลนักปกครองประพฤติตัวไม่เหมาะสม
ยามนั้นใต้เท้าจังเองก็ยังรู้สึกงุนงงอยู่บ้างว่าเหตุใดใต้เท้าจั่วถึงรู้ความลับนี้ ทั้งๆ ที่ปิดปากเงียบสนิท แต่เขารู้นิสัยของใต้เท้าจั่วดี กลัวว่าใต้เท้าจั่วจะเขียนฎีกาส่งเรื่องไปถึงราชสำนัก เขาจึงคุกเข่าวิงวอนร้องขอ บวกกับหากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปจะทำให้ชื่อเสียงของจั่วจงจวิ้นดูไม่ดีนัก รวมถึงกระทบถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูล ส่วนเขาเองก็เห็นคุณหนูจังเติบโตมาตั้งแต่เล็กจึงยอมปล่อยไป
ใต้เท้าจั่วโมโหจนเจ็บลามไปถึงตับไต ตัดพ้อว่าตระกูลจังไร้สัจจะ ด่าทอว่าคุณหนูจังไม่ประพฤติตามหลักที่สตรีพึงปฏิบัติ เพิกเฉยต่อการอบรมสั่งสอนของตระกูล สมควรส่งไปอยู่วัด แต่สุดท้ายเขาก็ยอมรับการถอนหมั้นครั้งนี้ รวมถึงตระกูลจังเป็นฝ่ายขอถอนหมั้นเอง ฉะนั้นตระกูลจั่วจึงไม่ต้องแบกรับชื่อเสียงอันเสื่อมเสียนี้
รอกระทั่งได้รับใบเกิงเทีย[1]แล้ว ขณะที่ใต้เท้าจังกำลังจะกลับ ใต้เท้าจั่วก็โพล่งเสียงเบาขึ้นว่าบุตรชายของเขายังไม่ตายและกำลังส่งคนไปตามหา จึงทำให้ใต้เท้าจังตกใจจนสะดุดขาขณะเดินลงบันไดจนข้อเท้าพลิก อย่าให้พูดเชียวว่าสะใจมากเพียงใด
“ท่านพ่อ ท่านเจอผีจริงๆ หรือ” จั่วจงเหนียนมองบิดาที่ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ กระทั่งดันแขนเขาอย่างอดไม่ได้
พอใต้เท้าจั่วได้สติก็ตอบว่า “ตระกูลจังมาขอถอนหมั้น แต่มี…วิญญาณสาวเกาะอยู่บนหลังเขา”
ซู้ดๆ
จั่วจงเหนียนสูดปากอย่างต่อเนื่อง โหดขนาดนั้นเชียว
“เช่นนั้น ท่านอาเขาทำเรื่องใดมาหรือ”
ผู้เฒ่าอวี๋แค่นเสียงเอ่ย “ต้องทำร้ายวิญญาณตนนั้นแน่ๆ ยังจะบอกว่าตระกูลจังเป็นตระกูลนักปราชญ์ที่มีเกียรติและการศึกษาอีก เจ้าเองก็มองพลาดได้ด้วยหรือ”
สีหน้าของใต้เท้าจั่วดูไม่ดีนัก ทว่าไม่ได้เล่าเรื่องอับอายของคุณหนูจังให้ฟัง เอ่ยเพียงว่า “ถอนก็ถอนไป ตระกูลจั่วของเราก็ไม่ได้ขาดแคลนลูกสะใภ้เสียเมื่อไร”
โชคดีที่มาถอนหมั้น มิเช่นนั้นเขาคงงอกบนศีรษะของบุตรชายเขาแน่
ฉินหลิวซีสัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่างปิดบังซ่อนอยู่ แต่ในเมื่อคนหัวรั้นไม่ยอมพูด นางเองก็ไม่ควรคาดคั้น เอ่ยเพียงว่า “มีผีไล่ตามเขาเช่นนี้ เกรงว่าจังซานคงต้องล้มป่วยและโชคร้ายแน่ๆ”
หากฆ่าคนด้วยตัวเอง เช่นนั้นก็ยิ่งเดือดร้อน ไม่แน่อาจถูกแก้แค้นคืนก็เป็นได้
ใต้เท้าจั่วเม้มริมฝีปากโดยไม่พูดอะไร เอาเถอะ เขาไม่ทำอะไรตระกูลจังหรอก แต่พวกเขาก็ดูแลตัวเองดีๆ แล้วกัน
“เรื่องนี้ไม่ต้องพูดถึงแล้ว เหตุใดผู้ชายดีๆ ต้องกังวลจะไม่มีภรรยาด้วยเล่า ยามนี้ตามหาตัวน้องชายของเจ้าให้เจอก่อนดีกว่า” ประโยคนี้เขากล่าวกับจั่วจงเหนียน แต่สายตากลับมองมาไปทางฉินหลิวซี
เรื่องมาถึงขั้นนี้ คำพูดของฉินหลิวซีล้วนตรงกับความเป็นจริงทุกอย่าง เขาเห็นวิญญาณเองกับตา เขาจึงไม่มีหน้าด่าทอว่างมงายผีสางเทวดาใดอีก
