คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 910 เจ้าเป็นพวกค้านหัวชนฝาหรือ
ตอนที่ 910 เจ้าเป็นพวกค้านหัวชนฝาหรือ
เฉิงเอินโหว ซ้ำยังมีหมิงอ๋อง ตอนนี้มีใต้เท้าจั่วเพิ่มมาอีกหนึ่งคน อ้อ แล้วก็เถิงเทียนฮั่นแห่งศาลต้าหลี่ผู้นั้นก็อธิบายชัดเจนนานแล้วว่าบุตรชายของเขาเป็นลูกศิษย์ของหลานสาว ซ้ำยังมีเสนาบดีลิ่น…
เรื่องของเสนาบดีลิ่น ความจริงแล้วเขาไม่รู้ด้วยซ้ำ เพียงแค่ได้ยินฉินเหมยเหนียงเคยบอกว่าตอนที่ตระกูลซ่งทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง เป็นฉินหลิวซีที่แนะนำให้นางไปขอร้องฮูหยินลิ่นผู้เฒ่าที่จวนเสนาบดี ต่อมาเขาไปตรวจสอบดู พบว่าเมื่อปีที่แล้วฮูหยินผู้เฒ่าจวนเสนาบดีผู้นั้นป่วยกะทันหัน มีท่านหมอน้อยมหัศจรรย์ช่วยไว้ หลังจากคำนวณวันเวลา คงจะเป็นฉินหลิวซีไม่ผิดแน่
ไม่เพียงแต่จวนเสนาบดี ผู้ที่แนะนำนางยังมีบุตรตระกูลสยงกับซื่อจื่อตระกูลจิ่งของฉังอันโหวผู้นั้น ดังนั้นพวกเขาจึงได้รู้จักกับนางด้วย
เมื่อฉินหยวนซานนึกถึงคนเหล่านี้พลันรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย บุคคลเช่นนี้ แม้ว่าจะเป็นตอนที่เขาเป็นขุนนางขั้นสามก็ไม่สามารถเกี่ยวพันได้ แต่ฉินหลิวซีเพียงคนเดียวสามารถกระจายเส้นสายได้ และอาจมีบุคคลเช่นนี้อีกมากมาย
ไม่แปลกใจเลยเมื่อเขาถูกคืนสถานะ มีบางคนที่ค่อนข้างให้ความสนใจ อาจเป็นเพราะเหตุนี้
เขายกถ้วยชาขึ้นมาจิบ มั่นคง อย่าหลงระเริง!
เมื่อใต้เท้าจั่วเห็นฉินหยวนซานแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง จึงเอ่ย “ใต้เท้าฉินช่างโชคดีจริงๆ ที่มีหลานสาวที่ดีเช่นนี้”
แม้ว่าเขาจะเป็นคนตรงไปตรงมา แต่ก็รู้ดีว่าการอยู่ในแวดวงขุนนางนั้นต้องมีเส้นสาย รุ่นลูกหลานก็ยิ่งจำเป็น และเส้นสายของฉินหลิวซี ตราบใดที่เขาเต็มใจ อนาคตของตระกูลฉินก็จะสดใส
แต่จากที่ผู้เฒ่าอวี๋ตรวจสอบพบและได้สัมผัส นักพรตหญิงน้อยผู้นี้มีความสุขกับการชำระหนี้สินอย่างสมเหตุสมผล นางมีความสามารถ อีกฝ่ายก็ให้ค่ารักษาเป็นค่าน้ำมันตะเกียง ไม่ติดค้างกัน
ดังนั้นดูเหมือนว่านางจะไม่ได้ใช้เส้นสายใดๆ ปูทางให้ตระกูลฉิน แต่ว่าไม่มีเลยจริงๆ หรือ ที่น่าประหลาดใจก็คือนางไม่เคยร้องขอ แต่คนอื่นๆ เต็มใจที่จะช่วยอยู่เบื้องหลัง
อาจเป็นเพราะนางมีความสามารถและเก่งกาจพอ?
