คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 914 เบาะแสเริ่มปรากฏ...
ตอนที่ 914 เบาะแสเริ่มปรากฏ…
มีฉินหลิวซีอยู่ แม้ว่าแม่ทัพใหญ่จะเป็นลมล้มลงกับพื้นก็จะไม่เกิดเรื่องอะไร หลังจากแทงไปสองเข็ม คนก็ฟื้นแล้ว เพียงแค่นอนอยู่บนเตียง ท่าทางเหม่อลอย ราวกับสูญเสียจิตวิญญาณ น้ำตาไหลออกมาจากหางตาไม่หยุด
ความจริงแล้วในใจเขารู้ดี ทุกปีเขาส่งคนออกไปไม่รู้เท่าไหร่ ติดป้ายประกาศ ตั้งรางวัล รางวัลล้วนมีมูลค่านับหมื่นทั้งนั้น แม้ว่าบุตรสาวจะถูกคนลักพาตัวไป แต่ด้วยเงินรางวัลมหาศาลนี้ คนที่อยู่เบื้องหลังจะต้องส่งตัวนางกลับคืนมาแน่นอน
แต่ว่าไม่มี มีคนสวมรอยพาเด็กผู้หญิงที่ดูคล้ายกับนางมาเพื่อรับรางวัล ล้วนเป็นตัวปลอม ไม่ใช่เหยาเอ๋อร์ของเขาเลยสักคน
เมื่อเวลาผ่านไปนาน ความหวังก็เริ่มลดน้อยลง ในใจรู้สึกว่าบุตรสาวได้ประสบกับเหตุร้าย แต่ในฐานะบิดา ตราบใดที่ยังมีความหวัง ไม่เห็นศพหนึ่งวัน เขาก็ยังมีความหวังเล็กๆ น้อยๆ เพิ่มอีกหนึ่งวัน นี่เป็นยาดีที่ช่วยให้เขามีชีวิตอยู่มาได้
แต่อย่างไรก็ตามฉินหลิวซีได้ทำลายภาพลวงตาแห่งความหวังนี้ โดยเผยให้เห็นความจริงนองเลือดอันโหดร้าย
เหยาเอ๋อร์ไม่อยู่แล้ว
แม่ทัพใหญ่รู้สึกราวกับตกลงไปในหลุมน้ำแข็งอันเยือกเย็น หนาวสั่นไปทั้งตัว รู้สึกเจ็บแปลบในใจ ลำคอกระอักกระอ่วน
พรวด
เขาเงยหน้า พ่นเลือดขุ่นออกมา ตกลงบนที่นอนผ้ามันลายดอกไม้สีเขียว กลายเป็นลายดอกสีเลือด
ใต้เท้าจั่วตกใจ
“ไม่เป็นไร นี่เป็นลิ่มเลือด ขับออกมาจะดีกว่า” ฉินหลิวซีสงบนิ่งเป็นอย่างมาก
ใต้เท้าจั่ว “…”
ช่วยเป็นคนอ่อนโยนหน่อยได้หรือไม่
ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ฤดูหนาว ปากร้ายๆ นี้เหตุใดจึงได้พ่นคำพูดเย็นชาออกมาได้ขนาดนี้
ฉินหลิวซีหยิบยาลูกกลอนมาหนึ่งเม็ดยัดใส่ปากแม่ทัพใหญ่ ยกคางของเขาขึ้นเล็กน้อย เม็ดยาไหลเข้าไปในลำคอ
“คนได้จากไปแล้ว อย่างไรเสียก็ต้องตามหาศพหรือไม่ก็ดวงวิญญาณของนางกระมัง หรือท่านเต็มใจที่นางหาทางกลับบ้านตัวเองไม่ได้หลังจากตายไปแล้ว ไปในที่ที่ควรไป”
แม่ทัพใหญ่สะดุ้ง ลุกขึ้นนั่งบนเตียง อ้าปาก ก่อนที่คำพูดจะหลุดออกมา น้ำตาก็ไหลออกมาเสียก่อน
ใต้เท้าจั่วถอนหายใจ เอ่ยว่า “เหล่าเจิ้ง เจ้าอย่าเศร้าไปเลย เจ้าอาวาสพูดถูก แม่หนูเหยายังรอให้เจ้าไปรับกลับบ้าน จะล้มลงไม่ได้”
แม่ทัพใหญ่เช็ดน้ำตา สูดหายใจเข้าลึกๆ เอ่ยว่า “ข้ารู้” แต่นึกอะไรบางอย่างได้ จึงเอ่ยอีกว่า “ทั้งๆ ที่นักพรตที่อารามจินหัวบอกว่าบุตรของข้าอยู่ทางใต้ เหตุใดจึงได้จากไปเสียแล้ว”
“ตอนที่ทำนาย ท่านไปด้วยตัวเองหรือไม่” ฉินหลิวซีเอ่ยถาม