ทันใดนั้นจั่วจงเหนียนก็บอกว่าฉินหลิวซีทำนายหาที่อยู่ของจั่วจงจวิ้นได้แล้ว และกำลังเตรียมใช้ศาสตร์เรียกวิญญาณ
ใต้เท้าจั่วสะกดอารมณ์ตื่นเต้นไว้ มองฉินหลิวซีแล้วเอ่ย “ข้าต้องทำสิ่งใดหรือ”
“เลือดที่นิ้ว” ฉินหลิวซียังให้คนไปเตรียมของอีกหลายอย่าง นางวาดยันต์และกรีดปลายนิ้วของใต้เท้าจั่ว ใช้เลือดของเขาเขียนวันเดือนปีเกิดของจั่วจงจวิ้นลงบนกระดาษรูปคน ต่อมาก็ผูกด้ายแดงไว้บนข้อมือของกระดาษรูปคนก่อนจะเริ่มทำพิธีจุดธูปเผายันต์ นางหยิบกระดาษรูปคน วาดเท้าเดินไปตามศาสตร์เต๋าพลางท่องคาถาเรียกวิญญาณ
ทุกคนล้วนยืนดูอยู่ด้านข้าง พลางเห็นนางแตะประสานนิ้วมือทำพิธี วาดบางอย่างลงบนกระดาษรูปคน จากนั้นก็โยนขึ้นกลางอากาศ กระดาษรูปคนหมุนอยู่กลางอากาศแล้วตกลงบนฝ่ามือของใต้เท้าจั่ว ด้ายแดงบนข้อมือพันรอบกระดาษรูปคนกลายเป็นด้ายแห่งกรรม
“ในฐานะที่ท่านเป็นบิดา เรียกชื่อเขาเถิด”
ใต้เท้าจั่วกลืนน้ำลาย พิธีเช่นนี้กลับแปลกตาสำหรับเขานัก ชั่วครู่นั้นราวกับลำคอถูกมือที่มองไม่เห็นบีบไว้ กระทั่งเปล่งเสียงไม่ออกแม้แต่คำเดียว
“เรียกสิ เรียกวิญญาณไม่เป็นเลยหรือ” ฉินหลิวซีหน้านิ่ว
“จั่วจงจวิ้น” ใต้เท้าจั่วกลืนน้ำลายลงคอ เสียงแผ่วเบาดั่งมดร้อง หลังจากเสียงเรียกนี้ดังขึ้นก็มีเสียงสะอื้นเจือในลำคอ
นับตั้งแต่เกิดเรื่องกับบุตรชาย เขาก็เคยฝันว่าตะโกนเรียกชื่อของบุตรชายเช่นกัน ทว่าไม่เคยได้รับเสียงตอบกลับมาก่อน หลังตื่นจากฝันเขาก็ข่มตาหลับไม่ลงอีก ตาสว่างยันรุ่งสาง
ยามนั้นถึงสัมผัสความเศร้าได้อย่างแท้จริง บุตรชายของเขาจากไปแล้ว
“จั่วจงจวิ้น วิญญาณกลับมาเถิด!”
ผู้เฒ่าอวี้มองศัตรูหัวใจที่แก่งแย่งกันมาครึ่งชีวิตข้างกายที่มีน้ำตานองหน้า ครั้นเห็นเช่นนั้นก็แสบจมูกอย่างอดไม่ได้ ก่อนน้ำตาจะเอ่อล้นขอบตา
บุตรล้วนดุจดั่งหนี้สิน!
ทันใดนั้นก็มีลมพัดหมุนวนกลางอากาศจนทำเอาทุกคนลืมตาไม่ขึ้น
“มาแล้ว” ฉินหลิวซีเอ่ยขึ้น
ทุกคนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง พลางมองไปกลางอากาศ ร่างเงาหนึ่งที่เลือนรางก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ หล่อเหลาสง่างาม บุรุษหนุ่มสวมชุดคลุมยาวสีฟ้า มองทุกอย่างตรงหน้าด้วยความงุนงง
จั่วจงเหนียนจำเขาได้จึงพุ่งเข้าไปหา “น้องรอง”
จั่วจงจวิ้นค่อยๆ ได้สติ พลันก็เผยสีหน้าดีใจ “พี่ใหญ่ ท่านพ่อ!”
ใต้เท้าจั่วเซจนเกือบหงายหลัง ดีที่ผู้เฒ่าอวี๋ช่วยพยุงไว้ แม้กระนั้นน้ำตาก็ไหลรินจากหางตา
“น้องรอง ตอนนี้เจ้าอยู่ที่ไหนหรือ”
“พี่ใหญ่ รีบช่วยข้าที ข้าถูกกักขัง…” จั่วจงจวิ้นเอ่ยประโยคนี้จบก็เหมือนวิญญาณถูกกระชาก เซถอยไปด้านหลัง กระทั่งอดตื่นตระหนกไม่ได้
ฉินหลิวซีจับจ้องด้วยดวงตาคมกริบ “รนหาที่ตาย บังอาจแย่งคนกับข้าหรือ!”
[1]ใบเกิงเทีย เป็นใบที่บันทึกชื่อ วันเดือนปีเกิด บรรพบุรุษของคู่บ่าวสาวในอดีต