คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 91 ดวงชะตาเป็นกาลกิณีต่อญาติทั้งหก ตอนที่ 92 ดวง
- Home
- คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า
- ตอนที่ 91 ดวงชะตาเป็นกาลกิณีต่อญาติทั้งหก ตอนที่ 92 ดวง
ตอนที่ 91 ดวงชะตาเป็นกาลกิณีต่อญาติทั้งหก / ตอนที่ 92 ดวงชะตาของท่านช่างโชคร้ายจริงๆ
ตอนที่ 91 ดวงชะตาเป็นกาลกิณีต่อญาติทั้งหก
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉินหลิวซีกินข้าวเช้าแล้วก็ติดตามฉีเชียนไปที่ห้องพักของพระชายาผู้เฒ่าที่เรือนหลัก
เรือนใหญ่กว้างขวาง ในสวนไม่ค่อยมีไม้ดอกไม้ประดับอันมีค่าหายากใดๆ ในลานมีถังน้ำขนาดใหญ่ใบหนึ่ง ซึ่งเลี้ยงบัวและปลาคาร์พไว้สองตัว ตรงกำแพงทิศใต้มีต้นหางนกยูงสองต้น ใต้ต้นไม้มีโต๊ะกลมและเก้าอี้หวายวางอยู่
ขณะที่ฉีเชียนเข้าไปทักทายคารวะพระชายาผู้เฒ่า ฉินหลิวซีก็รออยู่ในลานบ้าน สาวใช้ที่ยืนอยู่ใกล้ประตูมองดูอีกฝ่ายด้วยความสงสัย
นี่คือท่านหมอที่จะมารักษาพระชายาผู้เฒ่าหรือ ยังดูเด็กกว่านางเสียอีก
หมัวหมัวคนหนึ่งเดินออกมา พอเห็นฉินหลิวซีเข้า นางก็ตกตะลึงทันที แต่กลับย่อตัวคารวะด้วยรอยยิ้ม “ท่านหมอฉินใช่หรือไม่เจ้าคะ เชิญท่านตามข้าน้อยเข้าไปพบพระชายาผู้เฒ่าของเราด้วยเถิด”
“รบกวนหมัวหมัวแล้ว” ฉินหลิวซีคารวะ
จ้าวหมัวหมัวนำทาง ฉินหลิวซีตามหลังไปสองก้าว ด้านหลังนางมีเฉินผีที่ถือกล่องยาตามมา
หลังจากที่เข้าไปในห้องแล้ว ความอบอุ่นก็เข้ามากระทบทันที นี่เพิ่งจะต้นฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น แต่ในห้องนี้ราวกับเผาไฟในอุโมงค์ใต้พื้นไว้ทำให้ห้องมีความอบอุ่นขึ้นมา
“พระชายาผู้เฒ่า ท่านหมอฉินมาแล้วเพคะ” จ้าวหมัวหมัวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม”
ฉีเชียนที่อยู่ข้างๆ พระชายาผู้เฒ่าลุกขึ้น “เสด็จย่า หลานจะแนะนำให้ท่านรู้จัก ท่านนี้คือปรมาจารย์ปู้ฉิวแห่งอารามชิงผิงเมืองหลี เดิมแซ่ฉิน ท่านอย่าได้เห็นว่าเขาอายุยังน้อย แต่วิชาแพทย์ของเขานั้นล้ำเลิศมาก”
ฉินหลิวซีประสานมือคารวะ “ถวายพระพรพระชายาผู้เฒ่า”
“ไม่ต้องมากพิธี นั่งลงเถิด” พระชายาผู้เฒ่ายกมือขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
ฉินหลิวซียืดตัวตรงและเงยหน้าขึ้นมอง แม้รอยยิ้มบนใบหน้าจะไม่เปลี่ยนแปลง แต่ในใจนางกลับถอนหายใจลึกๆ
พระชายาผู้เฒ่าท่านนี้มีสถานะสูงส่งไม่ผิด แต่ชีวิตของนางเต็มไปด้วยความผกผัน สูญเสียบิดามารดาตั้งแต่ยังเล็ก สามีจากไปไว วัยกลางคนสูญเสียบุตรชาย เกรงว่าดวงชะตาของนางจะเป็นกาลกิณีต่อญาติทั้งหกกระมัง?