แม่ทัพใหญ่ส่ายหน้า “เหยาเอ๋อร์หายตัวไป ผู้ที่กังวลเรื่องนี้ไม่ได้มีเพียงข้า ยังมีว่าที่สามีของนาง เจ้าเด็กไป่หลิงผู้นั้นก็ได้ส่งคนออกไปตามหาอยู่ตลอด แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่ได้แต่งงานกัน แต่เขาถือว่าตัวเองเป็นเหมือนกับบุตรชายแท้ๆ ของข้าคนหนึ่ง ให้ความช่วยเหลือทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องตามหาเหยาเอ๋อร์ เขาไม่ได้เบื่อหน่ายเลยแม้แต่น้อย ใส่ใจเป็นอย่างมาก”
ฉินหลิวซีเอ่ยอย่างร้ายกาจว่า “ท่านแม่ทัพใหญ่มีบุตรสาวเพียงคนเดียว ซ้ำร่างกายไม่แข็งแรง หากข้าเป็นบุตรเขยของท่าน ข้าก็ยินดีที่จะเป็นบุตรชายคอยส่งท่านตอนจากไป เมื่อสำเร็จแล้ว ทุกอย่างในจวนแม่ทัพก็จะเป็นของข้าแล้ว”
แม่ทัพใหญ่สีหน้ามืดครึ้ม ขมวดคิ้ว ราวกับไม่พอใจเล็กน้อย แต่เมื่อกำลังจะโต้แย้ง นางก็เอ่ยขึ้นมาอีก
“ลองคิดถึงพิษในร่างกายของท่าน แล้วก็ที่คุณหนูเจิ้งหายตัวไปเมื่อหลายปีก่อน หากท่านจากไปแล้ว ใครจะยังตามหานางอีก คาดหวังกับบุตรเขยที่มีความผูกพันอันลึกซึ้งหรือ เมื่อคนจากไปก็ไม่มีใครสนใจแล้ว” ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเรียบว่า “ความจริงแล้วพิษในร่างกายของท่านนั้นตรวจสอบได้ง่าย หากท่านจากไปแล้วใครก็ตามที่ได้ประโยชน์ ผู้นั้นเป็นคนทำ”
แม่ทัพใหญ่ขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม พิจารณาคำพูดนี้อย่างละเอียด หากหาบุตรสาวไม่พบ เขาจะทำอย่างไร
เมื่อนึกถึงความใส่ใจ ความกตัญญู ความอ่อนโยนของว่าที่บุตรเขยที่แสดงให้เห็น รวมถึงเรื่องที่เขาเคยคิดเป็นครั้งคราวในยามกลางคืน เขาก็ขนลุกซู่
หากหาไม่เจอขึ้นมาจริงๆ และเมื่อตัวเองกำลังจะจากไป เขาก็จะรับหลวนไป่หลิงเป็นบุตรบุญธรรม ถือธงโปรยกระดาษให้ตัวเอง
ใต้เท้าจั่วก็คิดถึงสิ่งนี้ แต่หลวนไป่หลิงคุณชายผู้สง่างาม รูปร่างงดงามราวกับหยก เป็นคนที่มีเจตนาชั่วร้ายจริงๆ หรือ
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังครุ่นคิด ฉินหลิวซีได้มองดูแปดอักษรของเจิ้งเหยา ดวงหงส์ไฟขี่ลม ชะตาชีวิตสูงส่งเช่นนี้ ใช้ทำอะไรได้บ้าง
ทันใดนั้นก็มีบางอย่างผ่านเข้ามาในหัว
“เรือนของหลวนไป่หลิงอยู่ที่ไหน” นางมองทั้งสองคนพลางเอ่ยถาม
แม่ทัพใหญ่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร ใต้เท้าจั่วก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ดูเหมือนว่าจะอยู่ที่ตรอกสือหลิวทางด้านตรอกซื่อฟาง จริงสิ อยู่ไม่ไกลจากจวนฉินของพวกเจ้า”
ฉินหลิวซีหรี่ตา “ใช่เรือนที่มีกิเลนอยู่บนหลังคาหรือไม่”
แม่ทัพใหญ่ส่ายหน้า “ไม่ใช่”
ไม่ใช่หรือ
หรือว่านางคิดมากไป
“อยู่ที่ติดกับเรือนที่มีกิเลน เป็นเรือนเล็กๆ ที่มีสองทางเข้า”
อยู่ข้างๆ หรือ ช่างบังเอิญเสียจริง
“มีอะไรผิดปกติหรือ” ใต้เท้าจั่วเห็นว่าสีหน้าของฉินหลิวซีดูประหลาดเล็กน้อย รู้สึกขนลุก