เมื่อใต้เท้าจั่วคิดได้ว่าตอนนี้ครอบครัวของตัวเองมีความสุข ไม่มีบรรยากาศของความหมดอาลัยตายอยากเหมือนก่อนหน้านี้ และเป็นความสบายใจ คนจดจำบุญคุณ แม้ว่าเขาจะไม่ได้กล่าว แต่ในภายภาคหน้าหากเกิดเรื่องกับฉินหลิวซีหรือตระกูลฉิน ด้วยบุญคุณนี้เขาก็ยินดีที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ!
ฉินหยวนซานยิ้มพลางเอ่ย “นางเป็นคนฉลาด เป็นเพราะท่านอาจารย์ของนางสั่งสอนมาดี ข้าไม่กล้ารับความดีความชอบนี้แม้แต่นิด”
“คุณหนูใหญ่มาแล้ว” บ่าวรับใช้รายงานอยู่หน้าประตู
ฉินหลิวซีเดินเข้ามา คำนับทั้งสองคน
ฉินหยวนซานจึงเอ่ย “ใต้เท้าจั่วบอกว่ามามอบของขวัญขอบคุณ”
ฉินหลิวซีเอ่ยกับใต้เท้าจั่วว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าฟื้นแล้ว ก็แค่ทำตามคำแนะนำที่ข้าบอกดูแลร่างกายก็พอ ค่ารักษาก็ให้มาแล้ว ไม่ติดค้างแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ของขวัญมากมาย”
ใต้เท้าจั่วเอ่ยตอบ “ต้องขอบคุณเจ้ามาก ภรรยาข้าฟื้นแล้ว จิตใจร่าเริงแจ่มใส แต่ร่างกายยังคงอ่อนแอ มิเช่นนั้นก็อยากจะมาขอบคุณเจ้าด้วยตัวเอง”
“ไม่ต้องทำเช่นนั้นหรอก”
ใต้เท้าจั่วกระแอม กล่าวอีกว่า “ความจริงแล้วยังมีอีกหนึ่งเรื่อง ไม่ทราบว่าเจ้าอาวาสน้อยจะช่วยได้หรือไม่”
“อ้อ?”
ฉินหยวนซานตามองอยู่ข้างๆ จมูกดมถ้วยชา ทำตัวเป็นธาตุอากาศ แต่เงี่ยหูฟัง
ปากต่อปากนั้นเป็นเช่นนี้นี่เอง บอกเล่าต่อๆ กัน ดังนั้นนางจึงได้กระจายเส้นสายมากมายขนาดนี้
“ไม่ทราบว่าเจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับแม่ทัพใหญ่รักษาเขตแดนหรือไม่”
ฉินหลิวซีส่ายหน้า “ข้าไม่ใช่คนทางโลก ซ้ำยังเติบโตที่เมืองหลี ไม่ได้มาที่เมืองหลวงบ่อยนัก ไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับผู้มีอำนาจในเมืองหลวงมากนัก”
ฉินหยวนซานกลับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมา เอ่ย “เป็นแม่ทัพใหญ่เจิ้งที่บุตรสาวคนเดียวหายตัวไปสามปีน่ะหรือ”
“ใช่แล้ว” ใต้เท้าจั่วเอ่ยต่อไป “เมื่อสามปีก่อน บุตรสาวสุดที่รักของแม่ทัพใหญ่เจิ้งจู่ๆ ก็หายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อพาท่านย่าไปพักฟื้นที่หมู่บ้านน้ำพุร้อน จนถึงตอนนี้ก็ยังหาคนไม่พบ แม่ทัพใหญ่ได้ยินเรื่องบุตรชายของข้า วันนี้เมื่อเลิกประชุมราชสำนักจึงมาหา ความจริงแล้วข้าอยากจะแนะนำเจ้าอาวาสน้อยให้แก่เขาสักหน่อย”
