คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 906 ข้าก็แค่คนที่ถูกหิ้วไปตลอดทาง
ตอนที่ 906 ข้าก็แค่คนที่ถูกหิ้วไปตลอดทาง
ฉินหลิวซีอยากจะเป็นนักต้มตุ๋นที่ไร้ความปรานี แต่มู่ซีคนขี้โกงไร้ยางอายไม่อนุญาต พึ่งได้รู้เรื่องคาดไม่ถึงเกี่ยวกับตัวนาง หากยังพูดกันไม่จบก็ไม่ให้ไป ดังนั้น ฉินหยวนซานที่ออกมาจากร้านชาได้ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็ถูกดึงเข้าไปอีกครั้ง
เฉิงเอินโหวเป็นคนเชิญ ให้ดื่มชาที่นี่
เถ้าแก่ได้ดูละครชุดใหญ่ เดินเข้ามาต้อนรับด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม พาหลายคนไปที่ห้องที่มีทิวทัศน์ดีที่สุดในร้านชา
มู่ซีเดินอยู่ข้างฉินหลิวซี เหลือบมองหน้าอกของนางเป็นครั้งคราว เป็นสตรีจริงๆ หรือ
ไม่เห็นเหมือนเลย!
“หากยังมองอีก ข้าจะทำให้ตาของเจ้าเห็นสิ่งที่ปกติไม่ได้เห็น!” ฉินหลิวซีเอ่ยอย่างร้ายกาจ
มู่ซีเกาจมูก “ก็เจ้าดูไม่เหมือนสตรี”
“ข้าก็ว่าเจ้าไม่เหมือนบุรุษ”
มาสิ ทำร้ายซึ่งกันและกัน เจ้ากระต่ายอ่อนปวกเปียก!
มู่ซี “!”
หากเป็นคนอื่นคงถูกเขาทุบตายไปนานแล้ว!
หลังจากผ่านห้องส่วนตัวไป ฉินหลิวซีก็ชะงักฝีเท้า มองดูห้องส่วนตัวที่หน้าต่างเปิดอยู่ ข้างในมีหลายคนกำลังพูดคุยหยอกล้อสนุกสนาน และเจ้าของหัวข้อเรื่องตลก…
นางหันกลับไป มองฉินหยวนซานที่สีหน้าแฝงไว้ด้วยความอึดอัดเล็กน้อย
ทั้งที่มาดื่มชาด้วยกัน แต่กลับถูกสหายร่วมงานวิพากษ์วิจารณ์ จึงได้จากไปด้วยสีหน้าหม่นหมอง?
เฉิงเอินโหวเอามือไขว้หลัง หรี่ตาลง มองดูสีหน้าของฉินหลิวซีอย่างเงียบๆ
มักจะรู้สึกเสมอว่าท่าทีของเจ้าอาวาสน้อยผู้นี้ที่มีต่อท่านปู่ของนางนั้นค่อนข้างแปลกๆ
ฉินหยวนซานรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย กล่าวเสียงเบาว่า “ไปกันเถิด!”
มีคนในห้องจะออกมาเข้าห้องน้ำพอดี เดินออกนอกประตูไปจึงเห็นพวกฉินหยวนซานที่กำลังเอ่ยถึง สีหน้าพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย ยังไม่ทันได้กล่าวอะไรก็เห็นเฉิงเอินโหวที่อยู่ข้างหลัง ตกใจในทันที ก้าวไปข้างหน้าสองก้าว “ข้าน้อยคำนับเฉิงเอินโหวขอรับ”
เสียงดังมาก เสียงพูดคุยกันในห้องหยุดลงในทันที จากนั้นก็ได้ยินเสียงโต๊ะและเก้าอี้ถูกดันและเสียงฝีเท้ากระทบกัน มีคนทยอยเดินออกมาจากด้านใน
เมื่อเห็นพวกฉินหลิวซี ทุกคนต่างมีสีหน้าแตกต่างกันไป แต่ต่างก็พากันก้าวเข้ามาคำนับเฉิงเอินโหวก่อน
“ใต้เท้าฉิน ลืมของหรือ” เมื่อเห็นฉินหยวนซาน หลายคนก็ประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อเห็นเขาอยู่กับเฉิงเอินโหว ในใจก็คิดว่าคงบังเอิญกระมัง
ผู้ที่มีไหวพริบนั้นรู้สึกหัวใจสั่นไหว ไหนเลยจะบังเอิญ ฉินหยวนซานขุนนางขั้นสี่คนหนึ่ง เมื่อได้พบกับพ่อตาของฮ่องเต้ก็ทำได้เพียงยืนอยู่ข้างๆ รอให้เขาไปก่อน นี่เห็นได้ชัดว่ามาด้วยกัน
ฉินหยวนซานยิ้มเล็กน้อย “เปล่า ก็แค่…”
“ตำแหน่งขุนนางของคนเหล่านี้ขั้นไหนหรือ” ฉินหลิวซีดึงมู่ซีมา “ข้ามีตาแต่หามีแววไม่ เจ้าแนะนำให้ข้าสักหน่อยได้หรือไม่”
มู่ซีเหลือบมองคนเหล่านั้นอย่างเหลืออด เบะปากพลางเอ่ย “ก็ไม่ใช่ขุนนางขั้นสูงอะไร ข้าจะไปรู้จักได้อย่างไร!”
