คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 916 หยั่งเชิงอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ 916 หยั่งเชิงอย่างต่อเนื่อง
……….
ไม่ใช่ว่าแม่ทัพใหญ่กับใต้เท้าจั่วอยากคิดใส่ร้าย กระทั่งก่อนหน้านี้ตอนที่ฉินหลิวซีบอกว่าดูเหมือนหลวนไป่หลิงต้องการจะยึดครองตระกูล พวกเขาก็ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อ เป็นเพราะภาพลักษณ์ของหลวนไป่หลิงที่มีต่อคนนอกนั้นดีมากจริงๆ นักปราชญ์อันดับหนึ่งเป็นขุนนางที่ซื่อตรง ประพฤติตัวดี โดยเฉพาะหลังจากที่ว่าที่ภรรยาหายตัวไป ทุกปีก็จะไปที่สถานสงเคราะห์และค่ายผู้ลี้ภัย ทำโรงทานโจ๊ก บอกว่าต้องการจะสั่งสมบุญให้ว่าที่ภรรยา ใครบ้างไม่ชมว่าเขามีความรู้สึกที่ลึกซึ้งและมีคุณธรรม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเขาที่ไม่ได้มีการสนับสนุนจากตระกูลใหญ่อยู่ข้างหลัง แต่กลับได้รับการเลื่อนตำแหน่งสามขั้นในเวลาเพียงไม่กี่ปีกลายเป็นผู้ที่ฝ่าบาทให้ความสนใจ เห็นได้ถึงความโดดเด่นของเขา
แต่คนที่โดดเด่นในสายตาของพวกเขาผู้นี้ กลับแอบมีบุตรนอกสมรสซึ่งอายุได้สองขวบแล้ว
เป็นเรื่องเข้าใจได้ที่ท่านแม่ทัพใหญ่กำลังหมกหมุ่นเป็นกังวลอยู่กับเรื่องของบุตรสาวจึงไม่ได้ตรวจสอบเรื่องนี้ แต่ไม่มีข่าวแพร่สะพัดจากภายนอกแม้แต่นิดเดียว เห็นได้ว่าเขาปิดบังอย่างมิดชิดแค่ไหน และซ่อนไว้ลึกมากเพียงใด เพียงแค่เป็นคนเจ้าแผนการก็พอแล้วไม่ใช่หรือ
คนที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้อ่อนโยนไร้พิษภัยอย่างที่พวกเขาเห็นจากภายนอก
จะว่าไปแล้ว ผู้ที่อยู่ในแวดวงขุนนาง มีสักกี่คนที่จะใจดีไม่มีพิษภัยจริงๆ ใครบ้างไม่มีเล่ห์เหลี่ยม โดยเฉพาะเขาซึ่งเป็นคนที่ฮ่องเต้ให้ความสนใจ
หากไร้พิษภัยจริงๆ เพียงแค่สถานะคนดังก็ดึงดูดให้ผู้คนระแวดระวังและอิจฉาริษยา สร้างปัญหาอุปสรรคให้กับเขา
แต่ในช่วงหลายปีมานี้นับว่าหลวนไป่หลิงมีอุปสรรคอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ล้วนไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร ในทางกลับกัน เนื่องจากสถานะและบุคลิกที่ใจดีของเขา ความนิยมของเขาก็นับว่าไม่เลวเลย
ตอนนี้จู่ๆ เรื่องบุตรนอกสมรสก็ถูกเปิดเผย ทำให้รู้สึกว่าบุคลิกนี้ถูกทำลายในทันที
อย่าบอกเด็ดขาดว่าความผิดของบุรุษในใต้หล้านี้เป็นเพราะดื่มมากเกินไปจึงได้ทำผิดพลาด หากดื่มมากจริงๆ ก็คงลุกไม่ขึ้นไปแล้ว ทุกคนล้วนเป็นบุรุษ ในใจย่อมรู้ดี!
เอาเถิด บอกว่าถูกวางยา แต่ว่าขัดขืนไม่ได้เลยจริงๆ หรือ
เรื่องเช่นนี้ในเมืองหลวงมีไม่น้อย แต่บางคน หากมีจิตใจแน่วแน่จริงๆ ยอมที่จะทำร้ายตัวเองมากกว่าตกหลุมพลาง และเขาบุคคลที่รักตัวเองและชื่อเสียง จะไม่มีวิธีเลยหรือ
บอกได้เพียงว่าเขาปล่อยไปตามน้ำ
สิ่งที่ไร้เหตุผลที่สุดก็คือบอกว่าสตรีผู้นั้นตั้งครรภ์ จนกระทั่งคลอดบุตรเขาจึงได้รู้ เช่นนั้นก็ยิ่งไม่สมเหตุสมผล นางวางยาก็เพราะอยากขึ้นครองตำแหน่งไม่ใช่หรือ เมื่อสำเร็จแล้วไม่ได้ขอร้องให้เจ้ารับผิดชอบ เมื่อตั้งครรภ์กลับไม่พูดอะไรจนกระทั่งคลอดบุตร เกิดอะไรขึ้น นางคิดเพียงแค่อยากจะยืมมาทำพันธุ์อย่างนั้นหรือ
ข้อแก้ตัวนี้ เดิมทีก็มีช่องโหว่มากมายอยู่แล้ว!