ฉินหลิวซีไม่ได้ตอบอะไร
เมื่อใต้เท้าจั่วเห็นสีหน้าของนางเช่นนี้จึงเอ่ย “แม่ทัพใหญ่อายุได้ห้าสิบปีแล้ว เนื่องจากตอนเป็นหนุ่มได้ทำสงครามเป็นเวลานาน บางทีไอสังหารอาจรุนแรง จึงมีบุตรสาวเพียงคนเดียว ต่อมาก็ได้รับบาดเจ็บในสนามรบ ทำให้มีบุตรยาก ดังนั้นบุตรสาวผู้นั้นคือบุตรสาวเพียงคนเดียวของเขา ถูกเลี้ยงอย่างตามใจราวกับสมบัติล้ำค่าจนเติบใหญ่ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะหายตัวไปอย่างกะทันหันเมื่อสามปีที่แล้ว แม่ทัพใหญ่ไม่เคยย่อท้อต่อการตามหา กระทั่งคิดว่าเป็นเพราะตัวเองฆ่าสังหารหมู่อย่างหนักจากที่ผ่านมาจึงได้ประสบกับความยากลำบากเช่นนี้ เพื่อเป็นการชดใช้ หลายปีมานี้เขากินมังสวิรัติมาโดยตลอด และมารดาของแม่ทัพใหญ่ก็ยิ่งเสียใจอย่างสุดซึ้ง เพราะเหตุนี้จึงล้มป่วยเป็นโรคหลอดเลือดในสมอง นอนเป็นอัมพาตอยู่บนเตียง รอเวลาที่จะจากไป”
เมื่อเขาพูดถึงตรงนี้ก็รู้สึกเศร้าเป็นอย่างมาก
ล้วนเป็นบิดามารดากันทั้งนั้น และบุตรก็หายตัวไปเหมือนกัน ความรู้สึกเช่นนี้จริงๆ แล้วเขาก็สามารถรับรู้ได้เช่นกัน เพียงแต่เขาคงไม่สู้แม่ทัพใหญ่ที่หามาตลอดสามปีก็ไม่เคยยอมแพ้ ส่วนตัวเองเพียงเพราะรอยแตกร้าวของน้ำแข็ง ก็มั่นใจว่าบุตรชายเสียชีวิตไปแล้ว
“หายตัวไปอย่างลึกลับ เกิดอะไรขึ้น”
“ได้ยินมาว่าหายตัวไปในหมู่บ้าน มีบ่าวรับใช้เคยเห็นนางออกจากหมู่บ้านไปกับคนอื่น แต่การค้นหานั้นไม่เป็นผล” ใต้เท้าจั่วดูเหมือนเอ่ยออกมาได้ยากเล็กน้อย เอ่ยว่า “ดังนั้นก็มีคนบอกว่าที่คนหายตัวไป ความจริงได้หนีตามคนอื่นไปแล้ว”
ฉินหยวนซานขมวดคิ้ว “คงไม่หรอกกระมัง”
“แน่นอนว่าไม่ใช่เช่นนั้น” ใต้เท้าจั่วเอ่ยต่อเบาๆ “เป็นถึงบุตรสาวเพียงคนเดียวของแม่ทัพใหญ่ สูงส่งมีเกียรติ ต้องการสามีแบบไหนมีหรือจะหาไม่ได้ ต่อให้ต้องการเป็นพระชายาก็ยังได้เลย แม้ว่านางจะถูกเลี้ยงอย่างเอาอกเอาใจ แต่ก็ถูกเลี้ยงดูอย่างเข้มงวด อุปนิสัยใจคอบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ไม่มีทางทำเรื่องที่จะทำลายอนาคตของตัวเอง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนั้นนางได้หมั้นหมายแล้ว คู่หมั้นเป็นถึงหลวนไป่หลิงซึ่งเป็นผู้สอบจอหงวนได้อันดับหนึ่งในปีนั้น ซ้ำยังถูกเลือกเป็นบุตรเขยแต่งเข้าหลังประกาศผล”