หลายคนที่อยู่ตรงข้ามล้วนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่ก็ฝืนยิ้ม
“ท่านโหวรู้จักหรือไม่”
เฉิงเอินโหวยกริมฝีปาก “ใต้เท้าหนิวยังพอรู้จัก เสนาบดีสำนักหงหลู ขั้นสี่ ส่วนที่เหลือ ไม่ค่อยคุ้นเคยมากนัก”
คนเหล่านั้นหน้าแดง
แน่นอนว่าพวกเขาล้วนไม่ใช่ขุนนางขั้นสี่ บางคนยังไม่สามารถเข้าร่วมราชสำนักได้ด้วยซ้ำ เนื่องจากขั้นต่ำเกินไป พ่อตาของฮ่องเต้จะไปรู้จักได้อย่างไร
ฉินหลิวซีหัวเราะ เอ่ยกับฉินหยวนซานว่า “อย่างไรเสียท่านก็เป็นขุนนางขั้นสี่ที่ฝ่าบาทเป็นคนแต่งตั้ง ตอนนี้ได้เปิดหูเปิดตาแล้ว ที่แท้ขุนนางขั้นสี่ที่ฝ่าบาทเป็นคนแต่งตั้งก็ไม่ได้สำคัญอะไร สามารถให้หมาแมวที่ไหนมากล่าวดูหมิ่นได้ตามใจชอบ ผู้ที่ระดับต่ำกว่ากล้าพูดจานินทาลับหลัง ผู้ที่รู้ก็ไม่ได้เห็นท่านอยู่ในสายตา ส่วนผู้ที่ไม่รู้ก็คิดว่าไม่เห็นฝ่าบาทอยู่ในสายตา บุคคลในเมืองหลวงนั้นช่างกล้ามาจริงๆ ได้เปิดประสบการณ์แล้ว”
ตุบ
หลายคนคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความสั่นเทา กล่าวว่า “ท่านโหว ผู้น้อยไม่ได้มีเจตนาจะดูหมิ่นเจตจำนงเบื้องสูง”
ฉินหลิวซีกล่าวกับฉินหยวนซานต่อว่า “แวดวงต่างกัน ไม่จำเป็นต้องฝืนทำตัวเข้าพวก อย่าปล่อยให้อายุที่มากขึ้นทำให้มองไม่ชัดเจน การลดสถานะไม่ได้แปลว่าจะเข้ากับสังคมที่ไม่เหมาะสมได้เสมอไป ท่านไปคลุกคลีกับผู้ที่เห็นคุณค่าขุนนางขั้นสี่ที่ฝ่าบาทเป็นคนแต่งตั้งเถิด”
สังหารอย่างราบคาบ!
นี่เป็นใครกัน มีมีดในปาก มีดแทงเข้าไปถึงกระดูก!
“ใต้เท้าฉิน พวกข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น!” พวกเขามองออกแล้ว ใต้เท้าฉินมีคนคอยหนุนหลัง จากนั้นก็มาตบหน้า!
ฉินหยวนซาน ‘ไม่ใช่ ข้าเปล่านะ ข้าก็แค่คนที่ถูกหิ้วไปตลอดทาง!’
มู่ซีรู้สึกรำคาญ ดึงฉินหลิวซีไว้ เอ่ยว่า “ไปได้แล้ว กล่าวไร้สาระกับพวกเขาอยู่ทำไม ไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นเพียงขุนนางเล็กๆ ตำแหน่งไม่สูง อยู่ข้างนอกก็ยังไม่รู้จักสงบเสงี่ยมเจียมตน ไม่สามารถทำการใหญ่ได้ ไม่ช้าก็เร็วจะถูกกำจัด! ใต้เท้าฉินท่านก็ตาถั่วเสียจริง ไปรวมตัวกับคนปากไม่มีหูรูดเช่นนี้ ไม่กลัวจะถูกทำให้เดือดร้อนหรือ”
ทุกคนสีหน้าซีด
ฉินหยวนซานยกมือคำนับพลางเอ่ย “ซื่อจื่อน้อยกล่าวถูกแล้ว เป็นข้าน้อยที่สายตาไม่ดีเอง!”
ให้ตายเถอะ ตาแก่ฉินหยวนซาน!
ก็แค่นินทาเจ้าไม่กี่ประโยค รับไม่ได้หรือ!
