คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 912 รู้มากเสียจริง
ตอนที่ 912 รู้มากเสียจริง
ถูกพิษหรือ
แม่ทัพใหญ่มีสีหน้าตกตะลึง มองดูปลายนิ้วของตัวเองที่ถูกเข็มแทงตามสัญชาตญาณ มีเพียงรอยเลือดจางๆ บอกเขาถึงสิ่งที่ฉินหลิวซีทำ
ใต้เท้าจั่วก็ประหลาดใจเป็นอย่างมาก เอ่ยว่า “ถูกพิษ เป็นไปได้อย่างไร”
“จริงด้วย แม้ว่าจะไม่ได้เชิญหมอหลวงมาจับชีพจรพื้นฐานทุกวัน แต่ก็มาทุกๆ สามถึงห้าวัน และในจวนก็มีหมอประจำ หมอประจำผู้นี้จะจับชีพจรพื้นฐานให้ทุกวัน แต่ไม่เคยเห็นบอกว่าข้าถูกยาพิษ” แม่ทัพใหญ่ทั้งตกใจทั้งโกรธ
ฉินหลิวซีเอ่ยตอบ “นี่เป็นยาพิษที่จะค่อยๆ ออกฤทธิ์ ไม่ได้เหมือนยาฤทธิ์แรงอย่างพวกเฮ่อติงหง[1]ที่บาดคอในทันที ท่านเคยได้ยินคำว่าเชือดนิ่มกระมัง มันจะลุกลามร่างกายของท่านทีละนิด ทำให้ท่านเหนื่อยล้าทางร่างกายและจิตใจลงเรื่อยๆ เมื่อพิษนี้อยู่ในร่างกายท่านนานวันเข้า ท่านก็จะไร้ชีวิตชีวามากขึ้นเรื่อยๆ หมดเรี่ยวแรง ต้องนอนอยู่บนเตียงเพราะความอ่อนแอ สุดท้ายก็จะกินอะไรไม่ได้เนื่องจากความอ่อนแอ อวัยวะภายในทั้งห้าหยินหยางยุ่งเหยิงสูญเสียสมดุล ทำให้พลังชีวิตลดลงและนำไปสู่ความตาย และคนนอกก็ตรวจสอบไม่พบสาเหตุ เพียงแต่คิดว่าท่านเสียชีวิตเนื่องจากนอนป่วยอยู่บนเตียงเป็นเวลานาน”
ดวงตาของแม่ทัพใหญ่เบิกกว้างเท่ากับระฆังทองแดง ราวกับจะถลนออกมา น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก
เขารู้ว่าช่วงนี้ร่างกายเหนื่อยล้า นอนไม่หลับ ไม่มีชีวิตชีวา เพียงแต่คิดว่าที่ตัวเองอ่อนล้าทั้งร่างกายและจิตใจนั้นเป็นเพราะการหายตัวไปของบุตรสาวสุดที่รักในหลายปีมานี้ แต่กลับไม่รู้ว่านี่เป็นการถูกวางยาพิษ?
เขาสั่นไปทั้งตัว รู้สึกถึงความหนาวเย็นที่พุ่งจากฝ่าเท้าแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกาย
“นี่คือพิษอะไร” ใต้เท้าจั่วกลืนน้ำลาย
“ในราชวงศ์เซิ่งมียาลับชนิดหนึ่งเรียกว่ายาไร้เสียง สามารถทำให้ร่างกายของคนเราค่อยๆ อ่อนแอลง จิตใจห่อเหี่ยว ท้ายที่สุดก็จะเสียชีวิตเนื่องจากร่างกายอ่อนแอเอาแต่นอนหลับ ยากที่จะตรวจสอบได้” ฉินหลิวซีเอ่ยว่า “หากต้องการปรุงยาพิษนี้ วัตถุดิบยาที่สำคัญที่สุดคือดอกไม้ถวายพระ นั่นก็คือดอกปี่อั้น จากนั้นนำไปปรุงด้วยวัตถุดิบยาที่มีพิษอย่างเช่นเถาเทียนเซียน บดเป็นผงละเอียด จึงกลายเป็นยาไร้เสียง”
เมื่อทั้งสองคนได้ฟังดังนั้น ก็รู้สึกหนังศีรษะชาในทันที
ฉินหลิวซีใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดรอยเลือดบนนิ้ว จากนั้นจึงเอ่ย “เมื่อครู่ข้าได้ลิ้มรสดอกไม้ถวายพระกับเถาเทียนเซียนจากเลือดของท่าน ซ้ำยังมีชาดแดง”
“ชาดแดง?”