แต่แม้ว่าชีวิตของนางจะลำบากเช่นนั้น นางก็ไม่ได้ดูใจร้ายหรือเย็นชาต่อผู้อื่นเลย กลับมองผู้อื่นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มนัยน์ตาสงบเสียอีก
หากไม่ใช่เพราะนางเป็นคนมองโลกในแง่ดีอยู่แล้ว ก็ต้องเป็นคนที่เข้าใจโลก จิตใจสงบนิ่ง
“เชียนเอ๋อร์บอกข้าว่าปรมาจารย์ปู้ฉิวยังเด็กมาก ในใจข้าจึงคิดว่าต่อให้เด็กอย่างไรก็น่าจะถึงวัยสวมหมวกแล้ว นึกไม่ถึงว่าท่านยังอายุไม่ถึงด้วยซ้ำ กระทั่งว่ายัง…” นัยน์ตาของพระชายาผู้เฒ่าวาบประกายเล็กน้อยก่อนจะถามด้วยรอยยิ้ม “ท่านเป็นหมอนักพรตจริงหรือ เป็นนักพรตและเป็นหมอด้วยหรือ”
ฉินหลิวซีเอ่ย “ถูกต้องแล้ว”
ฉีเชียนข้างๆ เอ่ย “เสด็จย่า ให้ท่านหมอตรวจชีพจรให้ก่อนดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“จิ๊ เจ้าจะใจร้อนไปไหน จะเป็นที่ขบขันของปรมาจารย์เสียเปล่า” พระชายาผู้เฒ่าดุทันที ก่อนจะเอ่ยกับฉินหลิวซี “ท่านปรมาจารย์อย่าได้ตำหนิเขาเลย หลานชายของข้าคนนี้มีใจกตัญญูและจิตใจบริสุทธิ์ เป็นเพราะร่างกายของข้าอ่อนแอมากจริงๆ จึงทำให้เขากังวลถึงเพียงนี้”
ฉินหลิวซีเหลือบมองฉีเชียนเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าลงน้อยๆ “หลานชายกตัญญูก็เป็นบุญวาสนาของพระชายาด้วย”
“ใช่แล้ว ข้าก็มีวาสนาเรื่องนี้นี่แหละ” น้ำเสียงของพระชายาผู้เฒ่าเจือความโศกเศร้าราวกับนึกถึงเรื่องอะไรขึ้นมาได้
ฉินหลิวซีหันไปมองเฉินผี อีกฝ่ายเปิดกล่องยาอย่างใจเย็น หยิบหมอนรองขนาดเล็กออกมายื่นให้
“ขอข้าตรวจชีพจรท่านก่อนได้หรือไม่”
พระชายาผู้เฒ่าพยักหน้า จ้าวหมัวหมัวก้าวเข้าไปพับแขนเสื้อให้นางเล็กน้อยก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา แต่กลับถูกปฏิเสธ
“ปรมาจารย์เป็นผู้ศึกษาเต๋า ทั้งอายุก็น้อยกว่าเชียนเอ๋อร์เสียอีก หญิงชราอย่างข้าไม่ถือสาเรื่องหยุมหยิมพวกนี้หรอก”
จ้าวหมัวหมัวจึงต้องเก็บผ้าเช็ดหน้าไป
ฉินหลิวซีขอให้นางวางมือบนหมอนรอง ขณะที่ตนเองหลับตาลงเล็กน้อย มือข้างหนึ่งทำท่าฝ่ามือโดยที่คนอื่นมองไม่เห็น ขณะที่มืออีกข้างแตะชีพจรของพระชายาผู้เฒ่า
พอตรวจดูเท่านั้นคิ้วของฉินหลิวซีก็กระตุกเล็กน้อยทันที นางมีดวงชะตาเป็นกาลกิณีต่อญาติทั้งหกจริงๆ ด้วย
ตอนที่ 92 ดวงชะตาของท่านช่างโชคร้ายจริงๆ
