คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 913 นางจะก่อปัญหาหรือ
ตอนที่ 913 นางจะก่อปัญหาหรือ
ไม่ใช่ว่าใต้เท้าจั่วอยากจะใส่ร้ายว่าฉินหลิวซีไม่ใช่คนดี เป็นสิ่งที่นางเอ่ยก่อนหน้านี้ต่างหากที่ทำให้คนรู้สึกแตกต่างออกไป ตอนนี้จู่ๆ ก็บอกให้หลวนไป่หลิงมา ก็ยิ่งรู้สึกมากกว่าเดิม
นางจะก่อปัญหาหรือ!
ท่านแม่ทัพใหญ่เหลือบมองฉินหลิวซีสองสามครั้ง ขมวดคิ้ว ในใจรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย แต่ไม่รู้จะพูดอย่างไร
นักพรตเต๋าน้อยผู้นี้ทำการต่างๆ ตามอำเภอใจและคาดเดาไม่ได้ ต่างจากนักพรตเต๋าที่เขาเคยเห็นมาก่อน
ในขณะนี้ ฉินหลิวซีได้เดินไปที่กระถางกำยานนกกระเรียนทองว่างเปล่าที่วางอยู่บนโต๊ะ โน้มตัวเข้าไปหา จมูกสูดดม เอ่ยว่า “มีปะปนอยู่ในกำยานด้วย”
นางมองไปรอบๆ เห็นว่าบนโต๊ะมีลิ้นชักเล็กๆ เมื่อเปิดออกดู ข้างในเป็นกล่องกำยานไม้จันทน์แดงแกะสลักจึงเอ่ยว่า “ตระกูลท่านค่อนข้างร่ำรวยเลยทีเดียว กล่องกำยานก็ยังทำมาจากไม้จันทน์แดง”
แม่ทัพใหญ่เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจแม้แต่นิดว่า “เป็นเงินไม่เท่าไหร่”
“ท่านแม่ทัพใหญ่ยินดีจ่ายเงินเท่าไหร่เพื่อตามหาคุณหนูเจิ้ง” ฉินหลิวซีเปิดกล่องกำยานพลางเอ่ยถาม
แม่ทัพใหญ่เอ่ยอย่างตื่นเต้นในทันที “หากสามารถตามหาบุตรของข้ากลับมาได้ ข้ายินดีที่จะสละทรัพย์สมบัติของตระกูลครึ่งหนึ่ง”
“ท่านแม่ทัพใหญ่ใจใหญ่จริงๆ” ฉินหลิวซีหยิบกำยานมาวางไว้ใต้จมูกสูดดมเล็กน้อย เอ่ยว่า “ยาไร้เสียงนี้ปะปนอยู่ในกำยานสงบจิตจริงๆ ท่านไว้ใจคนรอบข้างเป็นอย่างมาก ไม่ป้องกันเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่ทำร้ายคนเช่นนี้ก็วางไว้อย่างเปิดเผย คิดจะก่อการร้ายภายใต้แสงสว่างหรือ”
แม่ทัพใหญ่สีหน้าลุ่มลึกราวกับสายน้ำ
เขารับกำยานที่ฉินหลิวซียื่นมา เดินไปที่ประตูแล้วเรียกคนด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม มีบ่าวรับใช้โหงวเฮ้งธรรมดาผู้หนึ่งเดินเข้ามา คุกเข่าต่อหน้าสามคน
“ไปตรวจสอบดูว่ากำยานนี้ผ่านมือใครมาบ้าง”
“ขอรับ”
หลังจากที่คนผู้นั้นรับกำยานแล้วถอยออกไป แม่ทัพใหญ่ก็ถามอีกว่า “ข้าถูกพิษนานแค่ไหนแล้ว”
“ประมาณหนึ่งปี” ฉินหลิวซีหันกลับมาแล้วเอ่ยว่า “หากกินยาเข้าไปอีกสองสามครั้ง และได้รับการกระตุ้นอย่างรุนแรง ก็จะทำให้อ่อนแอไปโดยสิ้นเชิง คาดว่าคงจะมีชีวิตอยู่ได้เพียงถึงปีหน้า”
แม่ทัพใหญ่โกรธเป็นอย่างมาก พลังชั่วร้ายทั้งร่างกายปะทุออกมา งอตัวไออย่างรุนแรง
“อย่าโกรธ” ฉินหลิวซีเดินมา บีบมือของเขานวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เอ่ยว่า “ยังมีช่วงที่ท่านต้องโมโหอีกเยอะ ดูแลร่างกายไว้ก่อน”
แม่ทัพใหญ่ “?”