แต่เขากลับไม่สนใจ เดินผ่านไป
จบแล้ว
หลายคนสีหน้าซีด ดันไปเจอเข้ากับพ่อตาของฮ่องเต้เสียได้ คนปากร้ายผู้นั้นก็กล่าวโทษว่าพวกเขาดูหมิ่นเจตจำนงของเบื้องสูง เกรงว่าหมวกประจำตำแหน่งของพวกเขาจะร่วงแล้ว
เดี๋ยวนะ ตาเฒ่าฉินหยวนซานผู้นั้นมีคนคอยหนุนหลังเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
อย่าถาม คำตอบก็คือตัวฉินหยวนซานเองก็ยังมึนงงอยู่เล็กน้อย
เมื่อนั่งอยู่ที่โต๊ะ เมื่อเห็นเฉิงเอินโหวรินชาให้เขาด้วย เขารีบลุกขึ้นคำนับกล่าวขอบคุณ
“ใต้เท้าฉินไม่จำเป็นต้องระมัดระวังเช่นนี้ เจ้าอาวาสน้อยมีบุญคุณอันใหญ่หลวงกับเจ้าเด็กไม่รักดีตระกูลข้าผู้นี้ ก็แค่ชาหนึ่งถ้วย ไม่ได้มีค่าอะไร” เฉิงเอินโหวเอ่ยพลางหัวเราะ
“ท่านเกรงใจแล้ว!” ฉินหยวนซานยกถ้วยชาราวกับถือเผือกร้อนในมือ
พ่อตาของฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ปัจจุบันรินชาให้ข้า รู้สึกเหมือนกำลังฝันไป!
ทันทีที่เขาจิบชาก็ได้ยินมู่ซีเอ่ยว่า “หมิงหุย เด็กโรคจิตผู้นั้นยังตามหาเจ้าอยู่หรือไม่ เหตุใดข้าได้ยินมาว่าหมิงอ๋องตามหาเจ้าให้เขียนใบสั่งยาปรับสภาพร่างกาย บอกว่าอยากจะมีบุตรอีกสักคน เขาจะไหวหรือ”
แค่กๆ
ฉินหยวนซานสำลัก ข้างหน้ามีผ้าเช็ดหน้ายื่นมา เขารับมาเช็ดโดยไม่คิด เมื่อเห็นว่าใครเป็นคนยื่นผ้าเช็ดหน้ามาก็ตื่นตระหนกอีกครั้ง “ท่านโหว ผู้น้อย…”
“ไม่เป็นไร!” เมื่อเฉิงเอินโหวเห็นว่าเขาระมัดระวังก็รู้สึกเบื่อหน่าย ไม่สู้หลานสาวของเขา จึงมองไปยังฉินหลิวซี ถามว่า “หมิงอ๋องตามหาเจ้าจริงๆ หรือ”
ฉินหลิวซีกะพริบตา “หรือว่าข่าวจะแพร่กระจายออกไปแล้ว”
ทางด้านตาเฒ่าอวี๋คงไม่ได้ปากมากเผยแพร่คำพูดเหล่านี้หรอกกระมัง
มู่ซีกล่าวว่า “ก็ไม่ได้เผยแพร่อะไรหรอก ข้าได้พบกับหมิงหุย เป็นเขาที่ปากโป้งออกมาเอง”
ฉินหลิวซีหัวเราะ “หลานตัวซวยผู้นี้ หมิงอ๋องไม่ตีเขาตายหรอกหรือ”
“เช่นนั้นก็เป็นเรื่องจริงแล้ว?”
“ขึ้นอยู่กับชะตาชีวิต ลูกหลานล้วนขึ้นอยู่กับวาสนา”
เฉิงเอินโหวดวงตาเป็นประกาย กล่าวว่า “หมิงอ๋องก็อายุเกือบจะหกสิบปีแล้ว แม้ว่าจะดูแลรักษาอย่างเหมาะสม ก็สามารถให้กำเนิดบุตรได้จริงๆ หรือ”
ฉินหลิวซีแสยะยิ้ม “ตราบใดที่บุรุษยังมีแรง อายุแปดสิบปีก็มีบุตรได้ แต่สตรีนั้นทำไม่ได้”
แค่กๆๆ
ฉินหยวนซานสำลักอีกครั้ง คิดจะเอาชีวิตข้าหรือ นี่มันคำกล่าวไร้สาระอะไรกัน
“หากสตรีได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม อายุสี่สิบต้นๆ ก็คงยังได้อยู่กระมัง” เฉิงเอินโหวถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
มือของฉินหลิวซีชะงักไปครู่หนึ่ง เงยหน้าขึ้นมองไปที่เขา เอ่ย “หอยแก่ให้กำเนิดไข่มุก ย่อมได้ แต่เมื่ออายุมากขึ้น สิ่งที่ต้องแบกรับไม่ใช่เพียงแค่ความยากลำบากจากการตั้งครรภ์ ตอนคลอดบุตรจึงจะเป็นด่านยากลำบากครั้งใหญ่ หากจัดการไม่ดีก็จะกลายเป็นหนึ่งศพสองชีวิต ได้ไม่คุ้มเสีย หากจัดการได้ไม่ดีอีกก็จะเดือดร้อนทั้งตระกูล มิสู้ไม่มีบุตรจะดีกว่า”
เฉิงเอินโหวหรี่ตาลง เจ้าอาวาสน้อยผู้นี้ฉลาดกว่าที่เขาคิดอยู่บ้าง!
ใบหน้าฉินหยวนซานเต็มไปด้วยความตกใจกลัว นี่ นี่กำลังพูดถึงฮองเฮาอยู่หรือ