บุรุษสองคนที่อายุเกินห้าสิบปีคิดได้ ฉินหลิวซีก็คิดได้เช่นกัน ข้อแก้ตัวที่เต็มไปด้วยช่องโหว่ เขากล่าวเช่นนี้คิดจะทำอะไรกัน
ทำให้สับสน?
ปรากฏว่า หลวนไป่หลิงเงยหน้าขึ้น กล่าวว่า “แม่ทัพใหญ่ ความผิดพลาดครั้งใหญ่ได้เกิดขึ้นแล้ว ข้าไม่มีอะไรจะแก้ตัว ก็รู้ว่าข้าไม่มีหน้ามาพบท่าน ข้าขอตัวก่อน ท่านวางใจได้ ข้าจะไม่ยอมแพ้ในการตามหาเหยาเอ๋อร์”
นี่มันต้องการหลบหนีชัดๆ!
เหยื่อที่มีสมองสักหน่อย เมื่อสังเกตเห็นถึงอันตราย ก็จะหลบหนีไปก่อนตามสัญชาตญาณ หลวนไป่หลิงก็เป็นเช่นนี้
เขาไม่เคยดูถูกใครเลย เพียงแวบแรกฉินหลิวซีก็ทำให้เขารู้สึกถึงอันตราย ซ้ำคำพูดและการกระทำของคนผู้นี้ก็ไม่เป็นไปตามขั้นตอน โจมตีโดยตรงทำให้เขาหลบไม่ทันอยู่บ้าง
เมื่อเสริมกับความรู้สึกผิด เขาจึงทำได้เพียงยอมรับเรื่องเด็กอย่างกล้าหาญแล้วจากไปก่อน
จู่ๆ คำพูดของฉินหลิวซีก็ดังก้องอยู่ในหูของแม่ทัพใหญ่ “ท่านบอกไปว่าไม่มีความหวังที่จะตามหาเจิ้งเอ๋อร์ อยากจะเห็นเด็กคนนั้นสักหน่อย”
เขาเหลือบมองฉินหลิวซี เห็นว่าริมฝีปากของอีกฝ่ายไม่ได้ขยับ เพียงแค่รอชมละคร รู้สึกตกใจกลัวเสียงที่ผ่านเข้ามาในหู
“เด็กคนนี้ ข้าขอพบได้หรือไม่” แม่ทัพใหญ่แสร้งทำเป็นถามด้วยท่าทางโศกเศร้า
หลวนไป่หลิงตกตะลึง สับสนเล็กน้อย
แม่ทัพใหญ่หลับตาลง เมื่อลืมตาอีกครั้ง เอ่ย “สามปีมาแล้ว ต่อให้ไม่อยากจะยอมรับ เกรงว่าจะตามหาเหยาเอ๋อร์ไม่พบแล้ว ร่างกายของข้าก็แย่ลงทุกวัน ไม่รู้ว่าจะจากไปตอนไหน หากเจ้ามีความรู้สึกและคุณธรรมอย่างแท้จริง ยินดีที่จะแต่งงานกับเหยาเอ๋อร์ในฐานะภรรยาคนแรกของเจ้า บันทึกเด็กคนนี้ไว้ภายใต้ชื่อของนาง ในช่วงเทศกาลของทุกปีก็จะได้มีคนจุดธูปรำลึกถึงนาง”
นี่มันจุดเปลี่ยนอะไรกัน
ใต้เท้าจั่วดวงตาเป็นประกาย แสร้งทำเป็นกล่าวอย่างไม่เห็นด้วยว่า “เหล่าเจิ้ง เขาซ่อนเด็กคนนี้ไว้มาสองปีกว่าแล้ว เห็นได้ชัดว่าพฤติกรรมไม่เหมาะสม จะคู่ควรกับนางหนูเหยาได้อย่างไร”
ความโศกเศร้านั้นเป็นเรื่องจริง น้ำตาก็เป็นของจริง มีความรู้สึกจริงๆ เนื่องจากว่าเจิ้งเหยาจากไปแล้วจริงๆ หากตระกูลเจิ้งไม่มีใครแล้ว แม้แต่บุตรนางก็ไม่มี แล้วใครจะเป็นคนกราบไหว้บูชา
ใต้เท้าจั่วสำลัก สะบัดแขนเสื้อ หันหน้าหนี ราวกับว่าถูกทำให้โมโห
ฉินหลิวซียกนิ้วโป้งให้เขา ‘แสดงได้ไม่เลวเลย!’
