คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 905 ผูกมิตรกับคนมีอำนาจ
ตอนที่ 905 ผูกมิตรกับคนมีอำนาจ
มู่ซีกับบิดาเพิ่งกลับมาจากวัง ขณะผ่านถนนเส้นนี้ด้วยอาการสะลึมสะลือโงนเงนไปตามแรงโยกของรถม้า เขาก็ได้ยินเสียงของฉินหลิวซี พลันเบิกตาโพลงก่อนเลิกผ้าม่านขึ้นดู ยามนั้นรถม้าตนกำลังเคลื่อนผ่านโรงน้ำชาแห่งหนึ่ง ซึ่งนักต้มตุ๋นน้อยกำลังประคองร่างผู้เฒ่าพลางก่นด่าคนอยู่
มู่ซีรีบกระโดดลงจากรถม้า ทำเอาบิดาของเขาตกใจยกใหญ่ก่อนมองออกไปข้างนอก เอ๊ะ นี่มันท่านเจ้าอาวาสน้อยผู้นั้นมิใช่หรือ
เฉิงเอินโหวรีบร้องบอกให้หยุดรถก่อนลงตามไป สุดท้ายประจวบกับได้ยินเสียงคุณชายผู้ดีคนนั้นคุยโวว่าพี่สาวของเขาก็คือลี่ผิน ที่นี้ก็เกิดเรื่อง บุตรชายของเขารีบพุ่งเข้าไปซัดราวกับลูกกระสุน
การพุ่งเข้ามาโดยกะทันหันของมู่ซีทำเอาทุกคนตกอกตกใจ ครั้นเห็นชัดว่าเขาเป็นใคร คนที่รู้จักเขาก็ขาอ่อนยวบคุกเข่าลงกับพื้น
ผู้มีอิทธิพลในเมืองหลวง ใครจะกล้าหาเรื่องด้วย!
ไม่มีใครกล้าขัดขวาง ไม่นานคุณชายรองเลี่ยวก็ถูกซัดจนหน้าเขียวบวมเป่ง ร่างเจ็บระบมราวกับแตกเป็นเสี่ยงๆ เขาใช้ดวงตาบวมเป่งข้างหนึ่งมองไปทางมู่ซี พลางอ้าปากค้าง จากนั้นเลือดก็กระอักพ่นออกมาจากปาก
มารดามันเถิด เขาเป็นบ้าอะไรถึงแวะมาดื่มเพื่อช่วยสร่างเมาที่โรงน้ำชาแห่งนี้!
ฉินหยวนซานนิ่งตะลึงงัน
“ซีเอ๋อร์ พอแล้ว” เฉิงเอินโหวร้องปรามบุตรชาย หากซัดต่อไปคงตายแน่
มู่ซีข่มขู่เสียงดุดัน “ถ้ายังเอาพระสนมอย่างพี่สาวเจ้ามาใช้อวดอ้างรังแกคนอ่อนแออีกละก็ เจอเมื่อไรจะซัดมันทุกที่เลย!” ขณะที่พูด เขาก็เตะคุณชายรองเลี่ยวอีกที “ถ่างตาหมาๆ ของเจ้าดูให้ชัดเต็มตา คนนี้เป็นคนที่ข้าคอยปกป้องอยู่ กล้าหาเรื่องเขาก็เท่ากับหาเรื่องข้าด้วย!”
ถึงแม้จะเป็นพระสนมของฮ่องเต้ แต่ไม่ใช่ฮองเฮาภรรยาหลวง เช่นนั้นก็ถือว่าเป็นอนุ กล่าวเช่นนี้ก็ไม่ผิดอะไร!
ทุกคน เจ้าไม่ได้อาศัยสถานะฮองเฮาของพี่สาวมาทำอะไรตามใจชอบเลยหรือ
แต่กลับไม่มีใครกล้าเอ่ยสักคน ก่อนจะคุกเข่าลงด้วยความหวาดกลัว เพราะนอกจากคนตรงหน้าจะมีอิทธิพลแล้ว ยังมีท่านพ่อตาของฮ่องเต้ยืนอยู่ตรงหน้าด้วย ใครจะกล้าทำตัวกำเริบเสิบสาน!
