คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 915 ความจริงค่อยๆ ปรากฏ...
ตอนที่ 915 ความจริงค่อยๆ ปรากฏ…
ฉินหลิวซีไม่เชื่อเรื่องความบังเอิญ แม้ว่าจะปฏิเสธความอคติ พลังมงคลสีทองของเรือนหลังนั้นที่นางเห็น เป็นหลังที่อยู่ถัดจากเรือนของหลวนไป่หลิงพอดี และในไม่กี่ปีที่ผ่านมาหลวนไป่หลิงก็เลื่อนขั้นติดต่อกันสามขั้น เป็นคนที่ฮ่องเต้ให้ความสนใจ เส้นทางขุนนางประสบความสำเร็จ นี่เป็นเพียงความบังเอิญอย่างนั้นหรือ
นางไม่เชื่อ!
แต่ความจริงเมื่อนางเห็นหลวนไป่หลิง สะอาดสะอ้านเป็นอย่างมาก ท่าทางอ่อนโยน ดูอบอุ่น รูปร่างหน้าตางดงาม แม้จะบอกไม่ได้ว่าสมบูรณ์แบบ แต่เมื่อเทียบกับจอมเสเพลไม่เอาไหนที่นางเห็น เช่นนั้นเขาก็เป็นบุตรผู้สูงศักดิ์จากครอบครัวยากจนที่มีอนาคตสดใส
แม้ว่าเขาจะไม่ได้มาจากชนชั้นสูง แต่กลับอ่อนโยนต่อผู้อื่น มีกฎเกณฑ์มารยาทที่ถูกต้อง ทำให้คนรู้สึกว่าบริสุทธิ์
พลังบนร่างกายเขาสะอาดเป็นอย่างมาก มีเพียงพลังมงคลสีทองและความเจริญรุ่งเรืองสีแดงเท่านั้น ไม่ได้มีบาปกรรมชีวิตหรือผลกรรมติดตัว หรือว่าเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเจิ้งเหยา
ฉินหลิวซีมองไปยังโหงวเฮ้งของเขา เป็นโหงวเฮ้งดาวเหวินฉวี่[1]ลงมาเกิด ได้พบกับโอกาสและโชคดี ตำแหน่งการงานอุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยแสงสีม่วงแดง หากเป็นไปตามคาด เขาจะต้องก้าวสูงขึ้นทีละก้าว โบยบินขึ้นสู่จุดสูงสุด
เอ๋ ตำแหน่งบุตรอวบอิ่ม ซ้ายเป็นชายขวาเป็นหญิง พลังที่นางมองเห็นจากคนผู้นี้ไม่ได้สะอาดเช่นนั้น ซ้ำยังมีบุตร เพียงแต่เด็กคนนี้อ่อนแอเล็กน้อย เกรงว่าจะเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
เพียงแค่ดูสิ่งนี้ ก็เห็นว่าคนผู้นี้ไม่ได้ซื่อสัตย์อย่างที่เขาแสดงออกมา เขาปิดบังอะไรบางอย่างไว้
หลวนไป่หลิงไม่ทันระวังสบตากับฉินหลิวซี รูม่านตาหดลง ร่างกายแข็งทื่อเล็กน้อย แต่ไม่นานก็ผ่อนคลายลง เผยให้เห็นรอยยิ้มจางๆ ซ้ำยังพยักหน้าให้ฉินหลิวซี
คนผู้นี้เป็นใคร
มองดูไม่มีพิษมีภัย แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด หลวนไป่หลิงรู้สึกตื่นตระหนกในใจ ราวกับมีสายตาสัตว์ร้ายจ้องจนรู้สึกเสียวสันหลัง ฝ่ายตรงข้ามเตรียมพร้อมที่จะโจมตี กำลังแยกเขี้ยวมาทางเขา
ท่านแม่ทัพใหญ่แนะนำให้แก่หลวนไป่หลิง “ผู้นี้คือท่านเจ้าอาวาสน้อยอารามชิงผิง”
หลวนไป่หลิงตกตะลึง ยกมือขึ้นคำนับ “เจ้าอาวาสน้อย”
เป็นคนเสวียนเหมินหรือ สีหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่ใจเต้นขึ้นมา โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามาหาเขาทีละก้าว ทั้งๆ ที่ก้าวเท้าเบามาก แต่ในหูของเขากลับได้ยินราวกับเสียงตีกลอง โจมตีหัวใจของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ร่างกายแข็งทื่อ ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
ความเยือกเย็นพุ่งทะยานขึ้นมาจากฝ่าเท้า แพร่กระจายไปยังแขนขา กระดูก อวัยวะภายใน เย็นไปทั่วทั้งร่างกาย
หลวนไป่หลิงกำลูกประคำในมือตามสัญชาตญาณ ดวงตากลับมาสดใสอีกครั้ง กลับมีความรู้สึกระมัดระวังเล็กน้อย
ฉินหลิวซี “ช่างเป็นผู้ที่มีความสามารถมากจริงๆ หน้าที่การงานเจริญรุ่งเรือง จะต้องกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในไม่ช้า”
หากนางไม่ได้ปรากฏตัว
หลวนไป่หลิง “?”