ใต้เท้าจั่ว “…”
เขาบ้าไปแล้ว ความรู้สึกมีความสุขที่ได้รับเกียรติเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน
“เจ้าไม่อยากให้ข้าพบเขาหรือ” เมื่อแม่ทัพใหญ่เห็นว่าหลวนไป่หลิงสีหน้าตกตะลึง ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
หลวนไป่หลิงส่ายหน้า “ข้าตัวคนเดียวดูแลเขาได้ไม่ดี จึงได้ส่งเขาไปเลี้ยงดูอยู่ที่บ้านเกิด ต้องไปรับกลับมา”
แม่ทัพใหญ่ได้ฟังดังนั้นก็ผิดหวังเล็กน้อย
สัญชาตญาณของฉินหลิวซีรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ หลีกเลี่ยงไม่ให้แม่ทัพใหญ่พบเด็กคนนี้
“ช่างเถิด เจ้ากลับไปเถิด” แม่ทัพใหญ่โบกมือ
หลวนไป่หลิงอยากจะกล่าวแต่ก็หยุดไป ไม่ได้พูดอะไร ยืนขึ้นคำนับ หันหลังแล้วจากไป แต่หลังจากที่เขาหันหลังก็ปรากฏแววตาที่น่ากลัวขึ้นมา
เด็กอยู่ในแผนของเขา แต่เป็นการที่เขาตั้งใจที่จะพามาเอง เท่ากับว่าเป็นบุตรของคนตระกูล ไม่ใช่เพราะถูกคนเปิดโปง เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะทำลายแผนของเขา
ตอนนี้มีจุดเปลี่ยนอย่างฉินหลิวซีโผล่ขึ้นมา
ให้ตายเถอะ!
หลวนไป่หลิงไม่ได้หันกลับมา แต่กลับรู้สึกถึงการจ้องมองที่เหมือนเงาตามตัว ราวกับมีบางอย่างสาดส่องมาที่หลัง ทำให้เขารู้สึกไม่สบายทั้งตัว
เขากำลูกประคำในมือ สูดหายใจเข้าลึก นายท่านจะต้องช่วยเขา
ทันทีที่หลวนไป่หลิงจากไป แม่ทัพใหญ่ก็ถามอย่างร้อนใจว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น เหตุใดจู่ๆ เขาจึงได้มีบุตร”
“นี่ไม่สำคัญ เด็กคนนี้ เขาไม่อยากให้ท่านเห็น”
ฉินหลิวซีแตะหลังมือ สงสัยว่าเหตุใดเขาจึงไม่ให้แม่ทัพใหญ่พบเด็กคนนี้
ใต้เท้าจั่วเอ่ย “เรื่องเด็ก มีอะไรเกี่ยวข้องกับนางหนูเหยาหรือ เขาเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนางหนูเหยาหรือ เป็นเขาที่ทำร้ายนางหนูเหยาจริงๆ หรือ”
รูม่านตาแม่ทัพใหญ่หดลง ส่งเสียงสั่นเครือในลำคอ
“ข้าไม่เห็นบาปกรรมเลือดบนตัวของเขา”
“หมายความว่าอย่างไร”
ฉินหลิวซีกล่าวอธิบายว่า “หากเขาทำร้ายคน หรือว่าฆ่าคน ก็จะต้องแบกรับบาปฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ก็คือบาปเลือด เนื่องจากเป็นผลกรรม ดังนั้นเมื่อทำลงไปแล้ว ก็ต้องแบกรับผลกรรมเช่นนี้ แต่บนตัวของเขานั้นกลับไม่มีบาปกรรมเช่นนี้ติดตัว สะอาดสะอ้านเป็นอย่างมาก ตอนนี้ดูจากภายนอก เขาแค่ปิดบังเรื่องที่ตัวเองมีบุตรนอกสมรส”
แม่ทัพใหญ่ถอนหายใจเบาๆ ด้วยความโล่งอก
ใต้เท้าจั่วเองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเช่นกัน “เช่นนั้นผู้ที่ทำร้ายพวกเขาสองคนพ่อลูกก็ไม่ใช่เขา?”
ฉินหลิวซีส่ายหน้า “ก็ไม่แน่”
“หา? เจ้าไม่ได้บอกว่าไม่มีบาปกรรมนี้หรอกหรือ”
“ไม่มี แต่สัญชาตญาณของข้าบอกว่าเขาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้” ฉินหลิวซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “แม้ว่าเขาจะไม่มีบาปกรรมติดตัว แต่ก็มีความเป็นไปได้หนึ่งอย่าง ก็คือเขาพกเครื่องรางติดตัวเพื่อปกปิดหรือหลีกเลี่ยงบาปกรรมนี้ติดตัว ข้าสังเกตเห็นลูกประคำเส้นนั้นบนข้อมือของเขา ประหลาดเล็กน้อย ข้าตั้งใจหยั่งเชิงขอดู แต่เขาไม่ให้ หากเป็นเพราะเครื่องรางได้เปิดใช้งาน มีข้อห้ามผู้อื่นแตะต้อง เช่นนั้นข้าไม่จับ เพียงแค่ดูก็ได้ แต่พวกท่านลองคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ เขาหลีกเลี่ยง เช่นเดียวกันกับเรื่องของเด็ก ตั้งใจเลี่ยง”
แม่ทัพใหญ่หน้าซีด ร่างกายโซเซ