ให้ตายเถอะ นี่เป็นคำปลอบใจหรือ
เป็นการซ้ำเติมต่างหาก
ใต้เท้าจั่วเอ่ยว่า “เจ้าคิดว่าสามารถรักษาได้หรือไม่”
“ยาไร้เสียงนี้ แม้ว่าจะสามารถทำให้คนอ่อนแอแล้วตายไปอย่างเงียบๆ ได้ แต่ก็มีโอกาสให้ถอนพิษ เพราะออกฤทธิ์ช้า ยังสามารถมีชีวิตอยู่ มีชีวิตอยู่ก็มีโอกาส อย่างเช่นตอนนี้ หากอยากมีชีวิต อย่าได้สูดดมพิษนี้เข้าไปอีก และยิ่งไม่ควรกินเข้าไปอีก กินยาถอนพิษกับน้ำแกงยาที่ข้าสั่ง จะค่อยๆ กำจัดพิษที่เหลืออยู่ออกจากร่างกาย ก็จะดีขึ้นเอง” ฉินหลิวซีเอ่ยว่า “ส่วนใครเป็นคนวางยาท่านเช่นนี้ ซ้ำยังทำให้ท่านไม่ได้ป้องกันเลยแม้แต่น้อย ย่อมเป็นคนที่ท่านไว้ใจอย่างสุดซึ้ง สิ่งนี้ท่านต้องเป็นคนไปตรวจสอบเอง บางครั้งคนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ บางคนอาจดูภักดีซื่อสัตย์จริงใจ แต่อาจจะไม่ใช่คนดีจริงๆ”
แม่ทัพใหญ่ขมวดคิ้ว คิดอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยว่า “เจ้าบอกว่าข้าก็เคยกินยานี้เข้าไปด้วย แต่ไม่ใช่ทุกวันหรือ”
“อืม หากกินเข้าไปทุกวัน ทั้งหมอและหมอหลวงอาจจะสังเกตเห็นถึงความผิดปกติแล้วเปิดโปงออกมา ผู้ที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังระมัดระวังเป็นอย่างมาก และสามารถรักษาจิตใจให้มั่นคงได้ เต็มใจที่จะทรมานท่านให้ตายอย่างช้าๆ แต่จะไม่ยอมให้เสียแผนจนทำให้ล้มเหลว” ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
แม่ทัพใหญ่รู้สึกว่าหนังศีรษะชาเล็กน้อย ร่างกายสั่นเทา
มีคนที่ซ่อนอยู่รอบตัวเขาต้องการจะทำร้ายเขา แต่เขาไม่รู้เลยแม้แต่น้อย เป็นใครกันที่เป็นผีร้ายในคราบของคน
เมื่อใต้เท้าจั่วเห็นสีหน้าของแม่ทัพใหญ่ดำราวกับก้นหม้อ จึงเอ่ยปลอบใจว่า “ตอนนี้เป็นความโชคดีอันยิ่งใหญ่ท่ามกลางความโชคร้าย เจ้าอาวาสน้อยมองออกแล้ว เหล่าเจิ้ง เจ้าวางใจเถิด”
แม่ทัพใหญ่เผยให้เห็นรอยยิ้มขมขื่น จะวางใจได้อย่างไร
ฉินหลิวซีเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ทีนี้มาพูดถึงคุณหนูเจิ้งกันดีกว่า ได้ยินใต้เท้าจั่วบอกว่าท่านก็เคยถามเทพเทวดาแล้ว ให้นักพรตทำนายที่อยู่ของคุณหนูเจิ้งด้วย?”
แม่ทัพใหญ่นั่งลง สีหน้าเศร้าสร้อย เอ่ยว่า “แต่ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ล้วนผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
“ข้าเห็นว่าท่านตามหาคนจากทางใต้ ไปให้ใครทำนายมาหรือ”
แม่ทัพใหญ่ตอบว่า “เป็นนักพรตจันจากอารามจินหัวเชี่ยวชาญเรื่องการทำนาย ทำนายออกมาตามแปดอักษรเวลาตกฟาก บอกว่าให้ไปตามหาทางใต้”
“บอกแปดอักษรแก่ข้าหน่อย”
แม่ทัพใหญ่รีบไปเอากระดาษกับพู่กันมาเขียนแปดอักษรเวลาตกฟากของบุตรสาว ยื่นไปให้ด้วยสายตาจริงจัง “เจ้าลองดูเถิด”
ฉินหลิวซีรับมา นับข้อนิ้วทำนาย ตกใจเล็กน้อย
“มีอะไรหรือ” เมื่อแม่ทัพใหญ่เห็นนางท่าทางประหลาดใจก็อยากรู้ขึ้นมา
ฉินหลิวซีเอ่ยว่า “ชะตาชีวิตของคุณหนูเจิ้งสูงส่งยิ่งนัก”