“ใช่แล้ว ชาดแดงมีพิษ ในอดีตจักรพรรดิเซิ่งหมกหมุ่นอยู่กับการปรุงยาทุกชนิด ซึ่งส่วนใหญ่ปรุงมาจากชาดแดง ซ้ำยังกลายเป็นยาพิษเมื่อใช้เป็นเวลานาน เมื่อยาพิษก่อตัวย่อมสลายไปได้ยาก ดังนั้นท่านกินยาแก้พิษเข้าไปก็ไร้ประโยชน์” ฉินหลิวซีเอ่ยต่อ “ตอนนี้ท่านมีปัญหาในการนอนหลับตอนกลางคืน ปากแห้ง ก็เป็นผลมาจากพิษชาดแดง ทำให้ไฟในกระเพาะอาหารของท่านเพิ่มขึ้น ไฟตับสะสม ย่อมทำให้นอนหลับได้ยาก”
“ข้า ข้าเป็นเช่นนี้เพราะบุตรสาวของข้าไม่ใช่หรือ”
“การก่อตัวของโรค ล้วนมีหลายสาเหตุ ท่านเหนื่อยล้าเพราะเรื่องที่คุณหนูเจิ้งหายตัวไป จิตใจหดหู่ วิตกกังวลมากเกินไป นี่เป็นสาเหตุหนึ่ง และเมื่อมีพิษเข้าสู่ร่างกาย ก็จะยิ่งเพิ่มภาระการแบกรับให้กับร่างกายมากขึ้น” ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “อีกอย่าง ข้าจับชีพจรให้ท่านเมื่อครู่นี้ พบว่าท่านมีอาการบาดเจ็บซ่อนอยู่ภายในร่างกาย ข้าเดาว่าท่านเคยได้รับบาดเจ็บที่ปอด รอดพ้นจากความตายมาได้อย่างหวุดหวิด ที่สามารถรอดพ้นจากหายนะความตายได้ เนื่องจากตอนนั้นท่านยังหนุ่มจึงได้ฟื้นตัวได้ง่าย แต่บาดแผลภายนอกรักษาง่าย บาดแผลภายในกลับรักษาได้ยาก สิ่งนี้ต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างละเอียดอ่อน สาเหตุหลายๆ อย่างรวมตัวกัน ท่านจึงได้อ่อนแอลงเรื่อยๆ”
แม่ทัพใหญ่กุมท้องของตัวเองตามสัญชาตญาณ เอ่ยว่า “ตอนข้าอายุยี่สิบกว่าปี ได้ถูกหอกแทงเข้าที่ช่องท้องระหว่างทำสงคราม”
ในปีนั้นนับว่าเป็นเคราะห์ใหญ่ในชีวิตของเขาจริงๆ
“นอกจากนี้ บนร่างกายของท่านยังมีบาดแผลซ่อนอยู่มากกว่าหนึ่งแผล ยังมีอีกหลายที่บวกกับแผลที่เกิดจากบาดแผลภายนอก ร่างกายของท่านไม่สามารถรับแรงกระแทกอย่างหนักได้ ท่านจึงจำเป็นต้องมอบอำนาจคืน มิเช่นนั้นมีแม่ทัพใหญ่ท่านไหนบ้างที่อายุยังไม่ถึงหกสิบก็ถอดเกราะกลับมาพักรักษาตัวแล้ว” ฉินหลิวซีเอ่ยขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค
ผู้บัญชาการระดับสูงกุมอำนาจอันยิ่งใหญ่ หากไม่ใช่เพราะหมดหนทางแล้วจริงๆ ก็ล้วนไม่อยากจะปล่อยวางอำนาจ อย่างไรเสียคนเราเมื่อหมดอำนาจก็ไม่มีใครสนใจแล้ว โดยเฉพาะกับผู้บัญชาการทหาร เมื่ออำนาจทางทหารหมดลง สิ่งที่เหลืออยู่ก็เพียงแค่ความไว้หน้า