เกิดอะไรขึ้น กำลังชมเขาหรือ
แม่ทัพใหญ่กับใต้เท้าจั่วก็สับสนเล็กน้อยอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อครู่นี้นางไม่ได้กล่าวเหน็บแนมว่าหลวนไป่หลิงมีเจตนาชั่วร้ายหรอกหรือ
ตอนนี้เหตุใดจึงได้ชื่นชมเสียแล้ว หรือว่าเมื่อเห็นคนก็รู้สึกว่าตัวเองคิดผิดไปแล้ว
ขณะที่แม่ทัพใหญ่กำลังจะเอ่ยปาก ฉินหลิวซีได้เห็นลูกประคำในมือของหลวนไป่หลิง จึงเอ่ย “ลูกประคำของเจ้าช่างลึกลับ ข้าขอดูได้หรือไม่”
หลวนไป่หลิงได้ฟังดังนั้น หัวใจราวกับถูกเชือกมัดไว้ แล้วมีคนค่อยๆ ดึงให้แน่นขึ้นทีละนิด
และคนที่ดึงเชือกก็คือคนที่อยู่ตรงหน้า
หลวนไป่หลิงเอ่ย “เพียงแค่ได้มาโดยบังเอิญ นักพรตเฒ่ามอบให้ ไม่คุ้มค่าให้กล่าวถึง” เขามองไปยังท่านแม่ทัพใหญ่ กล่าวว่า “ท่านพ่อตาเชิญเจ้าอาวาสน้อยมาตามหาเหยาเอ๋อร์หรือ มีเบาะแสอะไรหรือไม่ขอรับ”
แม่ทัพใหญ่สีหน้ามืดครึ้ม
ฉินหลิวซีหัวเราะเบาๆ “หาตัวคนไม่เจอแล้ว เจ้าจะยังหมั้นหมายต่อหรือไม่”
หลวนไป่หลิงขมวดคิ้ว
“ได้ยินมาว่าเจ้าจะแต่งกับคุณหนูเจิ้งเพียงคนเดียวเท่านั้น หากหาตัวไม่พบก็จะไม่แต่งงาน จะรับเลี้ยงเด็กในตระกูลมาสืบทอด ยังเป็นเช่นนั้นอยู่หรือไม่” ฉินหลิวซีถามตรงไปตรงมาเป็นอย่างมาก
แม่ทัพใหญ่ก็มองหลวนไป่หลิง เอ่ยด้วยใบหน้าโศกเศร้าว่า “เจ้ายังหนุ่ม ไม่จำเป็นต้องรอเหยาเอ๋อร์ ควรมีใครสักคนเคียงข้างจึงจะดี”
หลวนไป่หลิงได้ยินจากผู้ดูแลอู่แล้วว่า ผู้เฒ่าจั่ว ผู้ตรวจการแผ่นดินได้พาเด็กมาที่จวน จากนั้นก็เชิญเขามาทักทาย ใช่ว่าเขาไม่เคยคิดจะหาผู้ที่มีความสามารถมาตามหาเจิ้งเหยา อย่างไรเสียแม่ทัพใหญ่ก็เกือบจะเป็นบ้าในการตามหาบุตรสาวของเขา
เขาเดาถูกแล้ว แต่เดาจุดเริ่มต้นออก กลับเดากระบวนการหรือแม้กระทั่งจุดสิ้นสุดไม่ออก บุคคลที่อยู่ตรงหน้านี้พูดจาไม่มีลำดับขั้นตอน เดี๋ยวก็เปลี่ยนหัวข้อ แม้แต่ความสงบนิ่งเป็นประจำของเขาก็ยังถูกรบกวนด้วยคำถามที่ตรงไปตรงมาจนทำให้จังหวะการตอบสนองยุ่งเหยิง
ตอนนี้ก็ได้พูดถึงเรื่องจะดำเนินการหมั้นหมายต่อหรือไม่ กับเรื่องการรับเลี้ยงบุตร
ในใจหลวนไป่หลิงรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย ไม่ได้กล่าวอะไรอยู่พักหนึ่ง
ฉินหลิวซีเอ่ย “แล้วก็สามารถรับมารดาของบุตรเจ้ามาได้ด้วย”
อะไรนะ บุตร?
หลายคนพากันตกใจ
แม่ทัพใหญ่จ้องมองด้วยตาโตราวกับระฆังทองแดง กล่าวว่า “บุตรอะไรกัน”
หลวนไป่หลิงตกใจและหวาดกลัว กำหมัดแน่น อยากจะกำลูกประคำอีกครั้ง แต่ฉินหลิวซีจ้องเขาอยู่ เขาจึงอดทนไว้
“เขามีบุตรแล้ว” ฉินหลิวซีชี้ไปที่ตำแหน่งบุตรทางด้านซ้ายของหลวนไป่หลิง พยักหน้าเบาๆ “เป็นบุตรชาย”
แม่ทัพใหญ่หน้าเขียว
ดวงตาของใต้เท้าจั่วเป็นประกาย ให้ตายเถอะ วันนี้มีแต่เรื่องไม่หยุดไม่หย่อน ทำเอาเขาสำลักแล้ว
หลวนไป่หลิงหัวเราะอย่างขมขื่น คุกเข่าลงแล้วเอ่ยว่า “ท่านลุง เป็นความผิดของข้า เดิมทีข้าไม่ควรปิดบังท่าน แต่ว่า…”
ฉินหลิวซีกอดอกพลางเลิกคิ้ว ‘เป็นผู้มีความสามารถจริงๆ เมื่อถูกเปิดเผยก็ยอมรับอย่างกล้าหาญ!’
