คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 898 เจ้ายังมีหายนะอยู่
ตอนที่ 898 เจ้ายังมีหายนะอยู่
เป็นวิญญาณที่สิงอยู่ในวัตถุจริงๆ ด้วย
มิน่าถึงไม่มีพลังงานชั่วร้ายแบบภูติผีปีศาจเหล่านั้น เพราะมันเป็นวิญญาณของปิ่นปักผม แต่ไม่ใช่มีดดาบที่มีพลังทำลายล้างมหาศาล เพราะวิญญาณจากวัตถุเช่นนั้นจะมีพลังชั่วร้ายรุนแรง โดยเฉพาะดาบที่เคยแปดเปื้อนเลือด ยิ่งทำร้ายคนได้อย่างง่ายดาย
ขณะที่ฉินหลิวซีคิดจะให้พวกจั่วจงเหนียนไปเอาปิ่นปักผมของจั่วจงจวิ้นมา ทันใดนั้นนางก็รู้สึกไม่ชอบมาพากล การทำนายมีจุดแปลกๆ
“ทั้งๆ ที่ข้าทำนายว่าเจ้าอยู่ทางทิศใต้ ปิ่นปักผมของเจ้า…”
“ฮือๆ” จั่วจงเหนียนใบหน้าซีดขาว เอ่ย “ปิ่นปักผม ถูกฝังลงสุสานไปแล้ว”
ใต้เท้าจั่วเองก็หน้าซีด
พวกเขาคิดว่าจั่วจงจวิ้นตายแล้วจึงจัดงานศพ ต่อให้เป็นเพียงของใช้ติดตัว แต่ล้วนถูกเอาไปฝังร่วมกับหลุมสุสานของบรรพบุรุษ อีกทั้งในบรรดาข้าวของเหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งของที่โปรดปรานของจั่วจงจวิ้นทั้งสิ้น รวมถึงปิ่นปักผมที่ตกอยู่ระหว่างร่องของธารน้ำแข็งในระหว่างที่เขาหายตัวไปก็ถูกนำไปฝังลงหลุมพร้อมกันด้วย
“ท่านพ่อ! ยังหาศพของข้าไม่เจอด้วยซ้ำ เหตุใดถึงคิดว่าข้าตายแล้วเล่า!” ไม่ใช่แค่ตายแต่ลงหลุมแล้วด้วย
จั่วจงจวิ้นปวดหัวใจไม่น้อย นอกจากเขาจะตายไปหนหนึ่งแล้ว เรื่องแต่งงานก็จบเห่แล้วเช่นกัน อีกทั้งเป็นเพราะถูกสวมเขานอกใจอีกด้วยหรือ
มีใครน่าสังเวชกว่าเขาอีกหรือไม่!
ผู้เฒ่าเอ่ยอย่างหมดคำพูด “รีบไปขุดหลุมสุสานของบรรพบุรุษแล้วเปิดฝาโลงควานหาที่บ้านเกิดเลยดีกว่า”
เวลานี้ฉินหลิวซีมองไปทางจั่วจงจวิ้น ก่อนจะชะงักไป แล้วรีบใช้นิ้วคำนวณอย่างรวดเร็ว มุ่นคิ้วเอ่ย “เจ้ายังมีภัยครั้งใหญ่อีก”
“อะไรนะ”
ทุกคนต่างนิ่งงันแล้วมองไปทางฉินหลิวซีโดยไม่รู้ตัว
หาตัวเขากลับมาได้แล้วมิใช่หรือ เหตุใดยังต้องประสบภัยครั้งใหญ่อีก