เมื่อมองไปที่แม่ทัพใหญู่ผู้มีอำนาจทางทหารเหล่านั้น มีใครบ้างที่จะสละอำนาจทางทหารอย่างมีความสุข แม้ว่าจะเป็นอย่างเฉวียนจิ่ง ก็เป็นลูกหลานรุ่นหลังที่สามารถรับช่วงต่อได้ นายท่านผู้เฒ่าตระกูลเฉวียนจึงได้เกษียณออกมาพักผ่อน นี่เป็นเพราะมีผู้สืบทอดจึงได้พักผ่อนอย่างสบายใจ ผู้ที่ไม่มี ก็กลับคืนสู่พื้นที่ของตัวเอง
และท่านแม่ทัพใหญ่ก็ได้มอบอำนาจตั้งแต่อายุยังไม่ทันถึงหกสิบปี ไม่ใช่เพียงเพราะไม่มีผู้สืบทอด ยิ่งไปกว่านั้นคือร่างกายของเขาไม่อนุญาต จึงจำเป็นต้องปล่อยวางอำนาจ
แม่ทัพใหญ่เหลือบมองฉินหลิวซี “เจ้าช่างรู้มากเสียจริง”
นางเป็นนักพรตไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงได้เข้าใจวิถีทางอันคดเคี้ยวเหล่านี้
ใต้เท้าจั่วที่อยู่ข้างๆ ร้อนใจจะตายอยู่แล้ว นี่ใช่เวลามาพูดถึงเรื่องนี้หรือ
“พิษออกฤทธิ์ช้านี้ถูกวางยาได้อย่างไร ในเมื่อหมอก็ยังวินัจฉัยออกมาไม่ได้ เช่นนั้นจะรู้ได้อย่างไร” ใต้เท้าจั่วเอ่ยถาม
ในที่สุดแม่ทัพใหญ่ก็วางสิ่งสำคัญไว้ตรงหน้า เขาก็อยากรู้ว่าถูกวางยาได้อย่างไร
“ในเมื่อเรียกว่ายาไร้เสียง ก็ควรจะไร้วี่แววจริงๆ ผงชนิดนี้ก็ไม่จำเป็นต้องกินเยอะ เพียงแค่ผสมกับกำยานเผาแล้วสูดดมเข้าไป ก็จะถูกวางยาอย่างไร้ร่องรอย”
“เพียงแค่สูดดม พิษนี้ก็จะเข้าสู่เส้นเลือด ทำให้ชิมเลือดก็สามารถรู้ถึงส่วนประกอบของยาพิษได้หรือ” จู่ๆ ใต้เท้าจั่วก็รู้สึกว่าตัวเองฉลาดไม่พอ
ฉินหลิวซีหัวเราะเบาๆ “เมื่อหญิงตั้งครรภ์ได้กลิ่นเครื่องหอมที่ทำจากอัณฑะกวาง[2] ก็จะทำให้ไม่มีบุตรหรือแท้งได้ไม่ใช่หรือ ส่วนที่สามารถชิมจากเลือดได้ ก็พอจะบอกได้ว่าเขาเคยดื่มพิษนี้ แต่ก็ไม่มากนัก เพียงแค่ใส่ลงไปในน้ำแกงยาที่เขาดื่มเป็นครั้งคราวก็พอแล้ว”
แม่ทัพใหญ่หนาวสั่นไปทั้งตัว
ใคร ใครต้องการทำร้ายเขา
เขาได้สูญเสียบุตรสาวไปแล้ว ท่านแม่ก็นอนอยู่บนเตียงมาตลอด แทบจะฝืนต่อไปไม่ไหวแล้ว ตัวเองก็ใกล้จะกลายเป็นคนโดดเดี่ยวแล้ว ใครยังเห็นว่าเขาขัดหูขัดตา อยากจะให้เขาตาย
“เหล่าเจิ้ง เจ้าได้ใช้กำยานหรือไม่” ใต้เท้าจั่วเอ่ยถาม
แม่ทัพใหญ่ตัวแข็งทื่อเล็กน้อย “กำยานสงบจิต ย่อมใช้อยู่บ้าง”