มู่ซีเดินมาตรงหน้าฉินหลิวซีแล้วเอ่ย “ไยนักต้มตุ๋นน้อยอย่างเจ้าเดินไปเดินมาในเมืองหลวงถึงไม่เอ่ยชื่อของข้าออกไปเล่า ดูเถิด ถูกรังแกลามปามถึงขั้นนี้แล้ว หากไม่ใช่เพราะข้าผ่านมาโดยบังเอิญ ไม่รู้ว่าคนไม่ดูตาม้าตาเรือพวกนี้จะทำให้มือของเจ้าแปดเปื้อนเช่นไรบ้าง”
“เหอะ เจ้ารั้นจะเห็นข้าเป็นคนอื่นคนไกลให้ได้เลยหรือ อ้อ แล้วคุณชายไร้ประโยชน์พวกนี้ล่วงเกินเจ้าอย่างไรหรือ” มู่ซีชี้ไปทางพวกคุณชายรองเลี่ยวพลางเอ่ย “รีบฟ้องมาเลย ข้าพร้อมหนุนหลังเจ้า!”
เฉิงเอินโหวเองก็เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม เอ่ยอย่างเป็นกันเอง “เจ้าอาวาสน้อยมาถึงเมืองหลวง เหตุใดถึงไม่ส่งคนมาบอกข่าวบ้าง ข้าจะได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับเป็นอย่างดี!”
ทุกคน “…”
แผ่นเหล็กนี้ ที่แท้ก็ทำมาจากแผ่นเหล็กอย่างดีนี่เอง!
บนใบหน้าของฉินหยวนซานและบ่าวรับใช้เต็มไปด้วยความตะลึงงัน
นี่ผูกมิตรกับผู้มีอำนาจเลยหรือ
ฉินหลิวซีพยักหน้าให้เฉิงเอินโหว “แค่เดินผ่านมาโดยบังเอิญ ท่านโหวมาได้จังหวะพอดี คุณชายผู้ดีพวกนี้ไร้การศึกษา ตบตีทำร้ายขุนนางในราชสำนักที่อายุคราวรุ่นปู่กลางถนน พึงจัดการเช่นใดดีหรือ”
“ใส่ร้าย พวกข้าเปล่าสักหน่อย!” พวกเขาโพล่งขึ้นด้วยใบหน้าขาวซีด ข้อหานี้พวกเขาไม่กล้ารับไว้หรอก!
“ผลักคนแก่ล้มลงพื้นยังกล้าพูดว่าเปล่าอีก คนแก่อายุมากถูกพวกเจ้าผลักล้มลงพื้น หากร่างกายอ่อนแอคงลุกขึ้นมาไม่ไหวแล้วกระมัง” ฉินหลิวซียิ้มเยาะ “พฤติกรรมเช่นนี้ ไม่ถือว่าเป็นการตบตีทำร้าย เช่นนั้นก็ถือว่าฆ่าแกงกันอย่างนั้นหรือ”
นี่…ยิ่งไม่กล้ารับเข้าไปใหญ่!
เฉิงเอินโหวหรี่ตา “เข่นฆ่าขุนนางในราชสำนักหรือ”
ฉินหยวนซานจัดแจงเสื้อผ้า ก่อนเดินรุดหน้าขึ้นมาประสานมือคำนับ “ข้าน้อยฉินหลิวซานรองเสนาบดีกรมพิธีการ ขอคารวะท่านโหวขอรับ”
เฉิงเอินโหวจำได้แล้ว เขาก็คือฉินหยวนซาน อดีตเสนาบดีสำนักกวงลู่ที่เพิ่งหวนกลับราชสำนักมานั่นเอง
“ใต้เท้าฉิน เกิดเรื่องใดขึ้นหรือ”
ฉินหยวนซานยิ้มขมขื่น “อายุมากแล้ว เคลื่อนไหวไม่ค่อยคล่องตัว เดินช้าไปหน่อยเลยสร้างความไม่พอใจให้ เป็นความผิดของข้าน้อยเองขอรับ”
นี่…เมื่อครู่ตาเฒ่านี่คงดื่มชาเขียว[1]ในโรงน้ำชามามากไปกระมัง ถึงพูดจาฟังแล้วเหมือนแสร้งเป็นผู้บริสุทธิ์อย่างไรอย่างนั้น
“คุณชายรองเลี่ยวเป็นคนลงมือก่อน!” มีคุณชายคนหนึ่งชิงโพล่งขึ้นมา “ข้ายืนอยู่ด้านหลัง ไม่ได้ขยับอะไรเลย”
ฆ่าขุนนางในราชสำนัก ใครโดนข้อหานี้คงตายแน่!