“ภัยจากการถูกไฟไหม้”
ใต้เท้าจั่วถึงกับยืนไม่ไหวร่างทรุดลงกับพื้น
ดวงตาสองข้างของจั่วจงจวิ้นตกตะลึง ที่แท้ไม่มีแย่ที่สุด มีเพียงแย่กว่าอย่างนั้นหรือ
ฉินหลิวซียังไม่ทันพูดอะไรต่อ ฉับพลันวิญญาณในหยกตนนั้นก็ใบหน้าบิดเบี้ยว “ไม่ไหวแล้ว ช่องมิติในความคิดของฉันกำลังจะพังทลาย เจ้ารีบมา…”
อะไรนะ
ฉินหลิวซีร่ายคาถาตามจิตใต้สำนึก หลังจากมีแสงสว่างจ้าปรากฏขึ้นมา ร่างทั้งสองที่ปรากฏกายต่อหน้าทุกคนจู่ๆ ก็หายวับไป
“จวิ้นเอ๋อร์!” ใต้เท้าจั่วคลานเข้ามา ใช้มือคว้าร่างไว้ ทว่าคว้าได้เพียงอากาศ
ฉินหลิวซีเม้มริมฝีปากแล้วถามจั่วจงเหนียน “หลุมสุสานของบ้านเกิดอยู่ที่ใดหรือ”
“อยู่ที่เมืองเซียง”
เมืองเซียงอยู่ทางทิศใต้ มิน่าถึงตรวจดูดวงชะตาได้เช่นนั้น ซึ่งก็หมายความว่าจั่วจงจวิ้นจะปรากฏกายที่หลุมสุสานของบรรพบุรุษ กระทั่งอยู่ในโลงศพ!
“แย่แล้ว หากมิติความคิดของวิญญาณหยกพังทลาย วิญญาณของเขาก็จะกลับไปที่ปิ่นปักผม ซึ่งก็หมายความว่าจุดที่จั่วจงจวิ้นจะปรากฏตัวก็คือโลงศพ” ฉินหลิวซีเอ่ยพร้อมอาการปวดศีรษะ “เราต้องรีบไปที่นั่นเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นเขาอาจจะขาดหายใจตายอยู่ในโลงศพได้”
แต่เรื่องไฟไหม้มันคืออะไรกันแน่
จั่วจงเหนียนเอ่ยด้วยใบหน้าซีดขาว “เดินทางไปเมืองเซียง ขนาดควบเร่งม้าเร็วไปโดยไม่หลับไม่นอนยังต้องใช้เวลาตั้งเจ็ดวัน พวกเราจะไปทันได้อย่างไร”
“ไปทัน เพียงแต่ขั้นตอนอาจจะลำบากอยู่บ้าง” ฉินหลิวซีเอ่ยแฝงนัยยะอย่างไม่ใส่ใจประโยคหนึ่ง
หา?
แต่ไม่นาน พวกเขาก็เข้าใจแล้ว
ระหว่างเส้นทางหยินที่เต็มไปด้วยเงาผีมากมาย ผู้เฒ่าอวี๋พยายามข่มใจที่สั่นสะท้านก่อนกระแทกร่างของใต้เท้าจั่วที “ท่านขงจื๊อไม่พูดถึงเรื่องเหนือธรรมชาติบ้างหรือ”
ใต้เท้าจั่วแทบเดินไม่ไหว “ไสหัวไปเลย!”
จั่วจงเหนียนร่างสะท้านอย่างข่มไม่อยู่ ชาติก่อนข้าไปสร้างเวรกรรมใดมาถึงต้องมาเจอเรื่องเช่นนี้!