“เจ้ามีบุตรจริงๆ หรือ”
หลวนไป่หลิงกล่าวว่า “ท่านยังจำตอนที่เหยาเอ๋อร์พึ่งจะหายตัวไปได้หรือไม่ ในวันหยุดพักผ่อน ข้าออกไปตามหาเหยาเอ๋อร์ข้างนอก ที่จุดพักม้าได้พบกับน้องหญิงที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับท่านน้ามาขอพึ่งพา”
“มีเรื่องเช่นนั้น แล้วต่อมาไม่ได้บอกว่าน้องหญิงของเจ้าเสียชีวิตจากการป่วยกะทันหันหรอกหรือ” เรื่องนี้แม่ทัพใหญ่ก็รู้ เพื่อหลีกเลี่ยงความสงสัย หลวนไป่หลิงจึงได้ให้พวกเขาอาศัยอยู่ที่หมู่บ้าน แต่ได้ยินว่าต่อมาน้องหญิงของเขาได้เสียชีวิตจากการป่วยอย่างกะทันหัน
“ความจริงแล้วนางไม่ได้ป่วยกะทันหัน แต่เสียชีวิตจากการคลอดบุตรยาก นางวางยาข้า หลังจากคืนนั้นก็ตั้งครรภ์ เดิมทีข้าไม่รู้ เมื่อข้าได้รู้ ก็เป็นวันที่นางจะคลอดบุตรและมีภาวะคลอดบุตรยาก ต่อมานางก็ได้เสียชีวิตจากการคลอดบุตรยาก เหลือเพียงบุตรชาย ข้าจึงได้เลี้ยงดูเด็กคนนี้”
แม่ทัพใหญ่หัวเราะด้วยความโกรธ กล่าวว่า “เจ้ากำลังแต่งนิทานอยู่หรือ คิดว่าข้าโง่? ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าบอกว่าในภายภาคหน้าจะรับเด็กในตระกูลมาอยู่ภายใต้การดูแล คาดว่าคงจะเป็นบุตรแท้ๆ ของเจ้ากระมัง ขุดกำดักล่วงหน้าให้ข้ากระโดดลงไปหรือ”
“มันเป็นเพราะความเห็นแก่ตัวของข้า ข้ารักเพียงเหยาเอ๋อร์ หากนางกลับมาได้นั้นเป็นเรื่องน่ายินดี เด็กคนนั้นก็จะถูกส่งกลับไปยังตระกูล แต่หากหาตัวไม่พบ เช่นนั้นข้าก็มีบุตรแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องฝืนใจแต่งงานใหม่” หลวนไป่หลิงมีสีหน้ารู้สึกผิด “ปิดบังท่านนานขนาดนี้เป็นความผิดของข้า”
ข้อแก้ตัวนี้ทำให้คนหวั่นไหวหรือ
ไม่!
ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างไม่ใช่คนโง่เขลา จะประทับใจคำพูดที่น่ารังเกียจเหล่านี้ได้อย่างไร ลวงโลก
ใต้เท้าจั่วคิดว่าเป็นเพราะถูกเปิดโปงจึงได้กล่าวเช่นนี้ แต่หากไม่ถูกเปิดโปง หรือเมื่อแม่ทัพใหญ่จากไป เขาจะแต่งงานใหม่หรือไม่ ใครจะไปรู้ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร
ใต้เท้าจั่วเอ่ย “หมายความว่าเด็กคนนี้อายุได้สองปีแล้วหรือ หากเจ้าอาวาสน้อยไม่ได้ชี้ให้เห็น เจ้าก็จะเก็บไว้เป็นความลับต่อไปหรือ”
แม่ทัพใหญ่เปลือกตากระตุก สายตาเฉียบแหลม นึกถึงคำพูดของฉินหลิวซีขึ้นมา หากตัวเองไม่อยู่แล้ว ใครกันที่จะได้รับผลประโยชน์
เขาจะถือว่าคนผู้นี้เป็นบุตรเขย เมื่อหลับตาแล้วจากไป ทุกอย่างของตระกูลเจิ้งก็จะเป็นของหลวนไป่หลิงทั้งหมดไม่ใช่หรือ
[1] ดาวเหวินฉวี่ คือ ชื่อของดวงดาวอันดับที่สี่ในกลุ่มดาวกระบวยใหญ่ (กลุ่มดาวจระเข้) เชื่อว่าเป็นดวงดาวแห่งการศึกษา สติปัญญา ศาสตร์ต่างๆ