การจับชีพจรไท่ซู่สามารถทำนายล่วงรู้ชะตาชีวิตของคนคนหนึ่งได้ ฉินหลิวซีเป็นหมอมาหลายปี แต่ก็ไม่ได้ใช้วิธีนี้กับทุกคน เพราะถึงอย่างไรดวงชะตาก็เหมือนกับเส้นใยถักทอที่เปลี่ยนแปลงได้ไม่รู้จบ
พระชายาผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้านางตอนนี้กลับกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของฉินหลิวซี
อย่างที่เห็นจากโหงวเฮ้งของนาง ดวงชะตาของนางถูกลิขิตให้โดดเดี่ยวเป็นกาลกิณีต่อญาติทั้งหก ปู่ย่าก็ตายหลังนางคลอด ตอนเด็กบิดามารดาก็ตายไปทีละคน ในวัยที่กำลังรุ่งโรจน์ก็สูญเสียสามี วัยกลางคนสูญเสียบุตรชาย หากเปลี่ยนเป็นคนที่มีจิตใจเปราะบางคงรับความสะเทือนใจเช่นนี้ไม่ได้นานแล้ว
แต่พระชายาผู้เฒ่าผู้นี้มีจิตใจที่มั่นคงมาก ไม่สิ ควรจะพูดว่าจิตใจของนางเหมือนไม้ที่เหี่ยวเฉาไปแล้ว ไม่มีความรู้สึกใดๆ และปล่อยให้ชีวิตดำเนินไปตามแต่สวรรค์จะลิขิต รวมไปถึงการจะอยู่หรือตายด้วย
ไม่น่าแปลกใจที่นางสามารถทนทุกข์ทรมานจากพิษเย็นนี้มาได้ตั้งหลายปี ไม่สิ บางทีถ้าเทียบกับความรู้สึกเจ็บปวดที่ต้องสูญเสียญาติทั้งหกแล้ว ความเจ็บชาที่เกิดจากพิษเย็นนี้คงไม่ควรค่าให้เอ่ยถึงไม่ใช่หรือ
“ท่านหมอฉิน ว่าอย่างไรบ้าง” ฉีเชียนร้อนใจ
ฉินหลิวซีเหลือบมองเขาแล้วเปลี่ยนมือแตะชีพจร คราวนี้นางมุ่งเน้นไปที่ความเจ็บป่วยของพระชายาผู้เฒ่าอย่างแท้จริงแล้ว
การเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายกลับทำให้ฉีเชียนกังวลอย่างที่สามารถจินตนาการได้ แค่ตรวจชีพจรยังนานขนาดนี้ เสด็จย่าของเขาไร้ทางรักษาแล้วอย่างนั้นหรือ
พระชายาผู้เฒ่ากลับเป็นคนที่สงบที่สุด นางเพียงจ้องหน้าฉินหลิวซี ยิ่งมองอย่างพินิจพิจารณานางก็ยิ่งรู้สึกว่าเด็กคนนี้มีรูปกระดูกที่ดีเยี่ยม ช่างดีจริงๆ อย่างที่คนเขาเอ่ยกันว่าความงดงามของคนเราอยู่ที่กระดูกหาใช่ผิวหนังไม่
“พระชายาเคยรับไอเย็นจัดๆ ยามเป็นเด็ก หรือเคยตกลงไปในถ้ำน้ำแข็งสระน้ำแข็งที่ไหนหรือไม่” ฉินหลิวซีชักมือกลับพลางเอ่ยถาม
พระชายาผู้เฒ่าตกตะลึงไปเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า “แค่ตรวจชีพจรก็รู้กระทั่งเรื่องนี้แล้วหรือ ข้าเป็นลูกชาวนา ในช่วงหลายปีนั้นเป็นช่วงเวลาแห่งสงครามและความอดอยาก ฤดูหนาวปีหนึ่งอากาศหนาวจัดมาก หิมะหนาจนสูงเทียมอก นั่นเป็นปีที่ข้าได้พบกับเสด็จปู่ของเชียนเอ๋อร์ด้วย”