ท้องฟ้าเพิ่งมืดมิด
ณ สุสานตระกูลจั่ว
มีโจรปล้นสุสานสองคนแอบเข้ามาในหลุมฝังศพแห่งใหม่ พร้อมถือจอบเหล็กมาในมือ จากนั้นพวกเขาก็จุดธูปเทียนอย่างลวกๆ แล้วไหว้สามครั้ง
“พวกเราเป็นเพียงคนจนที่มีภาระต้องเลี้ยงดูคนแก่และเด็กน้อย หมดทางเลือกเลยต้องมาขอยืมเงินจากท่านเล็กน้อย ขอแค่ได้ของมาแล้วจะรีบช่วยกลบหลุมดินกลับไปใหม่แน่นอน พร้อมตั้งป้ายขอให้อายุยืนใหม่ให้ด้วย โปรดท่านใจกว้างอย่าถือโทษโกรธพวกข้าเลย คือ…ถ้าท่านไม่ส่งเสียงใด พวกข้าจะถือว่าท่านตอบตกลงแล้วนะ”
นกเย่อิง[1]ตัวหนึ่งบินลงมาเกาะที่กิ่งไม้ มองดูการกระทำของพวกเขาทั้งสองจากมุมสูง ร้องเสียงแหลมจนทำเอาพวกเขาทั้งสองตัวสั่นเทา
“เหล่าซาน ช่างมันดีกว่ามั้ง” โจรรูปร่างอ้วนท้วมอีกคนมองโจรร่างผอมแห้ง ก่อนจะเปิดปากเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่า
คนที่ถูกเรียกว่าเหล่าซานตอบว่า “มาแล้วจะกลับมือเปล่าได้อย่างไร ข้าสืบถามมาแล้ว แม้จะเป็นเพียงเสื้อผ้าของใช้ศพ แต่เพราะเป็นคุณชายคนโปรด ของใช้ที่ฝังลงหลุมมาด้วยคงมีไม่น้อย ลำพังแค่เอามาชิ้นเดียวก็พอทำให้เราสุขสบายได้แล้ว เจ้าอยากได้บ่าวที่ไถ่ตัวกลับมามาเป็นภรรยาเจ้ามิใช่หรือ”
โจรอ้วนหัวเราะหึๆ พร้อมเกาศีรษะ “เช่นนั้นก็ขุด”
นกเย่อิงที่เกาะอยู่บนต้นไม้กลอกตาใส่ ไหนว่ามีภาระลูกเล็กคนแก่ที่ต้องดูแล ปากผู้ชายนี่จริงๆ จอมลวงโลก ถุย!
ทั้งสองลงมือขุดอย่างเหน็ดเหนื่อย
ทันใดนั้น โจรอ้วนก็รั้งมือของเหล่าซานไว้พลางเอ่ย “เจ้าได้ยินเสียงอะไรหรือไม่”
“ไม่นี่ เจ้าอย่าสงสัยให้มากดีกว่า ถ้ายังมัวโอ้เอ้คงฟ้าสว่างพอดี ต่อให้เราขุดเจอของดีก็หนีไม่ทันแล้ว” เหล่าซานโมโหสุดขีด สหายหมูนี่ก็จริงๆ ค่ำคืนเดือนมืดลมแรงที่ต้องขุดสุสาน แต่กลับชักช้าไม่ยอมทำงาน อืดอาดยืดยาดกลัวคนอื่นไม่รู้ว่าพวกเรากำลังขโมยของจากสุสานหรืออย่างไร
ครืดๆ
โจรอ้วนตัวสั่น “แต่ข้าได้ยินเสียงจริงๆ นะ เหมือนแมวครูดแผ่นไม้เลย”
ทำเอาเขาขนลุกซู่เลยทีเดียว!