นางหยิบพู่กันขึ้นมา วาดลงบนกระดาษ เอ่ยว่า “ต้นกำเนิดของดวงอาทิตย์คือไฟปิ่งติง นั่งอยู่ในตำแหน่งบ้านน้ำทองคำ ได้รับอำนาจจากลม ทองเป็นความร่ำรวย น้ำเป็นตำแหน่งทางการ ร่างกายเจริญรุ่งเรือง มีผู้ช่วยค้ำจุนความมั่งคั่ง ทางโหงวเฮ้งเรียกว่าดวงหงส์ไฟขี่สายลม หากเป็นบุรุษก็จะเป็นขุนนางขั้นสูงรายได้ดี ขี่สายลมพุ่งทะยานขึ้นสู่ฟ้า หากเป็นสตรี หงส์ไฟคล้ายกับเฟิ่งหวง เรียกว่าวิหกแดง ตำแหน่งต่ำกว่าเฟิ่งหวง หากไม่ใช่พระชายาฮ่องเต้ก็เป็นพระชายาท่านอ๋อง”
ซี๊ด
ใต้เท้าจั่วกับแม่ทัพใหญ่สูดหายใจเข้าลึก
สูงส่งขนาดนั้นเชียวหรือ
“แต่ว่า ปัญญาชนที่เหล่าเจิ้งหมั้นหมายให้แม่หนูเหยาเป็นดาวเหวินฉวี่[1] ห่างไกลจากการเป็นองค์ชายอยู่มาก” ใต้เท้าจั่วนึกถึงสถานะของหลวนไป่หลิง
แม่ทัพใหญ่กลับมีสีหน้าเต็มไปด้วยความสุข เอ่ยว่า “ตอนนี้ไม่ใช่ หากในภายภาคหน้าสามารถทำผลงานได้ดี ก็แต่งตั้งเป็นท่านโหวท่านอ๋องได้ไม่ใช่หรือ ท่านอ๋องต่างแซ่ก็เป็นอ๋องเหมือนกัน”
ดูเหมือนจะมีเหตุผล แต่รู้สึกว่าเจ้ามั่นใจเกินไปแล้ว
ใต้เท้าจั่วเบะปาก ไม่ได้เอ่ยประโยคที่ทำให้เสียอารมณ์ เพื่อไม่ไปกระตุ้นเขา เขาไม่พูดแต่ฉินหลิวซีจะพูด
“ท่านคิดตามหลักการเกินไปแล้ว อย่าลืมสิว่าบุตรสาวของท่านหายตัวไปอยู่ จะเป็นหรือตายก็ไม่รู้ จะเป็นพระชายาได้อย่างไร” ฉินหลิวซีเอ่ยว่า “อีกอย่าง บางทีท่านอาจจะเลือกคนผิดตั้งแต่แรกแล้ว เดิมทีโชคชะตากำหนดให้เป็นพระชายา แต่กลับกลายเป็นฮูหยินพระราชทาน”
ฉึก
แม่ทัพใหญ่ถูกนางแทงที่หัวใจ ราวกับมีลมรั่วออกมา ห่อเหี่ยวลง
“เช่นนั้นเจ้าก็รีบหาเถอะ” ใต้เท้าจั่วเอ่ย
ฉินหลิวซีเอ่ยว่า “ขอเหรียญทองแดงให้ข้าสักสองสามเหรียญ”
แม่ทัพใหญ่ลูบบนตัว ไม่มีแม้กระทั่งกระเป๋า จึงค้นหาในห้องของตัวเอง พบเหรียญทองแดงอยู่ไม่กี่เหรียญ
ฉินหลิวซีเหลือบมอง หยิบเหรียญทองแดงที่มีพลังมงคลที่สุดออกมาสามเหรียญ มือทั้งสองข้างร่ายคาถา จากนั้นจึงได้รวบรวมเหรียญทองแดงไว้ในมือ ปากเอ่ยพึมพำอะไรบางอย่างแล้วโยนออกไป
คำทำนายแรกออกมา จำไว้ จากนั้นก็โยนอีกครั้ง จำไว้อีก จนกระทั่งทำนายครบหกครั้ง นางจึงได้เริ่มวิเคราะห์คำทำนาย
คำทำนายถูกเปิดเผยทีละน้อย นางมองรูปแบบคำทำนาย เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง มองดูสายตาของท่านแม่ทัพใหญ่ที่เต็มไปด้วยความหวังและความกระตือรือร้น เม้มริมฝีปากเล็กน้อย
ใต้เท้าจั่วเห็นดังนั้นก็รู้สึกหนักใจ
หัวใจของแม่ทัพใหญ่หนักราวกับมีก้อนหินขนาดใหญ่ผูกติดอยู่ถ่วงให้จมลงไป เผยให้เห็นรอยยิ้มที่น่าเกลียดกว่าการร้องไห้ “เจ้าเอ่ยมาตามตรงเถิด”
“นาง…ได้จากไปนานแล้ว” ฉินหลิวซีถอนหายใจ
แม่ทัพใหญ่หน้ามืด เซถอยหลัง
ใต้เท้าจั่ว ‘ข้ารู้ว่านางจะก่อปัญหา แต่ไม่รู้ว่านางจะทำลายราบคาบเช่นนี้ นี่มันเรื่องอะไรกัน!’
[1] ดาวเหวินฉวี่ คือ ชื่อของดวงดาวอันดับที่สี่ในกลุ่มดาวกระบวยใหญ่ (กลุ่มดาวจระเข้) เชื่อว่าเป็นดวงดาวแห่งการศึกษา สติปัญญา ศาสตร์ต่างๆ