“ใช่แล้ว ข้าก็เปล่า คุณชายรองเลี่ยวรังเกียจ…รังเกียจที่ท่านผู้เฒ่าขวางทางถึงได้ผลักไปที!”
“ใช่แล้วๆ ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าเลย!”
คุณชายรองเลี่ยวที่ถูกทรยศหักหลัง “?”
สารเลว สหายหมาๆ เช่นนี้พึ่งพาอะไรไม่ได้เลยจริงๆ!
พอเจอเรื่องดีๆ ทีก็เรียกว่าคุณชายเลี่ยวอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พอเจอเรื่องซวยกลับโยนขี้ใส่เขา อะไรๆ ก็คุณชายรองเลี่ยว!
เงินค่าเหล้ากับแกล้มในยามปกติคงป้อนใส่ปากหมาไปหมดแล้ว
เฉิงเอินโหวมองผู้ดูแลข้างกายพลางออกคำสั่ง “ส่งไปที่ที่ว่าการจิงจ้าว[2]”
พอทุกคนได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจวาบ รีบวิงวอนร้องขอ “ท่านโหว พวกเราผิดไปแล้ว ใต้เท้าฉิน พวกเราผิดไปแล้วจริงๆ โปรดท่านปล่อยพวกเราด้วยเถิด”
หากไปยังที่ว่าการจิงจ้าวจริงๆ บวกกับเป็นคำสั่งท่านพ่อตาของฮ่องเต้ พวกเขากลัวว่าผ่านไปสามเดือนก็คงไม่ได้ออกมา และถูกครอบครัวซ้อมปางตายแน่นอน!
ฉินหยวนซานคิดไม่ถึงว่าเรื่องจะลุกลามใหญ่โตถึงเพียงนี้ พลันหันไปมองฉินหลิวซีตามสัญชาตญาณพลางเอ่ย “ซีเอ๋อร์…”
“มองข้าทำไม นี่มันเรื่องของท่าน” ฉินหลิวซีเผยสีหน้าเย็นชา
เฉิงเอินโหวกะพริบตาปริบๆ เอ่ยถาม “ใต้เท้าฉินเป็นอะไรกับท่านเจ้าอาวาสน้อยหรือ”
เขารู้เพียงว่าฉินหลิวซีเป็นทายาทของอารามเต๋าแห่งหนึ่ง ครั้นยามนี้เห็นนางปกป้องออกโรงแทนฉินหยวนซานอย่างเห็นได้ชัดจึงรู้สึกประหลาดใจ พวกเขาสองคนมีความสัมพันธ์ใดกัน
ฉินหลิวซีไม่พูดอะไร ฉินหยวนซานมองนางแวบหนึ่งก่อนตอบกลับอย่างใจกล้า “นางเป็นหลานสาวสายตรงของข้าขอรับ!”
ครั้นพูดจบก็แอบเหลือบมองฉินหลิวซีแวบหนึ่ง พอเห็นนางไร้ซึ่งปฏิกิริยาใดจึงลอบผ่อนลมหายใจ พร้อมแอบดีใจลึกๆ
เขากลัวว่าเจ้าเด็กคนนี้จะไม่ยอมรับเขา!