“ไม่มีนี่ ถ้ามีก็คงเป็นแค่แมวป่า” เหล่าซานหงุดหงิดใจไม่น้อยพลางขุดต่อ
โจรอ้วนจึงขุดต่อไปด้วยท่าทีกล้าๆ กลัว ขุดลึกขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งจอบกระทบบางอย่างส่งเสียงดัง สุดท้ายพวกเขาก็ขุดเจอแล้ว
ฉับพลันพวกเขาทั้งสองก็ดีใจขึ้นมา
จากนั้นก็เกลี่ยดินออกไปรอบนอก ทว่าเวลานี้จู่ๆ เสียงเกาครูดก็ดังขึ้นอีกครั้ง กระทั่งได้ยินอย่างชัดเจน
ครั้งนี้เหล่าซานได้ยินแล้ว ตกใจจนมือสั่น จอบในมือร่วงทับเท้า เจ็บจนส่งเสียงร้องโอดโอย
“มีเสียงครูดแผ่นไม้จริงๆ เหมือนอยู่ตรงนี้เลย” โจรอ้วนพูดขึ้นด้วยความกลัว “หรือว่าจะมีผี”
เหล่าซานเองก็ใจแป้ว แต่ขุดถึงฝาโลงแล้ว ถ้าหนีตอนนี้คงเสียเปรียบแย่
เขากลืนน้ำลายลงคอ เอ่ย “บางทีหนูอาจจะเจาะรูเข้าไปในโลงศพก็ได้ เจ้าฟังสิ ไม่มีเสียงแล้ว”
จั่วจงจวิ้นที่อยู่ในโลงศพอ้าปากร้อง “ช่วยด้วย”
ทว่าเขากลับเปล่งเสียงไม่ออกสักแอะ ใกล้หมดสติเข้าสู่ห้วงมืดมิดเต็มที เขาจบเห่แล้ว
ครั้นเหล่าซานและโจรอ้วนไม่ได้ยินอะไรอีกเลยเริ่มสงบสติอารมณ์ ก่อนจะรีบหยิบเครื่องมือขึ้นมางัดตะปูเปิดฝาโลง พวกเขาทั้งสองเหงื่อท่วมทั้งร่าง ซึ่งเปิดฝาโลงได้ไม่ใช่ง่ายๆ เลย
พอพวกเขาทั้งสองงัดฝาโลงได้ก็ยกเทียนขึ้นมาส่องด้วยความเริงร่า ภาพแรกที่เข้าตาก็คือใบหน้าของร่างซูบผอมที่ขาวราวกับศพ พลันก็อดมือสั่นไม่ได้จนทำเทียนหลุดมือ
“อ๊าก”
เสียงกรีดร้องอย่างหวาดกลัวของพวกเขาทั้งสองดังก้องไปทั่วป่า
ไหนบอกว่าเป็นของใช้คนตายมิใช่หรือ เหตุใดถึงมีศพอยู่ด้วยเล่า
ทั้งคู่ตกใจจนล้มลุกคลุกคลานพยายามหนี ทว่าจู่ๆ ก็ได้กลิ่นเหม็นไหม้จึงรวบรวมความกล้าหันกลับไปมอง จบเห่แล้ว
ไฟไหม้!
ที่แท้เทียนที่ร่วงลงไปบนร่างเมื่อครู่ก็กลายเป็นเพลิงลุกไหม้เสื้อผ้า
“รีบช่วยกันดับไฟเร็วเข้า”
“ช่วยอะไรล่ะ เอาของแล้วหนี!”
คนหนึ่งพยายามดับไฟ ส่วนอีกคนกลับควานหาของในโลงศพ จากนั้นก็โกยปิ่นปักผมและเครื่องทองเงินยัดใส่อ้อมอกอย่างลวกๆ
ทันใดนั้น ‘ร่างศพ’ ก็เบิกตากว้าง
โจรอ้วน “!”
ชั่ววินาทีที่ตกตะลึง เขาก็ร้องเสียงโอดครวญ “ศพฟื้นคืนชีพแล้ว!”
จั่วจงจวิ้นร้องในใจแทบสติหลุด ปากพะงาบๆ ด้วยท่าทีอันไร้เรี่ยวแรง ช่วยดับไฟก่อนได้หรือไม่
เขาไม่อยากกลายเป็นมนุษย์ย่าง!
ช่วงเวลาคับขัน ฉินหลิวซีก็ดึงพวกจั่วจงเหนียนมาปรากฏตรงหน้าสุสาน มองสถานการณ์ตรงหน้าแล้วเลิกคิ้วเอ่ย “ช่างทำนายแม่นยำจริง ๆ บอกแล้วว่าจะเจอภัยเรื่องไฟก็เจอจริงๆ!”
ครั้นสองโจรเห็นพวกเขาปรากฏร่างกลางอากาศ อ๊ากกก มีผี!
ทุกคน “…”
[1]นกเย่อิง นกไนติงเกล