สีหน้าของฉินหลิวซีไม่เปลี่ยน นางเดาเรื่องพวกนี้ได้หมดแล้ว พระชายาผู้เฒ่าไม่ได้เกิดมาสูงส่ง สถานะของนางขึ้นอยู่กับสามีและบุตรชาย
“เสด็จปู่ของเชียนเอ๋อร์ได้รับบาดเจ็บและตกลงไปในบึงน้ำเย็น ถ้าข้าไม่ช่วยเขา เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน ข้าจึงกระโดดลงไป” พระชายาผู้เฒ่าเล่าย้อนความหลังด้วยท่าทางเหม่อลอยอยู่บ้าง
“หลังจากครั้งนั้นท่านน่าจะได้รับไอเย็นเข้าไป แต่เพราะท่านอายุยังน้อย นอกจากมือเท้าเย็นแล้วก็ไม่ได้มีปัญหาอันใดใหญ่โต แต่เมื่อไอเย็นเข้าสู่ร่างกาย ไหนเลยจะกำจัดขับไล่ออกไปได้โดยง่าย ดังนั้นท่านจึงมีปัญหาในการตั้งครรภ์เนื่องจากมดลูกเย็น มีบุตรชายได้คนหนึ่งก็ถือว่าโชคดีแล้ว แต่ตอนพิษเย็นเข้าสู่ร่างกายของท่านจริงๆ ก็คงหลังคลอดบุตรกระมัง พิษเย็นนี้ฝังแน่นอยู่ในกระดูก ท่านทนมาได้นานเพียงนี้ก็นับว่าไม่ธรรมดาแล้ว”
พระชายาผู้เฒ่าพยักหน้า “เป็นเช่นนั้นจริง จ้าวหมัวหมัวเองก็รู้ว่าตอนที่ข้าคลอดหนิงอ๋องออกมาแรกๆ พวกกบฏบุกเข้ามา จวนหนิงอ๋องในเวลานั้นก็ถูกปิดล้อมเช่นกัน ข้าพาบิดาของเชียนเอ๋อร์ไปซ่อนตัวในห้องใต้ดินที่หนาวจัดเพื่อหลบพวกกบฏ ตอนนั้นสาวใช้ที่อยู่ข้างกายข้า แม่ลูกที่น่ารักทั้งสองยังปลอมตัวเป็นพวกเราเพื่อปกป้องพวกเราไว้จนถูกพวกกบฏฆ่าตาย…”
เสียงของนางเจือสะอึกสะอื้นเล็กน้อย จ้าวหมัวหมัวก็พลอยเศร้าไปด้วย นางซับน้ำตา เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดถึงคืนวันที่ยากลำบากเหล่านั้น
ฉีเชียนกำหมัดแน่น ดังนั้นบิดาของเขาจึงอ่อนแอตั้งแต่ยังเป็นเด็กและเสียชีวิตไปก่อนที่จะได้ขึ้นถึงจุดสูงสุดของชีวิต
คนเรานี้บทจะโชคร้ายขึ้นมาก็ไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ จนทำให้ฉินหลิวซีที่ได้ฟังประสบการณ์ของพระชายาผู้เฒ่าอดรู้สึกว่าเทพแห่งความโชคร้ายคงเข้าร่างนางเสียแล้ว อดโพล่งออกมาไม่ได้ “ดวงชะตาของท่านช่างโชคร้ายจริงๆ!”
พระชายาผู้เฒ่าและจ้าวหมัวหมัวที่กำลังโศกเศร้าคิดถึงคนเก่าๆ ในความทรงจำถึงกับสะอึก “…”
สีหน้าของฉีเชียนเข้มขึ้นทันที
เฉินผีที่ยืนเฉยอยู่ข้างๆ โดยไม่เอ่ยอะไรสักคำเบิกตากว้าง หากทำให้ผู้คนตกตะลึงไม่ได้ ท่านก็ยังไม่ยอมแพ้ เจ้านายของเขาไม่กลัวตายจริงๆ!