แต่นางกลับไม่ได้คัดค้านอะไร
“หลานสาวหรือ” มู่ซีแหวเสียงดัง ทำเอาฉินหยวนซานและบิดาของเขาที่กำลังยิ้มร่าตกใจสะดุ้งเฮือก
มู่ซีตกใจมากจริงๆ ไม่สิ นักต้มตุ๋นน้อยเป็นบุรุษเหมือนเขามิใช่หรือหรือ นี่นางเป็นสตรีหรอกหรือ
พอเหล่าคุณชายตระกูลผู้ดีที่ถูกกุมตัวไปได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งรู้สึกซวยแล้ว นางไม่ใช่คนแปลกหน้าที่สัญจรผ่านไปมาธรรมดาแล้วเข้ามายุ่มย่ามด้วย แต่ดันเป็นหลานสาวแท้ๆ ของชายผู้เฒ่าผู้นี้
หลานสาวผู้นี้กับท่านพ่อตาของฮ่องเต้มีความสัมพันธ์ที่สนิทสนม ครั้นเห็นว่านางไม่แสดงท่าทีนอบน้อมต่อท่านพ่อตาของฮ่องเต้ผู้นี้สักเท่าไร บวกกับท่าทีโอนอ่อนของพวกเฉิงเอินโหว เกรงว่าคงไม่ธรรมดา!
พวกเขาจบเห่แล้ว!
นอกจากแผ่นเหล็กนี้จะทำจากวัสดุชั้นดีอย่างเหล็กนิล เตะทีก็จบเห่ทำนองนั้นเลย!
มู่ซีกวาดตามองฉินหลิวซีด้วยท่าทีงงงัน “เจ้าเป็นสตรีหรือ เจ้ามิใช่เจ้าลัทธิเต๋าหรอกหรือ”
“บนโลกนี้จะไม่มีสตรีเก่งๆ เลยหรืออย่างไร” ฉินหลิวซีกลอกตาใส่พลางเอ่ย “ในเมื่อจับตัวคนแล้ว ท่านโหว ข้าขอตัวก่อนล่ะ”
“จะกลับแล้วหรือ เชื้อเชิญยังไม่สู้พบกันโดยบังเอิญเลย ข้าจัดงานเลี้ยงต้อนรับท่านเจ้าอาวาสน้อยดีหรือไม่” เฉิงเอินโหวดึงสติกลับมาก่อนรีบรั้งนางไว้
มู่ซีเองก็คิดจะยื่นมือไปดึงนางไว้เช่นกัน “อย่าเพิ่งไป คุยกันให้รู้เรื่องก่อน!”
เหตุใดถึงกลายเป็นผู้หญิงไปได้
เขายังเคยคิดอยากลากนางไปแช่น้ำแร่ด้วยกันอยู่เลย!
ฉินหลิวซีขึงตามองเขา มู่ซีปล่อยมืออย่างรู้สึกผิด เอ่ยอย่างเจ็บปวดขึ้นว่า “ข้ายังช่วยออกโรงแทนเจ้า ไม่คิดจะไว้หน้าข้าบ้างเลยหรือ”
เฉิงเอินโหวกระตุกมุมปาก ท่าทีตัดพ้อของเจ้าเด็กคนนี้ช่างดูโง่เขลานัก!
แผ่นหลังของฉินหยวนซานเหงื่อเย็นไหลชุ่ม ทว่าบ่าวที่ประคองเขาอยู่ด้านข้างกลับเผยสีหน้าเลื่อมใส
อะไรเนี่ย นี่นางเป็นหลานสาวของนายท่าน หรือจะเป็นคุณหนูใหญ่ที่ไม่เคยเปิดเผยตัวผู้นั้นหรือ
แม้แต่คนมีอิทธิพลในเมืองหลวงยังกล้าชักสีหน้าใส่ ช่างน่าเกรงขามดีจริงๆ!
[1] ชาเขียว ป็นสแลงที่หมายถึงคนที่ทำตัวเหมือนคนดูบริสุทธิ์ ถูกกลั่นแกล้ง
[2] ที่ว่าการจิงจ้าว ชื่อหน่วยราชการที่รับผิดชอบการปกครองและการจัดการในเขตเมืองหลวง