ฉินหลิวซีคิดอยู่ครู่หนึ่ง หยิบยันต์ออกมาหนึ่งแผ่น ลองอัญเชิญดวงวิญญาณ
ในใจแม่ทัพรู้สึกตื่นตระหนก มองไปยังใต้เท้าจั่ว ถามเสียงเบาว่า “นางกำลังทำอะไรหรือ”
ใต้เท้าจั่วเคยเห็นมาก่อนแล้ว ตอบกลับเสียงเบาว่า “อัญเชิญดวงวิญญาณ”
แม่ทัพใหญ่ใจเต้นรัว ดวงตาทั้งสองข้างเบิกกว้าง เหตุใดเจ้าจึงมองออก เจ้าไม่ได้ยึดหลักขงจื้อไม่สอนเรื่องอำนาจลี้ลับมาตลอดหรอกหรือ
ใต้เท้าจั่วยกมุมปาก คนมีชีวิตอยู่มานานแล้ว อะไรก็ได้เห็นมาหมดแล้ว ไม่ผิดแน่นอน
ฉินหลิวซีไม่สามารถอัญเชิญดวงวิญญาณของเจิ้งเหยามาได้ ซึ่งเป็นไปตามที่นางคาดไว้
“อัญเชิญมาไม่ได้หรือ” เมื่อใต้เท้าจั่วเห็นว่าไม่ได้เหมือนกับสถานการณ์ตอนที่นางอัญเชิญดวงวิญญาณของบุตรชาย พลันรู้สึกหนักใจ
ฉินหลิวซีส่ายหน้า มองแม่ทัพใหญ่พลางเอ่ยว่า “คุณหนูเจิ้งชะตาชีวิตสูงส่ง หากมีคนอยากได้ชะตาชีวิตของนางจริงๆ ทั้งคนทั้งดวงวิญญาณจะต้องถูกกักขังอย่างแน่นอน”
“สารเลว!” แม่ทัพใหญ่โกรธเป็นอย่างมาก ตบโต๊ะอย่างแรง รู้สึกเจ็บที่หน้าอกอีกครั้ง
หากเขารู้ว่าใครใจดำอำมหิตเช่นนี้ เขาจะฉีกทิ้งทั้งเป็น
“ชะตาชีวิตสามารถทำอะไรได้บ้าง” ใต้เท้าจั่วถามด้วยความประหลาดใจ
“ทำได้หลายอย่างเลยล่ะ สลับชะตาชีวิต เปลี่ยนแปลงโชคลาภ และ…” นางนึกถึงพลังมงคลสีทองของเรือนหลังนั้น เอ่ยว่า “เอาไปฝังเสาเอกก็ได้เช่นกัน”
เมื่อทั้งสองคนได้ฟังดังนั้นก็สีหน้าซีด
เรื่องเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องคิดทบทวนซ้ำไปซ้ำมา เพียงแค่ได้ยินก็รู้สึกขนลุก ทำให้รู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก
“แต่อัญเชิญดวงวิญญาณมาไม่ได้ แล้วศพล่ะ…” เมื่อใต้เท้าจั่วพูดคำนี้ ก็มองไปยังแม่ทัพใหญ่โดยไม่รู้ตัว เห็นว่าแม้ว่าเขาจะเศร้าโศก แต่ก็มีสายตามุ่งมั่น จึงเอ่ยเสริมว่า “เช่นนั้นจะสามารถหาศพเจอหรือไม่”
“สามารถหาพบได้” ซ้ำยังสามารถหาได้ในทันที ตราบใดที่นางยืนยันบางสิ่งได้
ขณะที่แม่ทัพใหญ่กำลังจะถามว่าทำอย่างไร ด้านนอกประตูก็มีบ่าวรับใช้มารายงาน หลวนไป่หลิงมาแล้ว รออยู่ที่ลานด้านนอก
ใต้เท้าจั่วมองไปยังฉินหลิวซีทันที นางจะก่อเรื่องอะไรอีก
“มองข้าทำไม พวกเราไปพบกับบุตรเขยผู้ประเสริฐของท่านแม่ทัพใหญ่กันดีกว่า” ฉินหลิวซีได้เดินไปที่ประตูแล้ว
แม่ทัพใหญ่กับใต้เท้าจั่วมองหน้ากัน ระงับความรู้สึกว่านางหนูผู้นี้อยากจะดูเรื่องครึกครื้นเอาไว้อย่างมาก แล้วเดินออกไปก่อน
เมื่อออกมาจากห้อง ผ่านประตูเรือนออกไป ฉินหลิวซีก็เห็นบุรุษสง่างามอ่อนโยนยืนอยู่ที่หน้าเรือนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยได้ในทันที
น่าสนใจ สะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีบาปกรรมติดตัวเลยแม้แต่นิด
นางผิดพลาดงั้นหรือ ทำนายพลาดไปหรือ