เนื่องจากเรื่องของบุตรสาวสุดที่รัก เขานอนไม่หลับทั้งคืน มักตื่นจากความฝันอยู่บ่อยๆ ดังนั้นส่วนใหญ่จึงต้องจุดกำยานสงบจิตนอนหลับ
ใต้เท้าจั่วมองไปยังฉินหลิวซี อีกฝ่ายจึงเอ่ยว่า “จะไปดูสักหน่อยก็ย่อมได้”
ทั้งสามคนลุกขึ้นมุ่งไปที่ห้องนอน เมื่อเดินออกจากห้องโถงบุปผา สีหน้าของพวกเขาต่างก็เปลี่ยนไปโดยไม่ได้นัดหมาย
ฉินหลิวซีเหลือบมองชายชราสองคนที่ไม่มีสีหน้าใดๆ อุทานด้วยความเหลือเชื่อ เป็นผู้ที่อยู่ในอำนาจมาเป็นเวลานานแล้วจริงๆ จู่ๆ ก็ถูกเรื่องนี้ทำให้ตกใจ เมื่อออกไปเผชิญหน้ากับคนที่อยู่ข้างนอก ยังสามารถแสร้งทำเป็นเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ เพื่อไม่เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น
“ท่านแม่ทัพ” ผู้ดูแลอู่ก้าวมาข้างหน้าฟังคำสั่ง
ท่านแม่ทัพใหญ่เอ่ยกับเขาว่า “มีแขกมา เจ้าก็พาคนไปที่หมู่บ้าน นำวัตถุดิบสดๆ ใหม่ๆ กลับมาสักหน่อย แล้วเตรียมกระดาษยันต์และชาดไว้ให้พร้อม”
ผู้ดูแลอู่เหลือบมองฉินหลิวซี โค้งคำนับ เอ่ยด้วยความเคารพว่า “ขอรับ”
ขณะที่เขากำลังจะไป ท่านแม่ทัพใหญ่ก็ได้ยินเสียงของฉินหลิวซีดังขึ้นที่ข้างหู เขาสายตาเฉียบแหลมในทันที มองไปที่นาง
ฉินหลิวซียิ้มเล็กน้อย ราวกับว่าไม่ได้เอ่ยอะไรทั้งนั้น
เมื่อแม่ทัพใหญ่เห็นว่าใต้เท้าจั่วไม่มีการตอบสนองอะไร จึงเรียกเหล่าอู่ไว้ เอ่ยว่า “ไปเชิญบุตรเขยหลวนมาสักหน่อย บอกว่าข้าจะเลี้ยงแขก ร่างกายไม่ค่อยสบาย หากเขาว่างก็มาช่วยข้าต้อนรับสักหน่อย”
เหล่าอู่ประหลาดใจเล็กน้อย รับปากอีกครั้ง
แม่ทัพใหญ่พาฉินหลิวซีกับใต้เท้าจั่วไปที่เรือนของตัวเอง ทันทีที่ปิดประตู เขาก็ไม่สนใจอะไรแล้ว เพียงแต่ขมวดคิ้วมองไปทางฉินหลิวซี ถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เจ้าให้ข้าเรียกว่าที่บุตรเขยของข้าผู้นั้นมาด้วยเหตุใดหรือ”
ดวงตาของฉินหลิวซีเดี๋ยวสว่างเดี๋ยวมืด ฉีกยิ้ม “ย่อมเป็นเพราะอยากรู้จักสักหน่อยว่าเป็นคนที่มีความรู้สึกลึกซึ้งอย่างไร”
ใต้เท้าจั่ว ‘ข้าจะไม่พูด แต่ข้ารู้สึกว่าเจ้าอยากจะบอกว่า อยากจะเห็นว่าเจ้านั่นต้องการจะฮุบตระกูลหรือไม่!’
[1]เฮ่อติงหง เป็นพิษร้ายแรง ออกฤทธิ์รวดเร็ว
[2] นำเอากลิ่นที่เกิดจากต่อมใกล้ๆ อวัยวะเพศของกวางชะมดมาทำเป็นเครื่องหอม