“หลังจากใต้เท้าหลวนผู้นี้สอบติดจอหงวน ก็ได้เข้าไปเป็นผู้ตรวจรายงานในสำนักฮั่นหลิน ไม่ถึงหนึ่งปีก็ไปเข้าตาฮ่องเต้ จึงได้เลื่อนตำแหน่งเป็นราชเลขาในสำนักฮั่นหลิน ในสามปีได้เลื่อนตำแหน่งติดต่อกันสามขั้น ตอนนี้เป็นขุนนางพลเรือน เป็นผู้ที่ได้รับความสนใจจากฮ่องเต้” น้ำเสียงของฉินหยวนซานค่อนข้างชื่นชม
“ใช่แล้ว แม้ว่าใต้เท้าหลวนจะมาจากครอบครัวชาวนา แต่เป็นคนถ่อมตนและให้ความสำคัญกับความรู้สึก มีความรู้ที่ไม่ธรรมดา มีมารยาทเป็นอย่างมาก แม้ว่าคุณหนูเจิ้งจะหายตัวไป แต่เขาไม่เคยถอนสัญญาหมั้นหมาย และตามหาคุณหนูเจิ้งอย่างไม่ย่อท้อเช่นกัน ยังคงถือว่าตัวเองเป็นบุตรเขยตระกูลเจิ้ง คอยให้ความช่วยเหลืออยู่เสมอ ให้ความสำคัญกับความรู้สึกและคุณธรรม และเขาก็รูปร่างงดงามเป็นอย่างมาก เป็นสามีในอุดมคติของสตรีในเมืองหลวงไม่น้อย คุณหนูเจิ้งจะทอดทิ้งเขาหนีตามบุรุษอื่นไปได้อย่างไร” ใต้เท้าจั่วเอ่ยชื่นชมไม่ขาดปาก
เมื่อฉินหลิวซีได้ฟังเช่นนี้ก็รู้สึกประหลาดเล็กน้อย เอ่ยถาม “คนย่อมดูดีในสายตาของคนรัก จึงเอ่ยไม่ได้หรอกว่าคุณหนูเจิ้งผู้นั้นชอบขี้วัว?”
ฉินหยวนซานไอสองที สำลักน้ำชา
ใต้เท้าจั่วก็หน้าเขียวเช่นกัน
ฉินหลิวซีเอ่ยอีกว่า “หลวนไป่หลิงอะไรนั่นให้ความสำคัญกับความรู้สึกและคุณธรรมขนาดนี้ แค่สามปีก็พอแล้วกระมัง ยังรออยู่อีกหรือ”
ใต้เท้าจั่วไม่รู้ว่าเหตุใดนางจึงได้มุ่งความสนใจไปที่คนผู้นี้ ตอบว่า “หลวนไป่หลิงกับคุณหนูเจิ้งรู้สึกถูกตาต้องใจกัน ทั้งสองคนนับว่าเป็นคู่สร้างคู่สม ฤกษ์มงคลได้กำหนดไว้แล้ว เขาก็บอกแล้วว่าจะรอคุณหนูเจิ้งตลอดไป นอกเสียจากว่าจะพบศพ หากรอไม่ถึงวันนั้นเขาก็จะถือเสียว่าตัวเองเป็นบุตรเขยตระกูลเจิ้ง คอยดูแลส่งแม่ทัพใหญ่จากไป ด้วยเหตุนี้เขากระทั่งเตรียมเด็กที่จะมาเป็นผู้สืบทอดในภายภาคหน้าไว้แล้ว ไม่คิดที่จะแต่งงานแล้ว”
ความรู้สึกแปลกๆ เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ฉินหลิวซีเอ่ย “เช่นนั้นเขาค่อนข้างเก่งในการคำนวณผลประโยชน์เลยทีเดียว ครอบครองตระกูลที่ไร้ทายาท มีอนาคตสดใส มีเงินทองกองเป็นภูเขา ซ้ำยังไม่ต้องเปลี่ยนแซ่!”
ใต้เท้าจั่วสีหน้ามืดครึ้ม “?”
เจ้าบอกมาตามตรง เจ้าเป็นพวกค้านหัวชนฝาใช่หรือไม่